ศูนย์กักตัวโควิดวุ่น น้ำทะลักคนป่วยหนีตายขึ้นชั้น 2 ยอมอดนอนเฝ้าดูน้ำลด (คลิป)

14 ต.ค. 64

กรณีสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่ จ.จันทบุรี ได้รับผลกระทบจากพายุคมปาซุ ส่งผลให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่งแม่น้ำจันทบุรี ปริมาณน้ำจึงไหลเอ่อล้นเข้าท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองจันทบุรี อ.ท่าใหม่ อ.ขลุง อ.มะขาม อ.แหลมสิงห์ และ อ.เขาคิชฌกูฏ รวม 32 ตำบล 162 หมู่บ้าน 9 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 5,000 ครัวเรือน ประมาณ 15,000 คน ระดับน้ำท่วมชุมชนโดยรอบสูงเฉลี่ยประมาณ 1-1.5 เมตร และน้ำท่วมถนนสูงเฉลี่ย 0.30-1.00 เมตร 

167796779609

ล่าสุดวันที่ 14 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ตัวเมืองจ.จันทบุรี พบว่าภาพรวมในตัวอ.เมือง ทั้งหมู่บ้าน ชุมชน และถนนน้ำลดลงกลับสู่สภาวะปกติ เหลือแต่ชุมชนพื้นที่ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะชุมชนบ้านมั่นคงเพิ่มพูลทรัพย์จันทบูรณ์ อ.เมืองจันทบุรี เป็นพื้นที่รับน้ำจากเทศบาลเมืองท่าช้าง และหมู่บ้านนาฏศิลป์ ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ พบว่าน้ำยังทวมขังอยู่ 30-50 ซม. บ้านเรือนจำนวน 205 หลังคาได้รับความเสียหายทุกหลัง และประชาชนเริ่มทยอยสำรวจความเสียหาย

ขณะที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี นำเครื่องสูบน้ำปริมาณอัตราการสูบน้ำ 28,000 ลิตร/นาที เร่งสูบน้ำระบายออกคลองน้ำใส่ ที่เชื่อมต่อกับปากอ่าวท่าแฉลบ ลงสู่ทะเลอ่าวไทย

714188

ทีมข่าวได้พบนายมงคล แซ่เตียว อายุ 45 ปี ประธานชุมชน บ้านมั่นคงเพิ่มพูลทรัพย์จันทบูรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำยังท่วมขังรอการระบาย ซึ่งจุดที่ลึกสุด 50 ซม.และตื้นสุดอยู่ที่ 30 ซม.มีปภ.จังหวัด และเทศบาลค่ายเนินวง ได้นำเครื่องสูบน้ำมาช่วยระบายน้ำออกได้ชั่วโมงละ 1 นิ้ว

สำหรับปี 64 น้ำท่วม จำนวน 3 ครั้งแล้ว ครั้งที่ 1 ต้นเดือนก.ย.64 ครั้งที่ 2 ปลายก.ย.64 และครั้งล่าสุด เดือนต.ค.64 น้ำเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนตั้งแต่เวลา 23.00 น.ของวันที่ 12 ต.ค.64 ผ่านไปแค่ 20 นาที น้ำท่วมสูงถึง 1 เมตร 65 ซม.โดยทั้ง 2 ครั้งสาเหตุมาจากปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก แต่รอบนี้โดนทั้งเรื่องของพายุ น้ำทะเลหนุน และน้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อน เรียกว่ามาเป็นกองทัพ

258758

ในช่วงที่น้ำยังท่วมขังอยู่ ยอมรับว่ามีหลายหน่วยงาน ทั้งหน่วยงานค่ายนาวิกโยธิน เดินทางเข้ามาช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง จำนวน 6 คน โดยมีการขนย้ายไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงศาลากลางจังหวัด พร้อมกับนำรถเข้ามาอำนวยความสะดวกให้ประชาชนออกไปซื้อของได้ จึงเบาใจมากในเรื่องของการช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประชาชนคงไม่ได้เตรียมพร้อมรับมืออะไรแล้ว เนื่องจากทุกบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด คนเชื่อว่าภายใน 2-3 สถานการณ์จะดีขึ้น และหวังเพียงว่าฝนจะไม่ตกลงมาซ้ำ ลุ้นว่าพายุจะเข้าอีกรอบในวันที่ 16 ต.ค.64 

