จากกรณี เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 3 ต.ค. 64 ตำรวจ สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุชายถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตภายในบ้านของตัวเอง เหตุเกิดบ้าน ซอยประชาร่วมใจ 19 ถนนประชาร่วมใจ แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมประสานอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบชายถูกยิงด้วยอาวุธปืน .38 ซัลโวบริเวณไหล่ซ้าย นอนเสียชีวิตบริเวณที่จอดรถภายในบ้าน ทราบชื่อคือ นายสมบัติ เดชกรรณ์ อายุ 46 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไป ทราบชื่อคือ นายชาคริต ศรีสง่า หรือ ฮารุน อายุ 22 ปี
ล่าสุด วันที่ 4 ต.ค. 64 เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สน.มีนบุรี ผู้ก่อเหตุได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว ก่อนที่ตำรวจจะสอบปากคำ และได้พาผู้ก่อเหตุเดินทางไปเก็บหลักฐานขณะที่ก่อเหตุ โดยจุดแรกคือห้องพักของผู้ก่อเหตุ ภายในซอยประชาร่วมใจ 18 ซึ่งตำรวจได้ไปเก็บเสื้อที่ใช้ในการก่อเหตุ ยืดสีฟ้าอ่อน และรถ จยย. ยี่ห้อ ยามาฮ่า มีโอ สีดำ ป้ายทะเบียนรถ วนค 934 กทม. ที่หลังจากก่อเหตุเสร็จได้ขับหลบหนีกลับบ้าน
จุดที่ 2 บริเวณประตูระบายน้ำคลองแสนแสบเป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุได้นำอาวุธปืนไปทิ้ง ตำรวจได้ประสานนักประดาน้ำลงค้นหา แต่ไม่พบ ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ก่อเหตุจะนำอาวุธปืนมาทิ้งตรงบริเวณดังกล่าว ก่อนจะนำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง ซึ่งมีกลุ่มเพื่อนหรือคนรู้จักของผู้ก่อเหตุเดินทางมาให้กำลังใจด้วย
หลังจากที่ตำรวจพาผู้ก่อเหตุไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ทีมข่าวได้มีโอกาสสอบถามพูดคุยกับนายชาคริต ศรีสง่า ผู้ก่อเหตุ บอกว่า "สาเหตุที่ตัดสินใจยิงผู้ตายนั้น เนื่องจากเขาเอาปืนมายิงผมก่อน ผมต้องป้องกันตัว ผมไม่รู้จักกับเขา แต่ทราบว่าอยู่ในซอย ซึ่งเขาเมายาบ้า ได้เดินมาหาเรื่องพวกผมก่อน" และได้ขอโทษครอบครัวผู้ตาย ส่วนเรื่องอาวุธปืนและดื่มน้ำกระท่อมหรื่อไม่นั้น ผู้ก่อเหตุไม่ตอบ ปิดปากเงียบสนิท
นางจันทร์เพ็ญ ควินรัมย์ อายุ 46 ปี ภรรยาผู้ตาย เล่าว่า วานนี้ 3 ต.ค.64 ช่วงเวลา 21.30 น. มีกลุ่มวัยรุ่น 5 คน ตนจำได้ว่า 2 ใน 5 คนมีนายฮารุน และนายฮาท เพื่อนของนายฮารุน มาตะโกนที่หน้าบ้าน เรียกสามีของตนให้ออกไป ก่อนที่สามีจะเดินออกไป จากนั้นได้ยินเสียงตะโกนว่า "ลุงมาด่าน้องผมทำไม" ก่อนจะได้ยินเสียงปืน 1 นัด ตนจึงออกไปดูเห็นสามีนอนคว่ำหน้าฟุบลงกับพื้
