ไอ้หนุ่มเมากาวทืบแม่ตาบอด ญาติตื๊อบำบัด ยายป้องลูกปัดถูกบีบขอทานไถเงิน (คลิป)

6 พ.ย. 64

จากกรณี เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ได้รับแจ้งเหตุ มีบุคคลทำร้ายร่างกายมารดาของตัวเอง ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ในหมู่บ้านหลังคาแดง เคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ โดยขณะนั้นพบผู้คนมามุงดู และมาตะโกนด่าชายคนหนึ่ง

727114

ทราบชื่อภายหลังคือ นายสยามชัย ศักดิ์ดี อายุ 37 ปี ชายผู้ก่อเหตุ พร้อมมารดาของตัวเอง ซึ่งสภาพถอดเสื้อ ใส่กางเกงตัวเดียว มีอาการมึนเมา และพูดไม่รู้เรื่อง และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ร่มเกล้า เข้ามา ระงับเหตุ และอีกด้านพบหญิงชรา หน้าเต็มไปด้วยเลือดอยู่บนรถยนต์ มีคนจะพาไปหาหมอ ซึ่งเป็นหญิงชราตาบอด ทราบต่อมาชื่อนางคาถาทิพย์ อัมพร อายุ 60 ปี

272232

ล่าสุด วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังในหมู่บ้านหลังคาแดง เคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ทีมข่าวทราบมาว่าทางนายสยามชัย หรือ อาร์ม ผู้ก่อเหตุ ยังอาศัยอยู่บ้านอีกหลัง เป็นกระต๊อบเล็ก ๆ ห่างจากบ้านของมารดาผู้ก่อเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ตรวจสอบพบมีหลอดกาวที่ใช้ดมตั้งอยู่กระจายเต็มกระต๊อบ และกลิ่นกาวโชยอยู่เต็มทั้งหลัง

261385362987

จากนั้นทีมข่าวได้เดินเข้าไปภายในกระต๊อบพบว่าทางนายอาร์มกำลังนั่งอยู่บนแคร่ไม้ ทีมข่าวได้พยายามเข้าสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทางนายอามได้ปฏิเสธทุกคำถาม และมีการส่ายหัวไปมา บางช่วงจังหวะถ้าหากทีมข่าวซักถามคำถามย้ำหลายครั้ง ทางนายอามก็จะตอบกลับมาว่า "ไม่ ไม่ได้ทำ หรือไม่รู้" และบอกว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับดมกาวแล้ว

255840

โดยในบรรยากาศตอนนั้น มีทั้งประชาชนเข้ามาช่วยกันสอบถามทางนายอาร์มอยู่กว่า 10 คน เพื่อทำการพูดคุยเกลี้ยกล่อมให้ยินยอมไปรักษาตัว จนไม่นานเจ้าตัวได้ยินยอมและบอกกับทุกคนว่าจะไปรักษาตัว ช่วงจังหวะนั้นทางพี่สาวก็ได้มีการเดินเข้ามาพูดคุย ตักเตือน สั่งสอนว่าอย่าทำร้ายแม่ ชักจูงขอให้ไปรักษา ทางนายอาร์มก็ยินยอม และได้มีการจับมือกันกับทางพี่สาว พร้อมกับ
เสียงปรบมือยินดีของชาวบ้านที่ยืนดูกัน

409343

นางสุธาดา แก้วใจ อายุ 42 ปี พี่สาวผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า น้องชายของตนเองมีอาการไม่สมประกอบแบบนี้มา 20 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่หนีทหารออกมา จากนั้นมีพฤติกรรมดมกาว เริ่มดมมาตั้งแต่อายุ 19 ปี จนดมมาตอนนี้ในวัยอายุ 37 ปีแล้ว แต่เวลาดาวหมดก็จะทำร้ายแม่อยู่ตลอด ขโมยของ และเงินของแม่ ซ้ำยังมีการบังคับให้แม่ ไปออกหาเงินขอทานให้กิน

