กรณีจ่าโทเรือนณพงศ์ แสงสุวรรณ อายุ 29 ปี อดีตทหารสังกัดค่ายกองบิน 41 ในพื้นที่ จ.พะเยา ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.พะเยา ถูกคนร้ายใช้ปืน .38 ยิงเข้าที่บริเวณซี่โครงด้านหลังฝั่งขวา ทะลุด้านหน้า จนล้มลงในป่าข้างทาง บนถนนเส้นเชียงราย-เชียงใหม่ กม.58-59 ก่อนถึงด่านแม่โถ พื้นที่ของสภ.แม่เจดีย์ ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยบริเวณนั้นไม่มีบ้านคน ข้างทางเป็นป่าและภูเขา
จากนั้นทราบว่า ผู้บาดเจ็บได้คลานออกมาจากป่าข้างทาง แล้วพยุงตัวยกมือขอความช่วยเหลือจากรถที่ขับผ่านไปมา กระทั่งโชคดีที่ได้เจอกับพลเมืองดีรายหนึ่ง ขับรถยนต์ยี่ห้อ ISUZU MU-7 สีขาว ผ่านมาพบพอดี จึงรีบช่วยนำตัวของ “จ่าโทเรือนณพงศ์” ขึ้นรถแล้วขับมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่ริมถนน ในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
กระทั่งเวลา 19.00 น. ชาวบ้านได้ช่วยกันโทรเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัย ก่อนที่จะมีรถพยาบาลของ รพ.ดอยสะเก็ด เข้ามาปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมนำตัวส่งให้กับทีมแพทย์
จากการสอบถามพลเมืองดี เล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่ตนกำลังขับรถมาจากเส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย ก่อนถึงด่านตรวจแม่โถประมาณ 1 กิโลเมตรของสภ.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย พบเห็นจ่าโทเรืองณพงศ์ คลานออกมาจากป่าข้างทาง ก่อนจะขวางหน้ารถ และยกมือไหว้เพื่อขอความช่วยเหลือ ก่อนจะบอกว่า "ขอให้ช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลใกล้ที่สุดตอนนี้หน่อย ผมถูกยิง" ตนจึงขับรถมาตามเส้นทางมุ่งหน้าเข้าสู่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรอยต่อกับจังหวัดเชียงราย
จากนั้นเมื่อขับรถมาถึงร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ริมถนนในพื้นที่อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ จึงได้จอดรถและขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน กระทั่งมีการโทรเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยและนำตัวมาสับเปลี่ยนขึ้นรถของโรงพยาบาล ถึงมือแพทย์อย่างปลอดภัย
ล่าสุดวันที่ 22 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคัยกับ นางกัญญาพัชร์ ซิมป์สัน อายุ 52 ปี แม่ของผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้นอนเลย เพราะรพ.ดอยสะเก็ด บอกว่าอาการลูกชายเข้าขั้นวิกฤต กระสุนเฉียดไปโดนปอดและอวัยวะสำคัญหลายจุด จึงต้องนำส่งรพ.แม่ริม เพื่อเอกซเรย์ และเมื่อย้ายตัวมาถึง รพ.แม่ริม แพทย์พบว่ามีเลือดคั่งจำนวนมาก จึงส่งต่อมาห้องฉุกเฉินที่ รพ.สวนดอก ในเวลา 02.00 น. เพื่อให้แพทย์เฉพาะทางประเมินอาการอย่างละเอียด เพราะเกรงว่าอาจจะต้องมีการผ่าตัด ก่อนจะส่งไปพักรักษาตัวยังหอผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรมอุบัติเหตุในเวลา 05.00 น. ของวันนี้
โดยตลอดทั้งคืน ลูกชายมีกำลังใจดีจากครอบครัวและการช่วยเหลือของทีมแพทย์ จึงทำให้สามารถสื่อสารได้ และเล่าพฤติการณ์ของคนร้ายให้ฟังว่า ขณะที่ขี่รถจยย.บิ๊กไบก์ ทะเบียน 2 ขภ 5673 กรุงเทพมหานคร พร้อมสวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ระหว่างนั้นก็เผลอไปปาดหน้ารถกระบะสีฟ้าอ่อน ป้ายทะเบียนเชียงใหม่ แล้วเบียดกันไปมา จนรถกระบะขับมาจอดดักหน้ากลางถนน
ต่อมาทั้งคู่ก็มีการลงมาพูดคุยเคลียร์กัน ตอนนั้นเห็นว่าผู้ก่อเหตุมาคนเดียว เป็นชายสูงวัย อายุประมาณ 50-60 ปี มีผมหงอกขาวแล้ว ด้วยความที่ลูกชายเป็นคนอารมณ์ร้อน จึงมีการโต้เถียงกัน จนเกิดการท้าทายว่าใครผิดใครถูกใครผิด แต่ยังไม่มีการชกต่อยกัน กระทั่งผ่านไปสักพัก ลูกชายหันไปเห็นว่าผู้ก่อเหตุทำท่าจะล้วงเข้าไปที่เอวด้านขวา ปรากฎว่าเมื่อเปิดเสื้อออก มีปืนเหน็บอยู่ที่กางเกง ตอนนั้นลูกชายตกใจมาก และรีบหันหลังวิ่งไปที่รถ แต่ไม่ทันผู้ก่อเหตุก็ควักปืนขึ้นมาแล้วจ่อยิง 1 นัด ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขึ้นรถกระบะแล้วขับหนีไปทันที
"ส่วนตัวมองว่าไม่น่าใช่คู่อริของลูกชาย เพราะเท่าที่รู้ แม้ลูกชายจะเป็นคนใจร้อน ไม่ยอมคน แต่ก็ไม่เคยมีคู่อริที่ไหน หรือแม้แต่เรื่องเงิน เรื่องผู้หญิงก็ไม่เคยได้ยินเข้าหู ยังไงก็อยากฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าตำรวจเก่ง สามารถตามตัวคนยิงได้ในเร็ววันแน่นอน" แม่ผู้บาดเจ็บ กล่าว
Advertisement