โดยเหตุการณ์ดังกล่าว มีรถบรรทุก 6 ล้อ เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 1 กพ 9249 เชียงใหม่ เป็นเหตุทำให้หญิงสาววัย 21 ปี ภายหลังทราบชื่อ น.ส.เปี่ยมรักษ์ หนักแน่น หรือ “น้องเฟิร์ส” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ขี่รถจักรยานยนต์ล้ม และถูกล้อรถบรรทุกทับศีรษะสมองไหลเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที โดยสภาพศพนอนหงายอยู่ใกล้กับหมวกกันน็อกที่แตกเสียหาย 1 ใบ และแว่น 1 อัน พร้อมกับชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์กระจายทั่วพื้นถนน
ส่วนคู่กรณีนั้นได้ขับรถบรรทุกคันก่อเหตุหลบหนีไปทางถนนสายคันคลอง เส้นทางบ้านพักข้าราชการ 700 ปี กระทั่งชุดสืบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ พอจะทราบแล้วว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวเป็นของใคร แต่กำลังอยู่ในระหว่างการติดตามตัวคนขับมาสอบสวน และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ มีภาพวงจรปิดปรากฏว่าสามารถบักทึกภาพรถบรรทุกจอดบริเวณปากทางเข้าแมนชั่นแห่งหนึ่ง ถัดจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร จากนั้นก็มีชายวัยประมาณ 30-35 ปี รูปร่างท้วม มีเครา สักลายบริเวณแขนและขาทั้ง 2 ข้าง สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นสีเทาดำ รองเท้าผ้าใบ เดินลงมาจากรถบรรทุก แล้วทำท่าเหมือนตรวจเช็กบริเวณล้อด้านหลังของรถ
ในเวลาไล่เลี่ยกันก็มีผู้หญิงรูปร่างท้วมลงมาจากรถ สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบ พร้อมคุยโทรศัพท์ตลอดเวลา และเดินไปยังจุดเกิดเหตุเช่นกัน ต่อมาเวลา 20.15 น. ทั้ง 2 คนนี้ก็เดินกลับมาพร้อมกัน แล้วขึ้นรถก่อนที่ทั้งคู่จะขับออกไปทางถนนสายคันคลองในเวลา 20.16 น. หลังจากนั้นเวลา 20.23 น. ก็มีรถกู้ภัยมาเข้ามายังจุดเกิดเหตุ
กระทั่งบ่ายวันที่ 22 ส.ค.64 ทางครอบครัว เพื่อนร่วมคณะ และอาจารย์ของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่หน่วยรักษาศพ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ด้วยความโศกเศร้า เพื่อติดต่อขอรับศพ “น้องเฟิร์ส” กลับไปตั้งบำเพ็ญกุศุลที่บ้านเกิดเลขที่ 209 หมู่ 8 ต.เม็งราย อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย
ล่าสุดวันที่ 23 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ย้อนกลับไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งพบว่ายังคงมีคราบเลือดของผู้เสียชีวิตฝังอยู่กับพื้นถนนยางมะตอย ประมาณ 2-3 จุด และมีเศษชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์กระจัดกระจายเล็กน้อย พร้อมกันนี้ยังมีร่องรอยของการทำพิธีสูตรถอนตามความเชื่อของคนเหนือ หรือที่เรารู้จักกันในพิธีเชิญดวงวิญญาณ ที่ครอบครัวของ “น้องเฟิร์ส” ได้ทำพิธีไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.64) โดยมีการก่อกองทรายปักตุง (ธง) จัดวางเครื่องเซ่นไหว้ ดอกพุทธชาด ธูป 1 ดอก เทียน 2 เล่ม
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางมายังบ้านของ “น้องเฟิร์ส” หมู่ 8 บ้านเวียงหวาย ต.เม็งราย อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพ จึงทำให้ทราบว่าหลังจากน้องเสียชีวิตในเวลา 20.13 น. ของวันที่ 21 ส.ค.64 ต่อมาคุณตาเหรียญ แก้วบัว อายุ 70 ปี ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้ายได้ประมาณ 5-6 เดือน ก็ได้เสียชีวิตลงในเวลา 12.00 น. ของวานนี้ 22 ส.ค.64 ที่รพ.พญาเม็งรายเช่นกัน ทำให้วันนี้ที่บ้านมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาถึง 2 ศพ