169148

ซึ่งก่อนหน้านี้ ครอบครัวอยู่กัน 4 คน มีแม่นายอาร์มและเมีย และลูกอีกคน และตอนนี้ทางภรรยาได้หนีไปแล้วพร้อมกับลูกชายอีก 1 คน ที่สำคัญกำลังไปคลอดลูกที่อยู่ในท้องอีกด้วย ตอนนี้ที่บ้านของแม่ก็จะเหลือแม่อยู่คนเดียวเพียงลำพัง นายอามเข้าทำร้ายแม่อยู่เป็นประจำ เวลาแจ้งตำรวจ ตำรวจขอแจ้งข้อหาอะไรไม่ได้ กล่าวว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว ต้องให้ครอบครัวจัดการกันเอง ซึ่งตำรวจได้กล่าวว่าไม่รู้จะแจ้งความเรื่องอะไร เพราะตัวจากสารเสพติดแล้วก็ไม่มี ซึ่งเจ้าตัวดมสารระเหย

cg

ทั้งนี้ ตนเองอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือ โดยที่เป็นหน่วยงานไหนก็ได้ ที่สามารถช่วยเหลือทางนี้ได้เพื่อนำตัวไปบำบัดรักษาให้ดีขึ้น จากที่ได้ยินว่าน้องชายมีความยินยอมไปรักษา ส่วนตัวก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก มีความหวังว่าน้องชายจะกลับมาหายดีตามปกติ

236498

นางคาถาทิพย์ อัมพร อายุ 60 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ มีร่องรอยบาดแผลบริเวณเบ้าตาที่ถูกชกต่อย สันจมูกหัก เท้าทั้ง 2 ข้าง ถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล เนื่องจากถูกความร้อนจากพื้นถนนที่ใช้เท้าเดิน กล่าวว่า เมื่อวานนี้ตนเองนั่งวีลแชร์ เพื่อจะไปหาลูกชายที่บ้านกระต๊อบที่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อตนเองเดินทางไปถึงก็ได้มีการนั่งคุยอยู่กับลูกชายได้ประมาณ 15 นาที

จากนั้นไม่นานตนเองกำลังจะกลับบ้าน ช่วงจังหวะนั้นได้บอกกับลูกชายว่า "ช่วยมายกตัวแม่ขึ้นรถเข็นหน่อย มองไม่เห็น ลุกขึ้นไม่ไหว" ทางลูกชายก็ตอบกลับมาว่า "ไม่ทำ ไม่ช่วย" พร้อมกับมีน้ำเสียงหงุดหงิดใส่ ตนเองจึงพูดในทำนองน้อยใจใส่ลูกชายว่า "ทำไมถึงไม่ช่วยแม่" ไม่นานทางลูกชายก็เข้ามาตบตี ชกต่อยที่ใบหน้าหลายครั้งมาก จนตนเองเลือดไหลเต็มใบหน้า ตนเองเชื่อว่าลูกชายไม่ได้ตั้งใจ แต่เพียงแค่พลาดท่าด้วยอารมณ์โมโหหงุดหงิด เพราะลูกชายติดดมกาวอย่างหนัก อาการตอนนี้ปวดเป้าตาทั้ง 2 ข้าง และสันจมูกหัก เพราะเกิดจากการถูกลูกชายทำร้าย ตอนนี้ตนเองไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรลูกชายเลย

จากที่ชาวบ้านพูดกันว่าตนเองไปขอทานหาเงินให้ลูกชาย ยอมรับว่าไม่ใช่ เพียงแต่ตนเองไปนั่งร้องเพลงตามตลาดมากว่า 10 ปีแล้ว ลูกชายก็จะช่วยเข็นวีลแชร์พาตนเองไปทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนเองอยากให้ทางหน่วยงานช่วยมานำตัวลูกชายไปรักษาตัว เพราะไม่อยากให้ลูกชายมีพฤติกรรมแบบนี้ ทุกครั้งทำร้ายตนเองมาตลอดจนเริ่มหวั่นกลัวว่าจะไปทำร้ายเพื่อนบ้านคนอื่น

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส