เมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 9 ต.ค. 64 ตำรวจ สภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งเหตุน้องชายแทงพี่ชายเสียชีวิต ภายในซอยคลองสี่ตะวันตก 7 ม.1 ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุหน้าห้องเช่า กลางถนนพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อนายรุ่งเกียรติ กลิ่นปทุมรัตน์ อายุ 31 ปี
สภาพศพใส่กางเกงขายาว ไม่สวมเสื้อถูก แทงด้วยอาวุธมีด ปักคาอยู่ที่อก เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นภายในห้องเลขที่ 3 ห้องเช่าของผู้เสียชีวิต พบรอยเลือด และด้ามมีดร่วงอยู่ และพบนายกีรติ กลิ่นปทุมรัตน์ อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นน้องของผู้ตาย คนก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงพี่ชายตัวเองเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.คลองหลวง
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังห้องเช่า ซอยคลองสี่ตะวันตก 7 ม.1 ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พบว่าห้องเช่าดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นที่พักของชาวบ้านที่มาจากต่างจังหวัด มาทำงานรับจ้าง ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ค่าเช่าเดือนละ 1,100 บาท ภายในห้องที่เกิดเหตุ พบว่ามีข้าวของเครื่องใช้ยังคงจัดเก็บเอาไว้อย่างเรียบร้อย ก็มีการเก็บทำความสะอาดคราบเลือดบางส่วนแล้ว บริเวณถนนซึ่งอยู่ด้านหน้าห้องเช่า ยังคงมีกองเลือดของผู้ตายตกอยู่จำนวนหนึ่ง
พ่อของผู้ตายและผู้ก่อเหตุ เดินทางไปเยี่ยมลูกที่ศาลจังหวัดธัญญบุรี แต่ไม่ได้มีการประกันตัว ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งฝากขังที่เรือนจำคลองหก ขณะที่ร่างของนายรุ่งเกียรติ ครอบครัวยังไม่ได้รับศพกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศล เนื่องจากอยู่ในการชันสูตรศพ จะรับศพในวันจันทร์ที่ 11 ต.ค. 64 แล้วจะนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดเพิ่ม 1 คืน จากนั้นก็จะมีพิธีฌาปนกิจศพทันที
นางแก้ว (นามสมมติ) อายุ 47 ปี เพื่อนข้างห้อง เปิดเผยว่า 2 พี่น้องมักมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง เพราะทั้งคู่มักจะดื่มเหล้าด้วยกัน และมักจะรวมกลุ่มวัยรุ่นเพื่อมั่วสุมเสพยาเสพติด เวลาเมาก็มักจะทะเลาะกัน และตัวของนายรุ่งเกียรติ คนเป็นพี่ชาย มักจะใช้ความรุนแรงและทำร้ายร่างกายนายกีรติ น้องชาย ซึ่งเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน ได้วิ่งมาขอความช่วยเหลือตนเอง ด้วยลักษณะอาการจุกอก และพยายามสื่อสารด้วยคำพูดที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง เนื่องจากทั้งคู่เสียงแหบ เกิดจากการเสพยาเสพติดเยอะเกินไป แต่พยามบอกว่า "ช่วยเรียกผู้ใหญ่บ้านให้หน่อย โดนพี่ชายถีบหน้าอก พร้อมกับทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ"
โดยการที่นายกีรติ น้องชายถูกทำร้ายบ่อยครั้งจึงเกิดความแค้นฝังใจ งตัดสินใจที่จะใช้อาวุธมีดแทงบริเวณกลางอกของนายรุ่งเกียรติ จนกระทั่งเสียชีวิต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองก็ไม่รู้ว่าจะสงสารคนตายหรือสงสารคนก่อเหตุ เพราะทั้งคู่ก็ต่างมีปัญญา ฉะนั้นก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ทั้งนี้ตัวของนายรุ่งเกียรติ และนายกีรติ ทั้งคู่มักมีประวัติเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด ดังนั้นอาการของทั้งคู่ที่ไม่เหมือนคนปกติ ประกอบกับเสียงแหบที่สื่อสารกับเพื่อนบ้านไม่ค่อยรู้เรื่อง เป็นเพราะว่าใช้ยาเสพติดหนัก จนทำให้ต้องมีการเจาะคอเพื่อรักษา รวมทั้งผ่านการบำบัด แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง กำลังกลับออกมาใช้ชีวิตปกติก็ยังคงมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดต่อเนื่อง