770907

ขณะเดียวกัน ผู้ใช้ TikTok @wut_matrakorn โพสต์คลิปวิดีโอ เผยให้เห็นบรรยากาศภายในศูนย์กักตัววัดสระบาป อ.เมือง จ.จันทบุรี ที่ถูกน้ำไหลเข้าท่วมสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องกักตัวกันในพื้นที่ของวัดดังกล่าว โดยเจ้าของโพสต์เขียนข้อความประกอบว่า "โดนกักกตัวไม่พอ...ซ้ำน้ำยังท่วมอีก" ซึ่งก็มีคนที่เห็นคลิปเข้ามาส่งกำลังใจให้จำนวนมาก เช่นเดียวกับเพจจันทบุรี มีแชร์คลิปวิดีโอของผู้ใช้เฟซบุ๊ก สมเพชร ท้วมจั่น ผู้ที่ต้องกักตัวในศูนย์ดังกล่าว โพสต์ภาพน้ำท่วมขังระบุว่า "ศูนย์กักโควิดเรียบร้อยดีครับ" พร้อมส่งอิโมจิร้องไห้

753298

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี จึงได้เดินทางมาที่วัดสระบาป พบว่าไม่มีน้ำท่วมขังแล้ว โดยทาง อบต.คลองบางนารายณ์ นำหัวฉีดและอุปกรณ์ต่าง ๆ มาทำความสะอาดศูนย์กักตัวอย่างสะอาด ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ดูแลศูนย์กักตัวกลุ่มเสี่ยงว่า ขณะนี้มีผู้กักตัว จำนวน 21 คน เป็นหญิง 6 คน และชาย 15 คน อายุระหว่าง 9-70 ปี ทุกคนเป็นแค่กลุ่มเสี่ยงไม่ใช่ผู้ป่วยโควิด-19

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสมเพชร ท้วมจั่น อายุ 51 ปี หนึ่งในผู้กักตัวที่เห็นเหตุการณ์ขณะน้ำป่าหลากท่วมวัด เปิดเผยว่า นาทีที่เจ้าหน้าที่ประกาศว่าระวังน้ำจากเขา ขณะนั้นฝนตกหนักมาก ๆ ทุกคนช่วยกันรีบเก็บที่นอน หมอน มุ้ง และเสื้อผ้า ขึ้นไปชั้นลอยได้ทัน จากนั้นเพียงไม่กี่นาที น้ำก็ทะลักเข้าท่วมจนเต็มพื้นที่ประมาณเกือบ 1 เมตร ตนและเพื่ออีก 20 ชีวิต ขึ้นไปอยู่ชั้นลอย ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าน้ำมาแบบน่ากลัวมาก ๆ ทุกคนตกใจกันหมด ส่วนตัวก็กังวนมากที่สุดเพราะตนมีลูกชายวัย 12 ขวบกักตัวด้วย เป็นห่วงลูก คิดไปต่าง ๆ นานา ว่าน้ำจะหยุดท่วมตอนไหน

อย่างไรก็ตาม สำหรับตนเป็นแค่กลุ่มเสี่ยง เพราะตนเปิดร้านอาหาร จู่ ๆ ภรรยาตรวจพบเชื้อวันที่ 11 ต.ค.64 จึงต้องเข้ามากักตัวในวันที่ 12 ต.ค.64 และคืนนั้นน้ำก็มาพอดี ชีวิตเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด แต่โชคดีที่หน่วยงานต่าง ๆ มาช่วย ก็คลายกังวลใจ เพราะหน่วยงานโดยเฉพาะเทศบาลตำบลคลองนารายณ์ที่ดูแลทุกอย่าง ทั้งอาหาร ที่นอน ตนอุ่นใจมาก ๆ และตอนนี้ทุกอย่างก็ดีขึ้นเร็วมาก

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส