ป้า น้องเจน พุ่งปม ตร. ละเลยปฏิบัติหน้าที่ ชี้ มีเอกสารระบุตัวตนชัด แต่ทำเฉยไม่แจ้งญาติ

27 ต.ค. 64

ป้า น้องเจน โต้หลังสื่อสำนักหนึ่งตีข่าว ญาติไม่ติดใจสาเหตุเสียชีวิต ตั้งข้อสังเกต ร้อยเวรเจ้าของคดี ละเลยปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่ เนื่องจาก มีเอกสารระบุตัวตนชัด แต่กลับทำเฉยไม่แจ้งญาติ

สืบเนื่องจากกรณี นส.กาญจน์สุดา จุมปาลี อายุ 43 ปี พร้อมญาติพี่น้องจำนวนหนึ่งเดินทางจากอำเภอพร้าวเข้าแจ้งต่อพนักงานสอบสวนสภ.เมืองเชียงใหม่ว่าหลานสาวชื่อ น.ส.จิรารัตน์ หรือ "น้องเจน" ทรงพูล อายุ 25 ปี อยู่บ้านหมู่ 7 ต.ป่าไหน่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้หายออกจากหอพักแห่งหนึ่งซอยชมจันทร์ ต.ป่าแดด อ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมรถจักรยานยนต์ฟีราโน่สีดำ ทะเบียน 1กถ 5381 เชียงใหม่ไปเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2564 พร้อมกับประกาศตามหาทางสื่อโซเชียลในจังหวัดเชียงใหม่

ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2564 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ได้นำหมายเลขทะเบียนรถไปตรวจเช็กพบว่าตรงกับหมายเลขทะเบียนรถจยย.คันหนึ่ง ประสบอุบัติเหตุเมื่อคืนวันที่ 3 ต.ค. 2564 เวลา 02.20 น. ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิงจึงได้ประสานไปทางพนักงานสอบสวนสภ.แม่ปิง อ.เมืองเชียงใหม่ทราบว่าได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถจยย.แฉลบเองบนถนนมหิดล (ฝั่งตรงข้ามกับร้านลุงรัตน์ลาบไก่อบฟาง) เป็นรถจยย.ยี่ห้อฟีราโน่สีดำทะเบียนเชียงใหม่ ส่วนผู้ขับขี่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเป็นหญิง ทางกู้ภัยฯ ได้นำตัวส่งรพ.มหาราชนครเชียงใหม่ในตัวไม่พบเอกสารใดๆ จึงไม่ทราบว่าเป็นใครศพผู้เสียชีวิตได้เก็บไว้ที่แผนกนิติเวชรพ.มหาราชนครเชียงใหม่

จากนั้นทางญาติได้ไปประสานพนักงานสอบสวนและพากันได้เดินทางมาดูศพที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ พบว่าผู้เสียชีวิตคือ น.ส.จิรารัตน์หรือ ”น้องเจน” ที่หายตัวไปหลายวัน จึงขอรับศพนำไปประกอบพิธีตามประเพณีกันต่อไป

น.ส.กาญจน์สุดา มีศักดิ์เป็นป้าของน้องเจนผู้เสียชีวิตได้เล่าให้ฟังว่า น้องเจนกำพร้าพ่อมาตั้งแต่เด็ก ป้าติ๋มได้อุปการะเลี้ยงดูช่วยส่งเรียนหนังสือจนจบชั้น ม.6 ที่โรงเรียนพร้าววิทยาคม จากนั้นก็ได้ชวนน้องเจนมาช่วยทำงานทำผ้าม่านอยู่ที่ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยน้องเจนได้ไปเช่าหอพักดังกล่าวอยู่เพียงลำพังแล้วน้องเจนก็หายไปตั้งแต่คืนวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ญาติๆ พยายามตามหาแต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถเช็กทะเบียนรถได้เดินมาพบศพในวันนี้

