หลังจากนั้นจึงนำศพส่งตรวจที่นิติเวช แล้วปล่อยผู้ต้องผู้หญิง ทราบชื่อว่า น.ส.ใบเฟิร์น กลับบ้านเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีและห้ามนำเรื่องดังกล่าวไปบอกใคร นอกจากนี้ ยังพบว่าในใบมรณบัตรตามระบบทะเบียนราษฎร ระบุว่าเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ส.ค.64 ที่ผ่านมา และมีผลรับรองจากแพทย์ว่าเสียชีวิตจากแอมเฟตามีน (amphetamine)
ล่าสุดวันที่ 24 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปพบกับนายนิค (นามสมมติ) อาของผู้เสียชีวิต ปัจจุบันรับราชการทหารอากาศ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนรับโทรศัพท์จาก นายจักร์กฤษณ์ พ่อของผู้เสียชีวิต ซึ่งโทรมาแจ้งว่าหลานเสียชีวิต เพราะแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ตนก็ได้เดินทางมาร่วมงานตั้งแต่วันแรก กระทั่งถึงวันฌาปนกิจศพ วันที่ 10 ส.ค.64 และตนก็ยังเป็นประธานในการถวายผ้าบังสุกุล และเป็นประธานจุดธูปเทียนในคืนสวดอภิธรรมทั้ง 3 คืนอีกด้วย
ทั้งนี้ ตนรู้จากคนในครอบครัวว่า หลานเสียชีวิตจากการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก โดยในวันนั้นหลาน เดินทางไปพร้อมกับหลานสะใภ้ ซึ่งจะไปทำธุระในจ.ชัยนาท แต่ระหว่างทางเกิดหายใจไม่ออก ต้องจอดรถข้างทาง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยช่วงที่มีการตั้งสวดอภิธรรมศพ ก็สังเกตว่ามีเพียงญาติพี่น้องเดินทางมาร่วมงาน และกลุ่มข้าราชการทหารอากาศ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของตน และฝั่งของพ่อคนตายที่เป็นอดีตข้าราชการทหารอากาศเดินทางมา แต่ไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบ และนอกเครื่องแบบ รวมทั้งพวงหรีดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งมาร่วมงานแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ตนในฐานะคนในครอบครัว ยอมรับว่าครั้งแรกก็เข้าใจเหมือนกับญาติคนอื่น ว่าหลานเสียชีวิตจากการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก แต่ช่วงระยะหลัง หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าว ตนก็เกิดความสับสนเช่นเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานชายกันแน่ แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะสอบถามความคืบหน้ากับคนในบ้านได้ เพราะหลังจากผ่านช่วงเวลาไปแล้ว ก็ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้ติดต่ออะไรกัน แต่วันนี้ตนในฐานะคนในครอบครัว อยากจะให้ทีมข่าว รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจคลี่คลายคดี และปมสงสัยที่สังคมกำลังแชร์กันอยู่ ตนก็อยากรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานชายกันแน่ เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครเคยพูดถึงประเด็นนี้
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากมีการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว หากพบว่านายมาวิน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ตาย เจ้าหน้าที่ชุดที่อยู่ในเหตุการณ์หรือเป็นคนกระทำ ก็ต้องออกมารับผิดชอบต่อพฤติกรรมหรือการกระทำที่ทำเอาไว้ กฎหมายมีไว้ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น ใคร ๆ ก็ไม่สามารถที่จะอยู่เหนือกฎหมายได้ และหากคดีพลิกจริง น.ส.ใบเฟิร์นหลานสะใภ้ อาจตกเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติด จำนวน 1 แสนเม็ด ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่สามารถปกป้องคนผิดกลายเป็นถูกได้ ตนก็ไม่กล้าที่จะยืนยันว่าหลานชาย และหลานสะใภ้ เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดหรือไม่ เพราะหลังจากเติบโตไปทำงาน ตนก็ไม่รู้ว่าไปทำงานอยู่ที่ไหน อาชีพอะไร
กรณีเรื่องการรับเงิน 5 ล้านบาท ของคนในครอบครัวนายมาวิน ตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หากอยากรู้ว่ามีการรับเงินหรือไม่รับเงิน ก็ให้สอบถามจากพ่อและแม่ ขณะที่ประเด็นการออกมาให้สัมภาษณ์หรือการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการตายของตัวนายมาวิน ที่พ่อไม่ได้สงสัยการตาย แต่แม่ยังติดใจการตาย ตนก็ไม่สามารถแสดงความเห็นได้ เพราะเป็นความเห็นส่วนตัวของทั้งคู่
น.ส.น้อง (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ชาวบ้าน เปิดเผยว่า ตนเห็นคลิปดังกล่าวแล้ว และรู้จักกับบุคคลที่ปรากฏอยู่ในคลิปทั้ง 5 คน ซึ่งผู้กำกับที่อยู่ในคลิปเป็นคนที่ไม่เคยลงมาพูดคุย หรือทักทายกับชาวบ้านในพื้นที่ คนในละแวกนี้จะเห็นเพียงภาพหรือชื่อที่แปะอยู่ในโรงพัก แต่ไม่ได้เคยทักทายหรือรู้จักเป็นการส่วนตัว เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่โรงพักที่นี่ได้ไม่นาน
ส่วนตำรวจชั้นผู้น้อยที่ปรากฏอยู่ในคลิป ตนรู้จักชื่อเพียงแค่ 1 คน ส่วนคนอื่นแม้ว่าจะไม่รู้จักชื่อ แต่ก็เคยทักทายและพูดคุยกันทุกวัน ทุกคนมีนิสัยใจคอดี เรียกได้ว่าเป็นคนดีเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อตนเห็นการกระทำที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว ตนยอมรับว่าตกใจ และคาดไม่ถึงว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำรุนแรงต่อผู้ต้องหา แต่ก็อาจเป็นเพราะมีผู้บังคับบัญชาอยู่ในเหตุการณ์ จึงมีความจำเป็นที่จะร่วมก่อเหตุหรือไม่ ส่วนตัวในฐานะคนพื้นที่ อยู่ที่นี่มานานตั้งแต่เกิด ก็ไม่คิดว่าจ.นครสวรรค์ จะมีตำรวจแสดงการจะทำแบบนี้กับผู้ต้องหา ยอมรับว่าเคยมองว่าตำรวจเป็นผู้ถือกฎหมาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีการทำผิดกฎหมายเสียเอง
ทั้งน้ ตนในฐานะชาวบ้าน ตั้งแต่ที่มีผู้กำกับคนนี้เข้ามาทำหน้าที่ ยอมรับว่าเข้มงวดกวดขันในการจับกุมมากขึ้น แต่กลับไม่ได้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะค่าปรับโดยการกระทำผิด เช่น การฝ่าฝืนกฎจราจร ตนเจอมากับตัว ซึ่งเป็นเพียงแค่การไม่พก พ.ร.บ.รถ โดยปกติกฎหมายกำหนดให้ต้องถ่ายสำเนาเอาไว้ใต้เบาะ แต่ตนไม่ได้พกไปจึงถูกเรียกปรับ และเสียค่าปรับมูลค่า 2,000 บาท แต่ปกติจะปรับอยู่ที่ 400 - 600 บาท ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการกระทำผิด
ฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่กระทบต่อความรู้สึกของชาวบ้าน หากมีการกระทำผิดตนเองก็พร้อมรับผิด แต่ไม่ใช่ต้องมีการจ่ายเงินที่มากกว่าที่กฎหมายกำหนดแบบนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เมื่อพบการกระทำผิด หรือมีการย้ายผู้กำกับโรงพักออกไปแล้ว เชื่อว่าชาวบ้านจะกลับมาใช้ชีวิตได้ดีมาก และเชื่อว่าผู้กำกับคนใหม่ ก็จะเข้ามาพัฒนาหรือเป็นที่พึ่งให้กับชาวบ้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คดี ผู้กำกับโจ้ ชาวเน็ตแห่แชร์ หนังสือรับรองการตายผู้ต้องหา เพราะสารแอมเฟตามีน
- ประวัติ ผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ตำรวจหนุ่มเจ้าของฉายา โจ้ เฟอร์รารี่
- ประวัติ ใบเตย พรพจี พิธีกรสาวชื่อดัง ลูกบิ๊กตำรวจ แฟน ผู้กำกับโจ้
- ผบ.ตร. แถลง ผู้กำกับโจ้ ทำฉาวสีกากี ลั่น! นิ้วไหนร้ายต้องตัด สั่งกำชับ ตม. จับตา หนีออกนอกประเทศ
- นายกฯ สั่งสอบ คลิป ผู้กำกับโจ้ ลั่น! ครอบครัวผู้เสียชีวิต ต้องได้รับความเป็นธรรม
- ปูดพิกัด "ห้องเหลือง" สถานที่ใช้ทรมานคดีบิ๊กตำรวจ ถุงคลุมหัวรีดเงินล้านผู้ต้องหาดับ
- ทนายษิทรา แชร์คลิปอ้างนาที ผู้กำกับโจ้ คลุมถุงพ่อค้ายารีดเงิน 2 ล้าน จนเสียชีวิต
- สอบเครียด! แม่ - เมียหนุ่มตายปริศนา พ.ต.อ.ปัดคลุมหัวไถเงินล้าน สัปเหร่อเผยพิรุธศพ (คลิป)
Advertisement