นายนายวสุธา กลิ่นปทุมรัตน์ อายุ 56 ปี พ่อของคนก่อเหตุและคนตาย เปิดเผยว่า ในคืนวันเกิดเหตุตัวเองนอนอยู่ภายในห้องเดียวกันกับที่ลูกชายทะเลาะกัน ส่วนแฟนสาวของนายรุ่งเกียรติ คนตาย ก็นอนอยู่ในห้องด้วยกันเช่นกัน โดยนายรุ่งเกียรติ พี่ชาย นั่งเสพยากับนายกีรติ น้องชาย ตนเองก็กำชับตัวของพี่ชายว่าอย่าชวนน้องเสพมากเกินขนาด เพราะเนื่องจากน้องชายสภาพสมองไม่ปกติ เคยรับการรักษาเรื่องโรคประสาทมาแล้ว แต่ในวันดังกล่าวตัวของพี่ชายได้บังคับน้องให้เสพยา จนกระทั่งทั้งคู่เกิดมีปากเสียงและทะเลาะกัน
จากนั้นตัวของน้องชายจึงมีความโกรธแค้นจากปมในอดีต ที่เคยถูกตัวของพี่ชายทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด จึงตัดสินใจใช้อาวุธมีดปอกผลไม้ที่อยู่ในครัว หวังจะทำร้ายร่างกายตัวของพี่ชาย แต่มีการยื้อแย่งมีดกัน จนกระทั่งมีดไปปักคาอกของตัวพี่ชาย และด้ามมีดหัก จึงทำให้ตัวของมีดปักอยู่ค้าหน้าอกของตัวพี่ชาย หลังจากถูกแทงก็วิ่งออกไปหมดสติอยู่ที่ถนนหน้าห้องเช่า ตัวเองไปดูก็พบว่าตัวของพี่ชายที่โดนทำร้าย เสียชีวิตแล้ว จึงได้รีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านเข้ามาที่เกิดเหตุ
สำหรับที่ผ่านมายอมรับว่าตัวของนายรุ่งเกียรติ คนตาย เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด ซตนเองเคยห้ามมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ไม่เคยที่จะหยุดพฤติกรรมดังกล่าว และระยะหลังได้เปลี่ยนตัวเองจากคนเสพกลายเป็นผู้ค้า ตัวเองก็พยายามห้ามและขอให้กลับตัวกลับใจ แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยฟัง บางครั้งเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของนายรุ่งเกียรติมากเกินไป ตนเองถึงขั้นถูกทำร้ายร่างกาย เตะกระทืบจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ และเวลาที่เสพยาไม่พอใจก็จะเกิดอาการคลั่งทำร้ายร่างกายคนในบ้าน ทำให้จึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว ได้แต่ทำใจยอมรับ ตนเองก็ไม่ได้ติดใจถือว่าเป็นเวรกรรมที่เจ้าตัวเคยกล่าวเอาไว้
ขณะที่ตัวของนายกีรติ คนก่อเหตุ ตนเองก็ได้แต่เพียงเดินทางไปเยี่ยมที่ศาล แต่ก็ไม่สามารถที่จะประกันตัวได้ เพราะที่บ้านไม่มีเงิน ดังนั้นเมื่อเป็นคนทำผิดก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ตนเองก็คงไม่ปกป้องใคร แต่ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่พี่น้องฆ่ากันเอง แต่ในมุมหนึ่งก็เรียกได้ว่าตัวของน้องชายมีความแค้นที่ถูกพี่ชายทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนหลังจากที่เกิดเหตุ นายกีรติก็ไม่ได้หลบหนี ย้อนกลับไปที่ห้องนั่งเสพยาต่อ เพื่อรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และที่สำคัญหลังจากที่ทั้งคู่ถูกจับหรือเสียชีวิตไปแล้ว ตนเองก็ได้เคลียร์ห้องเก็บอุปกรณ์เสพยาทิ้งทั้งหมด
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดนเจตนา และมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยนำตัวฝากขังต่อศาลธัญญบุรี และถูกนำตัวส่งเรือนจำคลองหกเรียบร้อยแล้ว
