พ่อตาฆ่าเขยจนมุม มั่นใจอยู่ไทยติดคุกแป๊บ ๆ ก็ออก เมียยิ้มรอรับผัวคืนบ้าน (คลิป)

กรณีเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 64 นายพิษณุ แปงกริยา ปลัดอำเกอสากเหล็ก และนายชรินทร์ เมฆประดับ ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ต.คลองทราย พานายสมชาย จาดมี อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี มือฆ่าฟันหัวลูกเขยคือนายประเสริฐ พันเอก หรือ ไก่ อายุ 27 ปี ดับคาบ้านพักคนงานร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ริมถนนหมายเลข 9 คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ไปมอบตัวที่ สภ.สากเหล็ก ก่อนชุดจับกุมจึงแจ้งให้นายสมชาย ทราบว่าต้องถูกจับตามหมายจับดังกล่าว พร้อมทั้งแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาให้ทราบ และทำบันทึกการจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสืบสวน สภ.สามโคก พื้นที่เจ้าของคดี

ล่าสุด วันที่ 12 ต.ค. 64 เมื่อเวลา 10.40 น. หลังพล.ต.ต. ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี แถลงปิดคดี ที่ สน.สามโคก เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถามนายสมชาย ซึ่งยอมรับว่าก่อเหตุจริง และมีชนวนมาจากไม่พอใจที่ผู้ตายบีบคอลูกชายวัย 5 ขวบ จนเกือบขาดอากาศหายใจและทุบรถ

นายสมชาย ผู้ต้องหา บอกว่า "เครียดมาก กังวล นอนไม่หลับ กินข้าวได้น้อย แต่ก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันนี้ และมีการรับสารภาพกับตำรวจแล้วว่าได้ลงมือฆ่าลูกเขย"

ตนทำไปเพราะโมโห บันดาลโทสะ และป้องกันตัว เนื่องจากลูกเขยบีบขอลูกชายวัย 5 ขวบของตนเองก่อนและลูกเขยเป็นคนร้ายกาจมากเคยประกาศขู่ฆ่าล้างโคตรกับลูกสาวมาแล้ว แต่ตอนนั้นตนเองไม่สนใจ ไม่แค้น จึงไม่ได้คิดที่จะทำอะไรลูกเขยคนนี้ ทั้งนี้ตนยอมรับผิดทุกอย่าง และหลังเกิดเหตุไปกราบขอเจ้าของร้านว่าอย่าเพิ่งแจ้งความจริง เพราะตอนนี้รู้สึกตัวแล้วว่าผิด และตั้งใจมอบตัว แต่ก็อยากไปขอโทษพ่อแม่ก่อนมามอบตัว "แม่ครับ พ่อครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ"

เมื่อตำรวจคุมตัวไปถึงร้านเฟอร์นิเจอร์ มีนายธรรมนูญ ภูดวง อายุ 45 ปี ผู้ดูแลร้านเฟอร์นิเจอร์ น้องเขยเจ้าของร้าน และน้องสาวเจ้าของร้าน ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ ระหว่างนั้นนายสมชายยกมือไหว้ขอโทษนายธรรมนูญด้วยสีหน้าสำนึกผิด นายธรรมนูญได้แค่พยักหน้าตอบรับ โดยการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 7 จุด ได้แก่

1. บริเวณโต๊ะหินอ่อน ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหานั่งดื่มสุรา และกินข้าวกับผู้ตาย ก่อนทั้งคู่มีปากเสียงกัน และผู้ตายเตะชามข้าวและได้เดินหนีเข้าห้องพัก
2. ผู้ต้องหาได้ใช้ค้อนเขวี้ยงใส่ประตูห้องพักลูกเขยจนแตกเป็นรูใหญ่
3. บริเวณลานกว้าง จุดที่ผู้ต้องหา และผู้ตาย ชกต่อยกัน และผู้ตายใช้ค้อนทุบรถระหว่างชุลมุนชกต่อย



4. ภายในรถยนต์กระบะ เป็นจุดที่ผู้ต้องหาหยิบมีด
5. บริเวณลานกว้างจุดที่ผู้ต้องหาใช้มีดทำร้ายร่างกายผู้ตาย จนวิ่งหนีไปหลังบ้านและผู้ต้องหาใช้มีดฟันหัวผู้ตาย 2 ครั้งจนล้มลง
6. จุดที่ผู้ต้องหาเข้าไปตรงประตูหลังบ้านขอร้องผู้เห็นเหตุการณ์ หรือ น.ส.ผณินทร มาตรา อายุ 36 ปี น้องสาวเจ้าของร้าน ไม่ให้เข้าแจ้งความ
7. บริเวณรถยนต์กระบะ ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ผู้ต้องหาใช้หลบหนี

