เปิดความรักที่สะเทือนอารมณ์ที่สุดของ หมู พงษ์เทพ ที่มาของเพลง น้ำตาหอยทาก

1 พ.ย. 64

ถือเป็นศิลปินเพื่อชีวิตระดับตำนานของประเทศไทย ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ สำหรับ "หมู พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ" เมื่อได้มาแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show เจ้าตัวก็ได้เปิดใจแบบหมดเปลือกในทุกเรื่องราวชีวิตตั้งแต่ที่กว่าจะได้เข้ามาในเส้นทางสายดนตรีชีวิตก็ลำบากมาก ส่วนในเรื่องหัวใจชีวิตนี้ไม่เคยที่จะอยากแต่งงานกับใคร แต่พอเจอคนที่อยากแต่งงานใช้ชีวิตด้วยก็ต้องผิดหวังสะเทือนใจอย่างหนัก เพราะครอบครัวผู้หญิงที่รักให้เลือกทิ้งไมค์และไปค้าขาย พร้อมเล่าอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ทำให้ตอนนี้เล่นกีตาร์ไม่ได้ตอนนี้ได้เพียงแต่อุ้มไว้เท่านั้น

s__77930559 

ถาม ย้อนกลับไป น้าหมู พงษ์เทพ เข้าวงการมาได้ยังไง

น้าหมู พงษ์เทพ : ผมได้เรียนศิลปะ ที่เรียนไม่ได้สอบได้นะครับ เขารับ 30 คน แต่คนมาสมัคร 28 คนเลยได้ เราเขียนรูปก็ไม่เก่ง ครูก็บอกว่า หมู ครูว่าหมูจบเลยนะ ไม่ต้องเรียนแล้ว ไปทำงานเถอะ เราก็เดินออกจากโรงเรียนไปด่านเกวียน ไปทำเตาเผา ไปปั้นนกฮูก ปั้นโอ่ง ปั้นไห ตอนเรียนชอบเป่าขลุ่ย ชอบดนตรี เข้าวงการคือผมมาอยู่ด่านเกวียน ปั้นโอ่ง ปั้นไหไปวันหนึ่งหงา (คุณสุรชัย จันทิมาธร) เขาตั้งวงคาราวาน แล้วเขามีเพลงๆ หนึ่ง เพลง "นกสีเหลือง" เพลงนี้ต้องประกอบด้วยขลุ่ย เขาไปเล่นที่โคราช เขาก็ถามว่าเพื่อนๆ เขาว่ามีเพื่อนที่เป่าขลุ่ยเป็นไหม เพื่อนก็บอกว่า หมูไง ชอบเป่าขลุ่ย มีขลุ่ยเต็มบ้านเลย ก็ไปรับผมที่ด่านเกวียน ไปเป่าขลุ่ยที่โรงภาพยนตร์ลาสเวกัสเพลง "นกสีเหลือง" ผมไม่เคยได้ยินเลยตอนนั้น ผมก็ไว้ผมยาว ใส่ชุดสีดำ ม่อฮ่อม เราก็ถามพี่หงาว่าเป่ายังไง เขาก็บอกเราว่าอยากเป่ายังไงก็เป่าไปเถอะ พอเพลงขึ้นเราก็เป่าไปตามเพลง พอจบเพลง คนก็ตบมือใหญ่เลย พอเราเป่าเสร็จเพลงนั้นเพลงเดียว เราก็ลงจากเวที แล้วก็กลับด่านเกวียนเลย ตอนนั้นพี่หงาเขาเป็นเจ้าแรกที่พยายามจะสร้างเพลงเพื่อชีวิตขึ้นมา แต่ก่อนผมไม่รู้ ผมเรียกหงา เรียกเป็นเพื่อน ไม่รู้ว่าแกอายุมากกว่าผมตั้งหลายปี ตอนหลังเลยต้องเรียกพี่


ถาม ซึ่งในช่วงชีวิตหนึ่งของน้าหมูเคยลำบากมาก

น้าหมู พงษ์เทพ : เราไปอยู่กับครอบครัวหนึ่ง เขามีพ่อ แม่ ลูกเนอะ เขาก็ซื้อข้าวสามถุงกินกันสามคน เขาก็จะแบ่งให้เราเราก็บอกว่าไม่เอา อิ่มแล้ว เราก็เลยลงมาข้างล่างให้เขาได้กินข้าวกัน ช่วงนั้นคือดินแดงน้ำท่วม เราอยู่ตรงแฟลตดินแดงตอนนั้นอุจจาระลอยมา เราคิดว่าอยากเป็นหมามาก ถ้าเป็นหมาก็อิ่มไปแล้ว เพราะกินอุจจาระได้ ตอนนั้นมันไม่มีเงิน ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ไม่นานหรอก แต่ช่วงไม่นานมันเป็นความไม่นานที่จมดิ่งที่สุด มันรู้สึกว่านาน ทรมานมาก จากโคราชจะมานี่ก็ขอเงินเพื่อนนะ แล้วก็ขอรองเท้าเพื่อนมาคู่หนึ่ง แต่พอเพลงคนกับหมาออก คือที่นี่ยืดๆ ตั้งวง ที่มาของเพลง คนกับหมา คือแอ๊ดเขากำลังนั่งเขียนเพลง ชีวิตฉันมีแต่หมาพาไป เขาก็บอกเราว่าพี่ต้องร้องเพลงนี้ เหมาะกับพี่มาก เราก็ช่วยกันขัดเกลา เล็กเขาก็เอากีตาร์มาแจม เขาก็บอกว่าใช่ๆ พี่หมูต้องร้องเพลงนี้ เพราะท่าทางแปลกๆ น้ำเสียงแปลกๆ อะไรแปลกๆ ต้องพี่ตอนนั้น คาราบาวเขาทำ เมด อิน ไทยแลนด์ ตอนนั้นดังมาก ตอนนั้นที่เขาจะขายเมด อิน ไทยแลนด์ให้แกรมมี่ เขาก็เอาผมไปด้วย อากู๋ก็ยังไม่รู้จัก หมู พงษ์เทพ คนไหนก็ไม่รู้ พอฟังเพลงชีวิตฉันมีแต่หมา เฮ้ย มันดูถูกคนตาบอดหรือเปล่า สมาคมคนตาบอดเขาไม่ชอบอะไรแบบนี้นะ เราก็บอก อากู๋ อย่าไปคิดอย่างนั้นสิ คิดว่ามันเป็นเพลงมันตลก แอ๊ด เลยบอกว่าถ้าไม่เอาพี่หมูด้วย คาราบาวไม่ต้องขาย คือเขาก็หวังดีกับเรา แกรมมี่ก็เลยเอาคาราบาว พงษ์เทพแถมแต่พ่วงไปคือดังทั้งคู่เลย แล้วคนแถวต่างจังหวัด พวกเจ้านายที่เป็นข้าราชการไม่กล้าเดินนำหน้าเลยตอนเที่ยง กลัวเป็นหมา (หัวเราะ) เพราะมีคนมากระซิบเรา พี่ๆ เขียนเพลงนี้ ผมไม่กล้าให้ลูกน้องเดินตามเลย แต่ว่าเอาเข้าจริงๆ แล้ว เพลงคนกับหมา เป็นเพลงที่แอ๊ดเริ่มต้นที่จะเขียนออกมาให้เรา มันไม่ใช่ตัวเรา 100 เปอร์เซ็นต์ เราก็ยังนึกว่าสักวันต้องเป็นตัวเรา ก็เลยเขียนเพลง ตังเก คือตัวจริงเลย ตอนนั้นมหาวิทยาลัยรามคำแหงเขาจัดรับน้องที่ปากน้ำปราณบุรี แล้วเขาเชิญผมไปเล่นเมื่อก่อนนั้นเล่นคนเดียว พอเล่นเสร็จก็นอนกับเขา พอเช้าก็หากินกาแฟ ก็ได้ยินพวกตังเกเขาสาวแห เขาทุ่นแหกัน เราก็คิดมีแต่คนโคราช คนขอนแก่น คนอุดรธานี สำเนียงเขาก็เล่าว่ามาจากขอนแก่น บางคนมาจากอุดรธานี จำเป็นต้องมาลงทะเล เมาคลื่นก็ฝันว่ามีงานทำ จะมีเรือสักลำ เราก็ขอออกทะเลไปกับเขาด้วยนะ อยากรู้ว่าการเมาทะเลเป็นยังไง ไปครั้งเดียวเลยอ้วกเขียวอ้วกแดงเลย กลับมาก็เขียนไม่นาน แต่เก็บไว้อยู่ 2 ปี ไม่กล้าเอามาร้อง เพราะว่ากลัวว่าจะเป็นลูกทุ่งเกินไป จนกระทั่งมาทำอัลบั้ม คนจนรุ่นใหม่ อากู๋ก็บอกว่า หมู ขออีกสักเพลงนะ เพราะเพลงมันยังไม่โจ๊ะๆ เท่าไหร่ ยังเหลือเพลง ตังเก ก็เลยเอามาใส่ลงไป ประสบความสำเร็จมาก พิมพ์วันละหมื่นม้วน ผมยกปกไปพิมพ์จนเจ็บเอว ตอนนั้นรายได้ม้วนละ 10 บาท ขายได้ประมาณหนึ่งล้านสี่แสนม้วน ได้เงินมา 14 ล้านบาทก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร เงินเยอะมาก มันน่าแปลกนะผมใช้เงินไม่เป็นเลย เราก็ปรึกษาพี่เล็ก คาราบาวว่าเงินเยอะขนาดนี้ทำอะไรดี พี่เล็ก ก็บอกว่าหาเลี้ยงเหล้าเพื่อนไปเรื่อยๆ (หัวเราะ)


