ท็อป-ไทด์ เปิดใจทั้งน้ำตา วาระสุดท้ายคุณแม่จากไปในอ้อมกอด เผยขอเกิดเป็นลูกแม่ตลอดไป

ข่าวเศร้าของวงการบันเทิงอีกครั้ง หลังจากคู่แฝดใจบุญ ท็อป-ไทด์ หรือ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ สูญเสียคุณแม่ ปรางทิพย์ บรรลือฤทธิ์ จากโรคชรา ด้วยวัย 85 ปี ที่โรงพยาบาลวชิระ

ล่าสุดน้องอาร์ตี้ ทีมข่าวอมรินทร์ ได้เดินทางไปร่วมแสดงความเสียใจกับ ท็อป-ไทด์ โดยทั้งคู่เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ทำใจมานานแล้ว เชื่อว่าสักวันต้องมาถึง ส่วนสาเหตุที่แม่เสียชีวิตก็มาจากโรคชรา เพราะแม่ก็อาการดีบ้างไม่ดีบ้าง และมีความดันต่ำ รวมถึงมีโรคหัวใจด้วย ก่อนหน้านี้คุณแม่มีอาการเกี่ยวกับระบบหายใจ และค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ ก็ต้องให้ออกซิเจนมาตลอด ช่วงหลังๆ คุณแม่มีอาการแทรกซ้อนจากโรคหัวใจ และล่าสุดตรวจพบเชื้อมะเร็งในร่างกายเพิ่มขึ้นมาอีก แต่คุณหมอบอกว่าไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก

โดยที่ผ่านมา เราก็ทำใจไว้แล้ว เพราะตั้งแต่ต้นปีคุณแม่ก็ป่วย มาแล้วครั้งที่ 3 เราก็รู้เลยว่าแม่อาการหนักมาก เพราะแม่เคยล้มแล้วศีรษะฟาด พอไปเอกซ์เรย์ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พบว่าในสมองเหมือนกับมีก้อนเนื้อ แม่เลยจำอะไรไม่ค่อยได้ พูดเเล้วก็เบลอๆ ก็น่าจะเกี่ยวกับตรงนี้ด้วย รวมถึงแม่ไม่ค่อยชอบทานข้าว พอป้อนข้าว วันหนึ่งกินแค่คำ สองคำ คือไม่อยากเคี้ยวข้าวแล้ว พอหลายๆ วันเข้าเรี่ยวแรง ก็ไม่ค่อยจะมี ก็เลยอาการทรงๆ เราก็เลยนำส่งโรงพยาบาล ต้องฟีดอาหาร พอฟีดอาหารพวกสารอาหารโปรตีนที่ได้รับมันอาจจะไม่ครบถ้วน คือทุกคนก็ทำใจไว้แล้ว มันต้องมีวันใดวันหนึ่งที่แม่ต้องจากพวกเราไป สุดท้ายก็มาถึงวันนี้

พร้อมกันนี้ ท็อป ยังเผยต่อว่า เมื่อคืนก่อนก็เอาผ้าห่มที่คุณแม่ใช้ จากที่โรงพยาบาล กลับไปห่มนอนที่บ้าน ไม่รู้เป็นอะไรอยากเอาผ้าห่มแม่ไปห่ม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2564 จะเดินทางไปที่ จ.พิษณุโลก และทุกครั้งที่จะออกไปไหน ตนก็จะมาหาแม่ก่อน มากราบแม่ มาบอกแม่ พอมาถึงที่โรงพยาบาล น้องสาวโทรมาบอกว่า รีบขึ้นมาเลย แม่ความดันต่ำ พอขึ้นมาแม่ก็ลืมตา ตนก็เข้าไปกอดแม่ บอกแม่ว่าตนมาแล้วนะ ขอให้ตนกลับมาจากพิษณุโลกก่อน แม่อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ แม่ก็กลืนน้ำลาย ไม่ถึง 5 นาที แม่ก็หมดลมหายใจไป โดยที่แม่หลับอยู่ในอ้อมกอดของตนเลย แต่คุณแม่ก็ไม่ได้สั่งเสียอะไร เพราะแม่พูดไม่ได้ ก็ได้แค่จับมือ พอเราน้ำตาคลอ แม่เขาก็มาจับเเก้มเรา ให้เราได้รู้ว่าไม่เกินภายในสิ้นเดือนนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

นอกจากนี้ ทั้งคู่ ยังเผยว่า คุณแม่สอนการเป็นผู้ให้และการทำความดี ตั้งแต่เด็กๆ สิ่งที่ทำประโยชน์ให้กับทุกคน หรือการที่เราจะไปช่วยเหลือใคร เหมือนเราช่วยคนในครอบครัว เหมือนเราช่วยพี่น้องของเรา แต่แม่เคยสั่งไว้ว่า ถ้ามี เราก็ต้องให้บ้าง ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวที่เป็นผู้ให้มาตลอด มันเลยทำให้ปลูกฝังมาตลอด

"สุดท้ายนี้ อยากจะบอกกับแม่ว่า ไม่ว่าจะเกิดชาติไหนก็เเล้วแต่ ผมอยากเกิดมาเป็นลูกแม่ตลอดไป เพราะผมรู้สึกว่าทั้งชีวิตแม่อยู่กับผมมาตลอด เกือบ 60 ปี ผมอยู่กับแม่ตลอดทั้งชีวิต ตั้งแต่ผมเด็กจนกระทั่งแม่สิ้นลมหายใจ จนวาระสุดท้ายแม่ก็อยู่ในอ้อมกอดผม ผมไม่เคยไปไหนเลย ผมอยู่กับแม่ตลอด ไม่เคยทิ้งแม่เลย ผมอยากจะเกิดมาเป็นลูกแม่ตลอดไป หลังจากนี้ผมจะทำแต่สิ่งดีๆ ให้แม่ตลอดไป"

โดยพิธีรดน้ำศพคุณแม่ปรางทิพย์ จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2564 เวลา 15.00 น. ณ ศาลา 15 วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

1635046741283