นอกจากนี้ ในคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาบอกว่าผู้ตายลงมือบีบคอลูกชายวัย 5 ขวบนั้นระหว่างทำแผนชี้จุดที่ลงมือฆ่า ระหว่างที่จะเดินไปหลังบ้านจุดที่ฆ่า ทางผู้ต้องหาพยายามชี้ให้ตำรวจดูว่าเห็นผู้ตายได้บีบคอลูกชายก่อนที่ตนเองจะคว้ามีดไล่ฟัน

อย่างไรก็ตาม การทำแผนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีญาติฝ่ายผู้ตายมาสังเกตการณ์ หลังทำแผนเสร็จสิ้นชุดสืบคุมตัวผู้ต้องหาไปที่ สภ.สามโคก เพื่อทำการสอบสวนโดยละเอียด ก่อนขออำนาจศาลจังหวัดปทุมธานี ฝากขังผลัดแรกในเย็นวันนี้

ขณะที่ น.ส.วาสนา จาดมี หรือ ฟ้า อายุ 21 ปี ภรรยาผู้ตาย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า การเป็นคนกลางมันหนักใจมาก เครียดมาก และตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้คุยกับพ่อเลย แต่เบาใจมากที่พ่อมอบตัวดีกว่าพ่อหนี เพราะหนีไปก็หนีไม่พ้น ตอนนั้นพยายามติดต่อพ่อให้มอบตัวแต่ก็ติดต่อไม่ได้ และไม่รู้เลยว่าพ่อหนีไปไหน

ขณะที่ศพสามีตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ในวัด จ.สุพรรณบุรี และใจก็อยากไปร่วมงานศพ แต่เงินก็ไม่มี อีกอย่างกังวลเล็กน้อยว่าญาติฝ่ายสามีจะไม่เปิดรับ เพราะยังไม่ได้พูดคุยกับญาติฝ่ายสามีเลย ไม่รู้จะคุยกับญาติ ๆ ฝ่ายสามียังไงด้วย แต่ถ้าทางโน้นเปิดรับว่าให้ไปตนก็ว่าจะหาทางไป ตอนนี้ฝากบอกผ่านสื่อว่าให้ช่วยบอกสามีว่า "ไม่ต้องห่วงลูก ตนจะดูแลลูกให้ดีที่สุด"เพราะสามีรักลูกและห่วงลูก

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากย้อนไปได้ก็ไม่อยากให้เกิด เพราะตอนนั้นตนก็อุ้มลูกหนีเหมือนกัน พยายามห้ามพ่อแต่ก็ห้ามไม่อยู่ และมาวันนี้พ่อมอบตัวแล้ว ตนเชื่อว่าพ่อรู้สึกผิดแล้วอนาคตพ่อคงจะปรับนิสัยอารมณ์ร้อนได้

นางเสมียน พึ่งสถิต อายุ 42 ปี ภรรยานายสมชาย ถูกเรียกสอบปากคำพร้อมกับนายสมชาย หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายสมชายไปทำแผน โดยมีการสอบปากคำนางเสมียนนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนนางเสมียนออกไปซื้อข้าวมาให้นายสมชาย ซึ่งนางเสมียนบอกว่าได้ซื้อข้าวผัดกะเพรามาให้ เพราะนายสมชอบมาก

นางเสมียน กล่าวว่า ตนได้กอดกับสามีแล้วเบาใจขึ้น สามีก็ดูเข้มแข็งขึ้น เบื้องต้นวันนี้จะรีบจัดการที่ห้องพักคนงาน จะเข้าเก็บของออกมาให้หมด ส่วนสามีปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย เพราะตนเองไม่มีเงินประกันตัวอยู่แล้ว รวมถึงสามีบอกอีกว่า "พี่หนีไม่รอดแล้ว พี่เหนื่อย พี่แก่แล้ว พี่ยอมรับผิด และขอให้ตนเองดูแลลูกลูกให้ดี ไม่นานเดี๋ยวพี่ก็ออกมา" ส่วนเรื่องงานศพของลูกเขย ตนเองยืนยันว่าจะไม่ไปร่วมงาน เนื่องจากครอบครัวฝ่ายลูกเขยไม่เปิดรับ ตนเข้าใจว่ายังคงโกรธอยู่ แม้จะให้ลูกสาวและหลานไปตนเองก็เป็นห่วง จึงขอทำบุญให้ทางนี้แทน และเบื้องต้นมีการโอนเงินไปร่วมบุญแล้ว

นอกจากนี้ ตนเองอยากบอกลูกเขย เพราะเมื่อคืนฝันว่าลูกเขยมาหาและจะมาเอาหลานสาวไปอยู่ด้วย ตนจึงบอกว่าไม่ต้องมา ขอให้ไปสบาย จะดูแลหลานอย่างดี ตนเองยอมรับว่ารู้สึกกลัวกลัวความเฮี้ยนของลูกเขย จึงใส่พระที่สามีให้ติดตัวตลอด ตนก็ขอให้ลูกเขยไปแล้วไปลับไปสบาย ส่วนพ่อตาก็ได้รับโทษที่กระทำไว้แล้ว