ถาม ขอมาพูดถึงเรื่องความรักของ น้าหมู กันบ้าง ย้อนกลับไปพอพูดถึงความรักครั้งแรกที่เห็นมันเป็นดวงขึ้นมาไหม ??

น้าหมู พงษ์เทพ : ชีวิตผมมันค่อนข้างอาภัพนะ เหมือนโบราณที่บอกว่าถ้าเรามุ่งมั่นเป็นศิลปิน มันต้องขายวิญญาณ มันต้องทุ่มเททั้งหมด จะเจ็บ จะปวด จะรวดร้าวอย่างไร เราก็ต้องยอม เพราะว่าเราขายไปแล้ว เราให้มันไปแล้ว เหมือนซาตานมาเอาวิญญาณเราไปเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนให้เราเป็นศิลปิน ครั้งแรกที่เจอตอนอยู่ในป่านกเขาไฟ เพลงนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งคนชนชาติลัวะ ผู้หญิงจะเป็นผู้ที่ชี้นำทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องความรัก สมมติเขารักผมเนี่ย เขาจะไปปลุกต้นยาสูบ พอแก่แล้วก็จะมาหั่นมาซอยแล้วหมักด้วยน้ำผึ้งไปแขวนไว้ที่ชายคาบ้านให้น้ำหมอกน้ำค้าง ให้แดดอ่อนๆ ลูบไล้ยาสูบของเธอให้นุ่มนิ่มหอมหวาน แล้วก็ไปเด็ดใบสะลอเปามาพันยาเส้น แล้วก็ไปปลูกต้นกัญชง แล้วไปวางให้แม่น้ำซัดสาดเส้นใยที่อ่อนแอขาดไปเหลือเส้นใยที่แข็งแรงมาถักเป็นด้ายย้อมด้วยสีแดงจากต้นชาดมาเอาย้อมแดง แล้วด้ายนี้เอามาพันเป็นยาสูบแล้วยื่นให้นั่นแหละคือบอกว่า ฉันรักเธอ ผมก็เอาไปแต่งเพลง "นกเขาไฟ" คือนกเขาไฟมันตัวเล็ก แต่มันแข็งแรง โต้ลม โต้พายุได้ ผู้หญิงที่เขาชอบผม เขาเป็นผู้นำวัยรุ่น คล้ายๆ แกนนำของกลุ่มวัยรุ่น เขาเอายาเส้นมายื่นให้ผม เขาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก หัวเถิกเพราะว่าเขาเป๊อะ แบกเอาหนังพาดหัวไว้วางของ แล้วมัดไปที่เก๊อะ คือตะกร้าใส่ข้าว แล้วก็พันหัวเดินขึ้นเขา แล้วเดินกล้ามน่องเป็นมัดๆ เลยสวยมาก ผมก็บอกว่าเราแต่งงานกันไม่ได้หรอก เพราะว่าผมเป็นคนที่ราบ เขาเป็นคนบนภู เพราะผมขึ้นไปไม่ได้ เพราะภูมันสูง คุณก็ลงไม่ได้เพราะว่าห้วยมันลึก เป็นความรักครั้งแรกบนเขา เราก็รู้สึกประทับใจเขาเพราะว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีมากแล้วก็แข็งแรง ปกป้องเราได้ เขาขอเราแต่งงานด้วย

s__77930554

ถาม ที่สุดแล้วอีกหนึ่งเพลงที่มีแรงบันดาลใจมาจากผู้หญิง หรือว่าเป็นแรงบันดาลใจมากจากความรักด้วยคือเพลงอะไร?

