สิงคโปร์ เตรียมประหารหนุ่มมาเลย์ขนเฮโรอีน แม้มีความบกพร่องทางสมอง

6 พ.ย. 64

สิงคโปร์ เตรียมประหารชีวิต หนุ่มมาเลย์เชื้อสายอินเดีย 10 พ.ย.นี้ ข้อหาขนเฮโรอีน 42.72 กรัมเข้าประเทศ หลังต่อสู้คดีมา 12 ปี ด้านนายกฯ ลี เซียน ลุง ระบุ “เสียใจ แต่ต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย”

กระทรวงกิจการภายในของสิงคโปร์ (Ministry of Home Affairs :MHA) ยืนยันจะทำการประหารชีวิตชายชาวมาเลเซีย เชื้อสายอินเดีย ผู้มีความบกพร่องทางสติปัญญาและมีอาการทางจิต ด้วยวิธีการแขวนคอในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ จากความผิดฐานลักลอบนำยาเสพติดประเภทเฮโรอีนน้ำหนัก “เพียง 42.72 กรัม” เข้าสู่สิงคโปร์ ด้วยวิธีการแอบซุกมาบริเวณต้นขาเมื่อปี ค.ศ.2009 หรือเมื่อ 12 ปีก่อน เพื่อแลกกับเงินค่าจ้างจำนวนหนึ่ง จากแก๊งค้ายาเสพติดในมาเลเซีย

สำหรับชายชาวมาเลเซียรายนี้ เป็นชาวเมืองอิโปห์ ในรัฐเปรักของมาเลเซีย ถูกจับกุมเมื่อปี ค.ศ.2009 แต่ทนายความของเขาและกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มได้ต่อสู้คดีตลอด 12 ปีที่ผ่านมา เพื่อพยายามช่วยเหลือให้เขาพ้นจากโทษประหาร โดยอ้างเหตุผลทางการแพทย์ว่า เขาเป็นผู้มีความบกพร่องทางสติปัญญาโดยมีระดับไอคิวเพียงแค่ 69 ซึ่งถือเป็นระดับไอคิวที่ทั่วโลก ถือว่า “เป็นผู้พิการทางสมอง” อีกทั้งยังมีอาการป่วยทางจิตระดับอ่อน ร่วมด้วย

ล่าสุดมีการล่ารายชื่อมากกว่า 40,000 รายชื่อ เพื่อขอให้ทางการสิงคโปร์ ยกเลิกการประหารชีวิต ในวันที่ 10 พ.ย.

อย่างไรก็ดี กระทรวงกิจการภายในของสิงคโปร์ยืนยันว่า จำเป็นต้องแขวนคอผู้ต้องหารายนี้ในวันที่ 10 พ.ย. นี้ เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย อีกทั้งยังระบุว่า ถึงแม้จะมีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าชายชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดียรายนี้ เป็นผู้มีความบกพร่องทางสมอง และมีภาวะไม่ปกติทางจิตจริง แต่เขาก็รู้ตัวดีทุกอย่าง ตอนที่ลักลอบขนเฮโรอีนซ่อนมากับต้นขาของตัวเองเมื่อ 12 ปีก่อน ดังนั้น จึงไม่อาจลดหย่อนผ่อนโทษให้กับเขาได้

ล่าสุดมีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง ผู้นำสิงคโปร์ ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งข่าวการประหารชีวิตที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 พ.ย. นี้ให้กับ แม่ของชายผู้นี้ที่อยู่ในมาเลเซียแล้ว พร้อมทั้งสั่งขยายระยะเวลาให้แม่ของเขา สามารถเดินทางมาเยี่ยมลูกชายในเรือนจำที่สิงคโปร์ได้จนถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน (1 วัน ก่อนการประหารชีวิต) เพื่อเปิดโอกาสให้แม่และลูกได้ใช้เวลา “ช่วงสุดท้าย” ร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ระบุว่า ถึงแม้จะรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งกับการประหารชีวิตที่กำลังจะมีขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง เขาก็จำเป็นต้องรักษาความศักดิ์สิทธิของกฎหมายเช่นกัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม