เมื่อวันที่ 29 ก.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานที่สภ.เมืองสงขลา บรรดาลูกแชร์ออมเงินกินดอก ของน.ส.กมลวรรณ ปิ่นทองพันธุ์ หรือ “ซ้อปลา” แม่ค้าออนไลน์เจ้าของเพจ “ซ้อปลา มาดามลูกเหนียง” กว่า 80 คน เดินทางมายื่นหนังสือร้องทุกข์ให้สำนักกฏหมายทนายใจดี ที่ได้จัดตั้งรับเอกสารของผู้เสียหายทั้งหมด และประเมินมูลค่าแล้วกว่า 15 ล้านบาท โดยนับจากผู้เข้าแจ้งร้องทุกข์ผ่านออนไลน์ และรวบรวมในวันนี้ มีผู้เข้ามาร้องทุกข์ทั้งหมด 87 คน
โดยสำนักกฏหมายทนายใจดี ได้รวบรวมหลักฐานผู้เสียหายทั้งหมด 87 คน ทนายและผู้เสียหายบางส่วน ได้เดินทางมอบหนังสือร้องทุกข์ ให้กับ พ.ต.อ.พิชัย กิระวานิช รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา โดยจะดำเนินการส่งเรื่องไปถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรสงขลา ในการติดตามช่วยเหลือต่อไป
เนื่องจากว่าขณะนี้มีคลิปวิดีโอ บรรดาลูกแชร์บุกเข้าไปยังบ้านของ น.ส.กมลวรรณ ปิ่นทองพันธุ์ หรือ “ซ้อปลา” แม่ค้าออนไลน์เจ้าของเพจ “ซ้อปลา มาดามลูกเหนียง” โดยมีผู้เสียหายนับสิบคนยืนพูดคุยกันหน้าทางเข้าบ้าน กระทั่งเกิดเหตุการณ์ชุลมุนทะเลาะวิวาท
พล.ต.ต.อาซาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ชี้แจงบ้านดังกล่าวมีพฤติการณ์ในเรื่องของการมีสิ่งของผิดกฎหมาย และมีเรื่องของแชร์ลูกโซ่ จึงสืบสวนความจริงและรวบรวมข้อมูล กระทั่งนำไปสู่การยื่นเสนอต่อศาลเพื่อออกหมายค้น การเข้าตรวจค้นตำรวจได้แสดงตนตามขั้นตอน หลังตรวจสอบและสอบสวนไม่พบพิรุธ จึงคืนของกลางทั้งหมดให้เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.ภัททิยา ทองสุวรรณ อายุ 29 ปี เพื่อนซ้อปลา กล่าว่า ตนเคยออมเงินกับซ้อปลา ประมาณ 1-2 ปี โดยตนเคยออมเงินได้ดอก วงเงินออมประมาณล้านบาท ซึ่งเมื่อตนเห็นว่าในวงออมเงินนั้น ซ้อปลาเหมือนจะดูแลไม่ได้ไปไม่รอด จึงรีบถอนเงินต้นและดอกออกทั้งหมด เป็นเงินกว่า 1,200,000 บาท เมื่อเดือนม.ค.64 ที่ผ่านมา
ส่วนที่เสียหายนั้น มีลูกแชร์ทั้งหมด 41 มือ ส่งเงิน 15 วันครั้ง ครั้งละ 5,000 บาท โดยตนถือด้วยกัน 4 มือ รวมแล้วในทุก 15 วัน จ่ายครั้งละ 20,000 บาท วงแชร์นี้จำนวน 2 แสนบาท กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 28 ก.ย.64 ตนเดินทางไปที่บ้านของซ้อปลา เนื่องจากรู้จักสนิทกัน ก็เห็นว่ายังคงมีกระเป๋าแบรนด์เนมใบละกว่า 3-5 แสนบาท วางเรียบรายตั้งโชว์อยู่หลายใบ จึงมาที่ สภ.เมืองสงขลา หน้าห้องสืบสวรสอบสวน ได้พูดคุยกันขอให้เอาทรัพย์สินดังกล่าวมาขายจ่ายให้กับลูกแชร์ทั้งหมด ซึ่งซ้อปลา ตอบกับตนว่าได้ และเต็มใจที่จะชดใช้ให้
ต่อมาเวลาประมาณ 16.00 น. ตนเดินทางไปยังบ้านซ้อปลา เห็นว่ามีคนนับสิบยืนล้อมบ้านซ้อปลา ตนจึงเดินเข้าไปถามทวงเอาเงินคืน จากเงินกว่า 2 ล้านบาทที่เสียไป โดยทางด้านซ้อปลาตอบตนกลับมาคำเดียวว่า “ไม่มีเงินสักบาท” อีกทั้งไม่พูดถึงเรื่องค่าชดใช้ให้กับลูกแชร์ ได้แต่ตอบเช่นเดิมว่าไม่มีเงิน ๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 4 วันก่อนที่บ้านแชร์จะล่มนั้น ทางด้านซ้อปลา ยังทักมาชวนให้ออมเงินเพิ่มเติม อีกประมาณ 1 ล้านบาท จึงทำให้เกิดความโมโห ที่ซ้อปลาหวังแต่จะอยากได้เงิน โดยไม่คำนึงนึกถึงคนอื่นเลย จึงทำให้เกิดเหตุวิวาท วุ่นวายกันเกิดขึ้น อีกทั้งตนมองว่าอยากให้ซ้อปลาสำนึกด้วย หากไม่มีศักยภาพในการรับผิดชอบ ก็ไม่ควรนำเงินคนอื่นมาหมุนเช่นนี้
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.กิ่ง (นามสมมติ) รุ่นน้องซ้อปลา ผู้เสียหาย กล่าวว่า สมัยที่ตนรู้จักและเรียนโรงเรียนเดียวกันกับซ้อปลา ตนเป็นรุ่นน้องห่างกันเพียง 2 ปี ก็เคยเห็นเคยรู้จักกันมาก่อน เขาเป็นคนตรง ๆ ดูเป็นคนลักษณะนิสัยดี และเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ปี 2560 ทางด้านซ้อปลา ทักมาหาตนในเซฟบุ๊กส่วนตัวว่า "น้องกิ่ง พี่เปิดแชร์นะ สนใจมาเล่นแชร์กับพี่ไหม วงเพียงแค่ 2,000 บาท" ตนจึงเริ่มตัดสินใจเล่นแชร์ด้วย และได้ดอกประมาณ 1,000 บาทบ้าง 400 บาทบ้าง ได้เพียงเล็กน้อยและได้เงินตลอดทุก ๆ เดือน
กระทั่งตนตัดสินใจอยากเก็บเงิน จึงได้เพิ่มวงเงินมาโดยตลอด ปัจจุบันเล่นแชร์กับซ้อปลา มานานถึง 4 ปี วงแชร์ล่าสุดที่ตนเล่นนั้นอยู่ที่วง 100,000 บาท โดยเมื่อครบรอบเปียแชร์นั้น ตนจะได้เงิน 100,000 บาท และได้ดอกจำนวน 15,000 - 30,000 บาท โดยตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาก็ได้ถอนเงินออกอยู่ตลอด
ในระหว่างที่ซ้อปลา เป็นข่าวนั้น ตนก็คาดว่าเป็นเรื่องจริง เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่เป็นข่าว ทางด้านครอบครัวของซ้อปลา ได้ตอบข้อความกลับในกลุ่มบ้านแชร์ของซ้อปลา โดยได้มีการตอบกลับมาในกลุ่มว่า "อย่าไปร้อนตามมัน ปลากำลังดำเนินเรื่องอยู่ค่ะ ปลาไม่ได้อยู่นิ่งค่ะ ปลาต้องทำตามระบบของปลานะคะ"
โดยในแชตต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าซ้อปลา พยายามเรียกขวัญกำลังใจโน้มน้าวคนในกลุ่มท้าวแชร์ ให้เชื่อมั่นว่าซ้อปลา ไม่ได้เป็นคนผิดจริง อ้างว่ามีหลักฐานครบ และจะต้องชนะคดีแน่นอน ซึ่งตนยอมรับว่า ไม่นึกจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะด้วยความเชื่อใจ โดยในวันที่ 27 ก.ย. 64 ตนทักไปหาก็ไม่ได้มีการตอบกลับ ได้เพียงแต่ปฏิเสธว่าเหนื่อย เนื่องจากทำธุระตลอดทั้งวัน จึงไม่มีเวลาโอนเงินทั้งต้นและดอก หลังจากนี้ตนไม่มั่นใจ และไม่เชื่อใจซ้อปลาอีกแล้ว รู้สึกเสียใจและไม่คาดคิดว่าจะทำกันได้ลงคอ