ทางด้านญาติๆ ของน้องเจนผู้เสียชีวิตได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวีว่ายังข้องใจร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรแม่ปิง ทำไมไม่ตรวจเช็กป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ของน้องเจนผู้เสียชีวิตในวันเกิดเหตุแล้วรีบแจ้งให้ญาติทราบ เชื่อว่าจากหลักฐานที่พบท้ายรถจักรยานยนต์ของน้องเจนนั้นมีร่องรอยของไฟท้ายแตกด้วย จึงเชื่อว่าน้องเจนน่าจะถูกรถยนต์พุ่งชนท้ายแล้วเสียหลักไปชนอัดกับแท่งแบริเออร์ข้างถนนจนทำให้น้องเสียชีวิต อยากจะขอความเป็นธรรมให้กับน้องเจนผู้เสียชีวิตด้วย

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (27 ต.ค. 2564) ป้าของน้องเจน โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงหลังมีสื่อบางสำนัก ระบุว่า ญาติไม่ติดใจการเสียชีวิตของ น้องเจน โดยระบุว่า

"R.I.P. หลานสาว (ลูกสาว) ดูแลกันมาตั้งแต่เล็กๆ เป็นยิ่งกว่าแม่ แม่ขอให้น้องไปสู่สุขคตินะลูก ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์นะลูกรัก ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะ น้องเป็นเด็กดี เก่ง แม่จะช่วยดูแลเจ้าตัวเล็กให้นะลูก ตา ยาย ลุง ป้า พาน้องกลับมาบ้านแล้วนะลูก
ขอให้น้องหลับให้สบายนะลูก ศรีมอยของแม่

ขอตอบประเด็นที่ทางสื่อบางสื่อลงข้อมูลว่า ญาติไม่ติดใจการเสียชีวิตของน้อง ขอชี้แจงตรงนี้เลยนะคะ ทางครอบครัวติดใจและสงสัยมากค่ะ เพราะน้องเกิดอุบัติเหตุช่วงเวลาระหว่าง 2.20 นาที ของวันที่ 3 ต.ค. 2564 ในกระเป๋าน้องสีดำ มีโทรศัพท์ 2 เครื่องในกระเป๋า และมีเอกสารระบุชื่อ จิรารัตน์ ทรงพูล อยู่ในกระเป๋าสีดำ และทำไมร้อยเวรที่รับผิดชอบ ไม่สนใจทั้งๆ ที่มีเอกสาร และญาติโทรหาน้องทุกวันตั้งแต่น้องหายไป จนถึงวันที่ 10 และวันที่ 11 สัญญาณฝากข้อความนั่นคือแบตหมด และร้อยเวรได้เก็บกระเป๋าของน้องไว้ใต้โต๊ะที่ทำงานบน สภ. และทำไมร้อยเวรไม่ตรวจสอบดูให้ละเอียด

และอีกประเด็น รถมอเตอร์ไซด์ มีหมายเลขทะเบียน ทำไมร้อยเวรไม่ตรวจสอบและแจ้งญาติ และถึงแม้จะติดต่อญาติไม่ได้ ทำไมไม่ติดต่อ สภ.ในพื้นที่ที่เจ้าของรถพำนัก ให้เขาติดตาม

ขอบอกตรงนี้เลยนะคะ ข้องใจและสงสัยมากว่าทำไมเพิกเฉยและละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งๆ ที่มีอำนาจในการตรวจสอบ ถ้าป้าไม่แจ้งความคนหายที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ให้ทีมสืบสวนของกองเมืองออกติดตามค้นหา ก็คงไม่เจอน้อง

ต้องขอขอบพระคุณทีมสืบสวนสอบสวนจากกองเมืองเชียงใหม่มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ที่ช่วยป้าติดตามหาน้องจนเจอ
ขอบพระคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่ช่วยกันตามหาน้อง และขอขอบคุณ Namfar Takonkit ที่ช่วยเป็นสื่อกลางในการตามหาน้องด้วยนะคะ

ปล. สาเหตุที่ทำไมน้องหายไปนานแล้วไม่ตาม ทางญาติ พยายามติดต่อน้องค่ะ และทางป้าเข้าใจว่าน้องไปทำงาน และพักหอพักกับเพื่อน และส่วนเพื่อนร่วมห้องก็เข้าใจว่า น้องกลับบ้านมาอยู่กับป้าค่ะ"

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