นายเผชิญศักดิ์ หนักแน่น หรือ “พ่อเอส” อายุ 45 ปี พ่อของผู้ “น้องเฟิร์ส” กล่าวว่า จริง ๆ แล้วเมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศ จ.เชียงใหม่ โทรศัพท์มาแจ้งว่าคู่กรณีที่ขับรถ 6 ล้อได้เข้ามอบตัวเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อคืน (22 ส.ค.64) ที่ผ่านมา พร้อมกับอยากจะเข้ามาขอขมาศพน้องเฟิร์ส แต่ด้วยครอบครัวของน้องเฟิร์สยังไม่พร้อม และทำใจไม่ได้ จึงขอไว้ว่าไม่ต้องเข้ามา
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยังทำใจไม่ได้จริง ๆ เพราะลูกสาวกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 และเป็นความหวัง เป็นอนาคตของครอบครัวมาก ๆ และยิ่งมารู้ว่าคู่กรณีชนแล้วหนีก็ยิ่งสลดใจ ตนมีคำถามติดใจหลาย ๆ อย่าง แต่ในเมื่อวันนี้เสียลูกสาวไปแล้ว ตนก็ขอปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ถ้าถามว่าหากคู่กรณีติดต่อเข้ามาเพื่อขอขมาศพ “ผมยังไม่อยากจะเห็นหน้าเลย กลัวทำใจไม่ได้” แต่หากเวลาผ่านไปตนเชื่อว่าเมื่อตนและครอบครัวทำใจได้ ก็อาจจะอโหสิกรรมให้ แต่ขณะนี้ยังไม่พร้อมจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม หนึ่งสิ่งที่ทำให้ตนทำใจไม่ได้ คือ ตนมีลูก 2 คน “น้องเฟิร์ส” เป็นคนพี่ ส่วนคนเล็กผู้ชาย อายุ 11 ขวบ ทั้งคู่รักกันมาก มีอะไรจะแบ่งปันกันตลอด ไม่เคยทะเลาะกัน อีกอย่างลูกสาวเป็นคนสดใส ร่าเริง คุยเก่ง เข้ากับเพื่อนฝูงได้ดี มีแต่คนรัก ตั้งใจเรียนอย่างเห็นได้ชัด เพราะในบรรดาลูกพี่ลูกน้อง มีแค่น้องเฟิร์สคนเดียวที่สามารถเดินตามความฝันตัวเองในการสอบเข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เชียงใหม่
โดยช่วงที่เรียน ม.ปลาย ลูกสาวไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยหลายแห่ง และก็สอบติดทั้งหมด ตั้งแต่ 1.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร 2.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวรกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ 3.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กระทั่งเลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เนื่องจากลูกสาวมีความถนัด สนใจเรื่องไฟฟ้ามาตั้งแต่มัธยม เมื่อได้ฝึกงานช่วงปี 3 ปี 4 ก็ทำได้ดี ได้รับคำชื่นชม เขาก็เลยบอกกับครอบครัวว่า "อีกไม่กี่เดือน หากหนูเรียนจบ จะหางานเกี่ยวกับนักวิศวกรรมไฟฟ้าทำนะ" แต่สุดท้ายน้องก็ต้องมาจากครอบครัวไปเสียก่อน ตนยอมรับว่าใจหายมาก ๆ ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้
"ผมอยากฝากเรื่องราวของลูกสาวไว้เป็นอุทาหรณ์กับสังคมว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก สงสารเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีภูมิลำเนาอยู่บ้านนอกอย่างลูกสาวผม เขาอยากมีอนาคตที่ดี จึงตัดสินใจเข้าไปเรียนในเมืองใหญ่" ผู้เป็นพ่อ กล่าวทิ้งท้าย
ในขณะที่ นางพิกุล หนักแน่น หรือ “แม่กุล” อายุ 44 ปี แม่ของ “น้องเฟิร์ส” เปิดเผยว่า ตนกำลังนึกถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่ได้คุยกับลูกผ่านโทรศัพท์ เวลาประมาณ 19.59 น. ของวันที่ 21 ส.ค.64 หรือ 14 นาทีก่อนเกิดเหตุสลด ตอนนั้นลูกสาวโทรศัพท์มาหาตน
ลูกสาว : แม่ วันนี้จะมารับกี่โมง
แม่ : ตี 3 แม่จะออกไป แต่งตัวรอเช้าหน่อย เพราะจะพาไปดูตา ต้องออกแต่เช้า
ลูกสาว : อย่างงั้นแม่พักผ่อนนะ แม่ไม่ต้องห่วงแล้ว
หลังจากนั้น ตนก็ได้วางสาย คาดว่าลูกสาวคงจะขี่รถออกจากห้องพัก แล้วก็ไปประสบอุบัติเหตุ ส่วนตัวยอมรับว่าไม่คาดคิดว่าจะเป็นสายสุดท้ายที่ได้คุยกับลูกสาว เพราะที่ผ่านมาลูกสาวจะโทรศัพท์มาตลอด วันละประมาณ 3-4 ครั้ง