จากนั้น ตนและลูกชายรีบช่วยเหลือสามีมายังกลางโรงจอดรถ บอกให้ฝั่งผู้ก่อเหตุหยุด ไม่ต้องยิงแล้ว แต่นายฮารุน ผู้ก่อเหตุ ไม่ฟัง ยิงซ้ำมาอีก 1 นัด โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ก่อนกลุ่มวัยรุ่นจะหลบหนี จากนั้นตนโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ต่อมากู้ภัยได้เดินทางมาด้วย
ส่วนตัวไม่ทราบว่าก่อนหน้าที่สามีจะถูกยิงไปมีปัญหาอะไรกันหรือไม่ ยอมรับว่าที่ผ่านมาสามีของตนจะมีปัญหากับนายฮาท เพื่อนของนายฮารุน เนื่องจากบ้านของตนจะอยู่ใกล้กับบ้านนายฮาท พอกลุ่มนายฮาทได้ดื่มสุราแล้ว มักคุยและเปิดเพลงเสียงดังในยามกลางคืน ทำให้สามีของตนออกไปเตือน และตนได้สอบถามปู่ของฮ่าพบว่าก่อนเกิดเหตุ นายฮาท ได้พูดคุยกับนายฮารุนว่าตัวนายฮาทนั้นถูกสามีตนด่าทออีกแล้ว ซึ่งนายฮารุนก็บอกว่า "มันด่าอีกแล้วหรือ" ก่อนที่จะออกไปหาเรื่องสามีของตน ตนคาดว่าปมเหตุที่สามีถูกยิงทางกลุ่มของนายฮาทไม่พอใจที่ถูกด่าทอ ประกอบกับเมาสุรา แต่คงไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องขัดผลประโยชน์ยาเสพติด
ขณะเดียวกันยอมรับว่าสามี เคยจำคุกคดีเสพและค้ายาเสพติด โดยพบยาเสพติด 10 เม็ด จำคุก 2 ปีครึ่ง ปี 2561 ต้องโทษจำคุกคดียาเสพติด กลางปี 2563 พ้นโทษ และพ้นโทษออกมาได้ 1 ปี ยอมรับว่าหลังพ้นโทษออกมายังคงยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอยู่ นอกจากนี้ ตนยืนยันว่าขณะที่สามีออกไปพูดคุยกับกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้น ไม่ได้มีอาวุธปืนไปด้วย หากสามีของตนมีก็คงยิงก่อนที่จะให้นายฮารุนยิง ที่ผ่านมาครอบครัวของตนไม่รู้จักกับนายฮารุนมาก่อน เห็นเพียงมานาน ๆ ทีที่จะมาบ้านของนายฮาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุตนยังไม่พบเจอผู้ก่อเหตุ และกลุ่มนายฮาท ยอมรับว่ากังวล กลัวว่านายฮาทจะกลับมาทำร้ายครอบครัว หลังจากนี้ตนคงย้ายกับไปอยู่ต่างจังหวัดกับลูกชาย ทั้งนี้ หากนายฮารุนเดินทางมาขอโทษ ตนก็พร้อมที่จะให้อภัย และโชคดีที่สามีถูกยิงที่บ้าน ดีกว่าถูกยิงที่อื่น ส่วนในเรื่องของคดีความนั้น ก็ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำหรับลักษณะนิสัยของผู้ตายนั้นเป็นคนใจร้อน
น.ส.สิ (นามสมมติ) อายุ 39 ปี น้าสาวของผู้ก่อเหตุ เผยว่า วานนี้กลางคืน ก่อนเกิดเหตุนายฮาทได้บอกกับตนว่าจะไปร้านขายของชำ ซึ่งต้องผ่านหน้าบ้านของผู้ตาย ผ่านไป 5 นาที นายฮาทกลับบ้านมาพร้อมร้องไห้ และเล่าว่าถูกผู้ตายไล่ฟันและด่าทอ ตนจึงบอกให้หยุดร้องไห้ ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงแบบนี้ หลังจากนั้นตนได้ยินนายฮาทได้พูดให้กับนายฮารุนฟังว่าถูกผู้ตายด่าทออีกแล้ว จากนั้นตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร และไม่ได้สังเกตเห็นว่านายฮาทและนายฮารุนเดินไปบ้านของผู้ตาย ที่ผ่านมาหลายปียอมรับว่าผู้ตายเคยมีปากเสียงกับนายฮาท แต่เคลียร์กันจบแล้ว