น้าหมู พงษ์เทพ : ที่หนักที่สุดและที่สะเทือนที่สุด คือเพลง น้ำตาหอยทาก เรารู้จักผู้หญิงมาหลายคน แต่พอมาเจอผู้หญิงคนนี้ วันนั้นเรารู้สึกว่าอยากจะแต่งงานด้วยเลย เพราะชีวิตของผมไม่รู้สึกถึงเรื่องแต่งงานเลย แต่ว่าทางฝ่ายหญิง พ่อแม่เขาจะเป็นคนจีน เขาจะค้าขาย แม่เขาก็เสนอว่าถ้าจะอยู่กับลูกเขา ต้องเลิกร้องเพลงแล้วมาค้าขาย เราก็ไม่ได้ ไม่ใช่เรา ความรักครั้งนี้มันเป็นครั้งหนึ่งที่สะเทือนอารมณ์ที่สุดพอสมควร ตอนนั้นเราก็มีชื่อเสียงแล้ว เพราะความรักครั้งนี้มาหลังเพลงตังเก ซึ่งเราก็บอกว่าไม่ได้หรอก อีกอย่างหนึ่งคือผมหวงแหนความเป็นตัวเองเยอะ จะไม่ให้ใครมาเปลี่ยนอะไรได้ เราเลยนึกว่าเอ๊ะ ถ้าเราหวงความเป็นตัวเองมาก เขาก็ต้องหวงตัวเองด้วย หวงบ้านด้วย ถ้าอย่างนั้นก็โอเคก็เสียใจบ้าง อย่าไปฟูมฟาย เพราะว่าเรายังหวงตัวเราไม่อยากให้ใครมาเปลี่ยน เขาก็อยากให้ลูกเขาเป็นอย่างนั้น ตามวิถีที่เขาคิดอย่างนั้น เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปก้าวก่ายหรือต่อว่าต่อขาน ที่เขาไม่ชอบให้เราร้องเพลง เพราะว่าเขามีความคิดเก่าๆ อยู่ว่าเต้นกินรำกินมันไม่ยั่งยืน


ถาม เราพยายามทำให้เขาเห็นไหมว่าเราสามารถเลี้ยงเขาได้

น้าหมู พงษ์เทพ : ทำนะครับ เราไปอยู่บ้านเขาด้วยไปทำร้านอาหาร เราก็ทำทุกอย่าง เข้าใจว่าเราทำอะไรก็ได้ แต่ต้องร้องเพลง แต่เขาบอกว่าร้องเพลงไม่ได้ หลังจากนั้นเราก็ไปหาเพื่อนที่เขาใหญ่ นั่งใต้ต้นไทรใหญ่ ข้างๆ มีห้องน้ำที่โรงแรม แล้วเพื่อนก็เดินไปเข้าห้องน้ำ เดินมาบอกเราว่าเสียใจ เหยียบหอยทากร้องไห้ระงมเลย เราก็ถามกลับไปว่าเห็นน้ำตาหอยทากเหรอ เราก็เขียนเพลงเลย เธอบอกว่ารักนั้นกินไม่ได้ เธอไม่เข้าใจยามรักไม่กินก็อิ่ม คือน้ำตาหอยทาก หัวใจของเราเหมือนหอยทากถูกเหยียบ ตอนแรกออกมาสี่เดือนแรกขายไม่ได้นะ เพราะว่าคนฟังงง มันเป็นยังไง น้ำตาหอยทาก หลังจากสี่เดือนหลังจากนั้นถึงขายได้ห้าแสนกว่าม้วน