ทั้งนี้ นางพิกุล กล่าวฝากไปถึงคู่กรณีว่า "ไม่ว่าคุณจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว คุณควรจะลงมาช่วยเหลือหรือดูคนเจ็บคนตายบ้าง ไม่ใช่ขับรถหนีไป อยากให้คิดก่อนทำมากกว่านี้ ถ้าถามว่าสามารถอโหสิกรรมให้ได้ไหม แม่เองก็ยังไม่ขออโหสิกรรมให้ เพราะยังทำใจยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ยิ่งนึกก็ยิ่งใจสลาย จะหลับตาก็หลับไม่ลง เห็นแต่หน้าลูกสาว เพราะที่ผ่านมาพ่อแม่ยอมทำงานทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงินมาส่งเสียลูกสาวเรียน หวังให้เขามีการงานที่ดีทำ ครอบครัวจะได้สบาย มีเงินมาส่งน้องชายเรียนแทนพ่อแม่ แต่เมื่อมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ความหวังทุกอย่างที่ตั้งไว้มันล้ม พังทลายไปหมด ยังไม่รู้เลยว่าจะเดินหน้ายังไงต่อ ห็หวังว่าน้องจะไปสู่ภพภูมิที่ดี ไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่ ต่อไปนี้พ่อแม่ก็จะสู้”
ต่อมาเวลาประมาณ 17.55 น. เพื่อน ๆ ของน้องเฟิร์ส พร้อมคณาจารย์ เจ้าหน้าที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว และถึงกับร้องไห้ เมื่อเห็นแววตาของนางพิกุล ที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
โดยเพื่อน ๆ ก็ได้ทำอัลบั้มรูปภาพช่วงเวลาที่น้องเฟิร์สอยู่กับเพื่อน ๆ เขียนข้อความไว้อาลัย อาทิ “สวัสดีเปี่ยม (ชื่อที่เพื่อน ๆ เรียก) ขอบคุณมาก ๆ ที่เป็นเพื่อนที่ดี และขอบคุณสำหรับทุกอย่าง เธอเป็นเพื่อนที่ดีมาก ๆ ไม่รู้จะพูดยังไง ไว้เจอกันนะ รักเธอมาก ๆ หลับให้สบายนะ” หรือ “ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมามาก ๆ เลย เค้าไม่มีเพื่อนผู้หญิงเลย ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกัน หลับให้สบายนะ ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว เจอกันใหม่นะ” และ “เธอสร้างความสุขให้ฉันมากพอแล้ว ได้เวลาที่เธอจะได้พักอย่างสงบนะ จะอยู่ในใจเสมอ”
นอกจากนี้ ยังมีข้อความอีกมากมายที่เพื่อน ๆ มีต่อน้องเฟิร์ส “ขอบคุณที่เป็นคนน่ารัก ตลก เฮฮา ขอให้ได้อยู่ในที่ที่ดี ที่ที่มีความสุข ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว แล้วเจอกันใหม่ในสักวันหนึ่ง”, “มึงทำหน้าที่ของมึงได้ดีที่สุดแล้ว คิดถึงมึงเสมอ”, “ขอบคุณนะเฟิร์สที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กันมาตลอด หลับให้สบายนะเพื่อนกูจะคิดถึงมึงตลอดไป”, “ขอบคุณที่ได้มาเจอเปี่ยมนะ กูจะไม่ลืมมึงเลยเพื่อน ไว้เจอกันใหม่นะเพื่อน รักนะเว้ย”, “ขอบคุณที่เป็นความสดใสให้เพื่อนได้ตลอด หลับให้สบายนะเปี่ยม” และ “มึงเป็นคนที่น่ารักตลอด ใจดี ใส่ใจเพื่อนตลอด ดีใจที่ได้เจอ ได้รู้จักกับมึงนะเปี่ยม”
แน่นอนว่าเมื่อนางพิกุล แม่ของน้องเฟิร์ส เมื่อเห็นรูปภาพและข้อความเหล่านี้ ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้และใช้มือลูบรูปภาพด้วยความคิดถึงใจแทบขาด พร้อมกับขอบคุณเพื่อน ๆ ของลูกสาวที่ตั้งใจเดินทางกันมาจากจ.เชียงใหม่ “แม่ทำได้แค่นี้จริง ๆ ลูกสาวเป็นความหวังที่สุดของแม่ ยังไงลูกก็จะอยู่ในใจ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดใจหกล้อเลือดเย็นขยี้ร่าง "น้องเฟิร์ส" อ้างแวะดูไทยมุงไม่เห็นศพแหลก (คลิป)
- นาทีตาย! เก๋งชนคนตกทางด่วนยาบ้าโผล่ข้างศพ แม่คนเจ็บยันลูกออกบ้านเยี่ยมเพื่อน ปัดเป็นเอเจนต์ (คลิป)
- สยอง 2 ศพห้อยคาต้นมะม่วง วงจรปิดชัดย้อนศรกระบะอัดชน ผัวฉะกระบะประมาท (คลิป)
Advertisement