ต่อมาเพจเฟซบุ๊ก "บิ๊กเกรียน" ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ซ้อปลากุเรื่องตำรวจรีดเงิน 5 ล้านบาท ซึ่งทางเพจได้ระบุรายละเอียดถึงเรื่องนี้ว่า "ความจริง เริ่มชัดขึ้นมาเรื่อย ๆ ตำรวจเป็นโจร ตามข้อกล่าวหาหรือไม่ วันนี้ซ้อปลา รับสารภาพแล้วว่าเป็นเท้าแชร์ และเมื่อวงแชร์ล่ม ลูกแชร์บุกบ้านทวงเงิน เกือบบ้านแตก ส่วนเรื่องเงิน 5 ล้านบาท ให้การยอมรับกับคณะพนักงานสอบสวนข้อเท็จจริงว่า เป็นการวางแผนกุเรื่อง"
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า หลังจากที่มีข่าวออกมาว่าซ้อปลา รับสารภาพว่ากุเรื่องขึ้นมา ตนเพิ่งโทรพูดคุยสอบถามซ้อปลา เวลา 19.00 น. ที่ผ่านมา ทางซ้อปลายืนยันว่าเป็นผู้เสียหายจริง ไม่ได้รับสารภาพว่ากุเรื่องตามที่เป็นข่าว เเละไม่ทราบว่ามีข่าวเเบบนี้ออกมาได้อย่างไร ซึ่งตนก็จะเดินหน้าพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้ต่อไป เเละพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนกรณีคลิปที่ลูกเเชร์บุกบ้านซ้อปลานั้น ที่ผ่านมาตนก็พอทราบว่าซ้อปลามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเเชร์ ซึ่งทางตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นเเชร์ถูกกฎหมายหรือไม่ หากผิดก็ต้องมีการดำเนินคดีทั้งลูกเเชร์เเละท้าวเเชร์ ก็ว่าไปตามกระบวนการ ซึ่งเเยกส่วนกับเรื่องเงิน 5 ล้านบาท เพราะเป็นคนละเรื่องกัน
ทั้งนี้ ตนขอฝากไปถึงลูกเเชร์ที่บุกไปบ้านซ้อปลา อาจมีความผิดหลายคดี ทั้งเรื่องบุกรุก เเละทำร้ายร่างกาย ซึ่งหากมีความพยายามจะนำทรัพย์สินใด ๆ ออกจากบ้านซ้อปลา ก็อาจมีความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ หรือความผิดที่เกี่ยวข้องด้วย จึงฝากเตือนให้หยุดพฤติกรรม เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ส่วนซ้อปลา ตอนนี้มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย จึงมีการไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อนชั่วคราว ซึ่งตนรู้สึกผิดหวังเพราะก่อนที่ตนจะเดินทางกลับจากจ.สงขลา ทางตำรวจรับปากว่าจะดูเเลด้านความปลอดภัยให้กับซ้อปลา เเต่กลับปล่อยให้เกิดเรื่องเเบบนี้ขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ นายสิระ ได้พยายามโทรหาซ้อปลา เพื่อจะให้พูดคุยชี้เเจงกับทีมข่าวด้วยตัวเอง เเต่ปรากฎว่ามีการโทรศัพท์อยู่หลายสาย เเต่ซ้อปลาไม่รับโทรศัพท์ ทั้ง ๆ ที่ก่อนการสัมภาษณ์ ก็เพิ่งวางสายจากนายสิระไปได้ไม่นาน