s__77930557

ถาม  พี่หมูใช้จ่ายเงินในการรักษาตัวเองไปเยอะมาก

น้าหมู พงษ์เทพ : มนุษย์เราแปลก ทุ่มเททำงานหนัก ไม่หลับ ไม่นอน ไม่กิน เก็บเงินเก็บทองเต็มบ้าน ไม่ห่วงตัวจนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา ก็ต้องขายทรัพย์ทั้งหมดที่หามาได้ เพื่อที่จะมารักษาตัวเอง ซึ่งเราทำอย่างนั้นทำไม ถึงเวลาแล้วที่จะต้องตัดตัวเองบ้างว่าควรทำงานขนาดไหน พักผ่อนขนาดไหน มันเลือกได้และบังคับตัวเองได้ ซึ่งตั้งแต่ที่ผมไม่สบายก็เลิกเหล้า แต่บุหรี่ไม่สูบอยู่นานแล้ว สามสิบปีแล้ว ซึ่งในช่วงที่ผมป่วย ใช้เงินในการรักษาตัวเองเยอะมากครับ ขายบ้าน ขายรถ ขายม้า ขายหมดเลยครับ ชีวิตของผมคือหมดแล้วก็มี เพราะจริงๆ มะเร็งไม่ได้เป็นโรคภัยไข้เจ็บเดียวที่ผมเจอ หลังจากนั้นก็มาเจอเส้นเลือดตีบอีก หลังจากนั้นมาประมาณปี 2562 เพราะว่าเครียดแล้วก็เดินทางมาก ทำงานหนักเพราะว่าของขายไปหมด เราก็อยากได้ทรัพย์กลับคืนมา ผู้จัดการก็หางานเก่ง บางเดือนนะครับ 18-20 งาน ไม่ได้เข้าบ้านเลย นอนโรงแรมเสมือนเป็นบ้านไปเลย


ถาม อาการป่วยตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง

น้าหมู พงษ์เทพ : ผมเลิกที่โรงเบียร์เยอรมันพระราม 2 กลับมาเข้าที่โรงแรม เปิดน้ำอุ่นกำลังจะอาบน้ำ แล้วเรารู้สึกวูบ มันชาไปครึ่งตัวเลย แล้วเหมือนจะล้ม ผมก็เลยรีบประคองตัวเอง บอกน้องว่าให้พาเราไปโรงพยาบาลหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เขาก็ให้นอน หมอก็เอ็กซ์เรย์ก็ไม่เจอ แต่สันนิษฐานว่าเป็นเส้นเลือดอุดตันชั่วคราว ความดันคงสูงแล้วมันดันเลือดไปอุดตันแล้วมันก็หลุดเข้าไปแค่วินาทีเดียว ร้ายแรงมาก ข้างนี้หมดความรู้สึกเลย เดี๋ยวนี้ยังเล่นกีตาร์ไม่ได้เลย ด้านนี้ปัจจุบันก็ยังไม่ปกติ คือมันเหมือนชำรุดไปแล้ว หมอบอกว่าพอเส้นสมองที่มันเลี้ยงฝั่งนี้ตีบ เลือดมันไม่ลงมาเลี้ยง มันก็เลยเสียไปครึ่งหนึ่งเลย ตอนนี้เราก็ได้แต่อุ้มไว้ เพราะว่ามันเล่นไม่ได้ เวลานั่งคิดถึง อยากเล่นก็อุ้มกีตาร์เปิดเพลงตัวเองคิดว่าตัวเองเล่น ตอนนี้ก็เปิดเพลงตัวเองฟังแล้วก็มีพลังที่อยากจะร้องเพลงตัวเองบ้าง


สามารถชมคลิปย้อนหลังได้
ทางยูทูบ :

https://youtu.be/KQb9PXb8Awk

https://youtu.be/1wnfXL0yQzM

https://youtu.be/U6JVDVaDeA8

https://youtu.be/x8SalGsQ4mc

https://youtu.be/fBDQt_Gd9wc

https://youtu.be/b0u-olPcHlg

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทุกข์มากกว่ารัก! เปิดชีวิตรักสุดทรมาน ของ โบวี่ อัฐมา
- ต่อไปจะไม่ยอมอีก ! ติ๊ก ชิโร่ เคลียร์ชัดทุกประเด็นข่าวที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
- อดีตคาสโนวา ชูษี เชิญยิ้ม ถอดเขี้ยวเล็บแล้ว ใจเย็นขึ้นเพราะลูกสาวคนเล็ก

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส