จากกรณีสองสามีภรรยาซิ่งรถยักรยานยนต์ชนรถบรรทุกพ่วง ถูกเหล็กทิ่มตาได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 11 พ.ย. บริเวณจุดกลับรถ ด้านหน้าโรงเรียนสันทรายวิทยาคม ถนนสายเชียงใหม่-พร้าว(ขาออก) หมู่ 10 ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นายสงกรานต์ พุทธา อายุ 45 ปี ถูกนำส่งโรงพยาบาลนครพิงค์
ล่าสุด วันที่ 12 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณจุดกลับรถ ด้านหน้าโรงเรียนสันทรายวิทยาคม ถนนสายเชียงใหม่-พร้าว ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ยังพบคราบเลือดของผู้บาดเจ็บเปรอะเปื้อนอยู่บนถนน
จากการสอบถามพนักงานปั๊มน้ำมันที่อยู่เยื้องกับจุดเกิดเหตุ คือนายสุพจน์ ภูเรืองเดช บอกว่า ก่อนเกิดเหตุมีรถต่อแถวชะลอเพื่อกลับรถ บริเวณด้านหน้าโรงเรียนสันทรายเป็นจำนวนมาก โดยรถบรรทุกพ่วงก็เป็นหนึ่งในรถที่กำลังกลับรถเช่นกัน โดยส่วนตัวรถนั้นพ้นออกมาเเล้ว แต่ลูกพ่วงยังขวางถนนอยู่
จากนั้น รถจักยานยนต์ที่ขับมาทางตรงได้ชนเข้าอย่างจัง ตรงจุดเชื่อมของพ่วง ขณะเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ตนกำลังเติมน้ำมันให้ลูกค้า ก็ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์เบรกเสียงดัง "เอี๊ยด" แล้วก็ได้ยินเสียงชน "โครม" ดังสนั่น
ตนจึงวิ่งไปดู ก็พบว่าผู้บาดเจ็บติดอยู่ตรงเหล็กที่เชื่อมลูกพ่วง มีบาดเเผลฉกรรจ์ที่ใบหน้า เป็นภาพที่หวาดเสียวมาก ซึ่งตนคาดว่ารถจักรยานยนต์น่าจะขับมาด้วยความเร็ว หรืออาจมองไม่เห็น เพราะขณะนั้นรถที่วิ่งทางตรงส่วนใหญ่ได้ชะลอเเละหยุดให้รถที่ยูเทิร์น
นางจารุณี บุญเรือง อายุ 41 ปี ภรรยาของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับสามีกำลังขับรถกลับบ้านในพื้นที่ หมู่ 5 ต.แม่แฝก อ.สันทราย ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 13 กิโลเมตร เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ มีรถพ่วงกำลังเลี้ยวยูเทิร์น แต่เนื่องจากความมืด ประกอบกอบใส่หมวกกันน็อก สามีมองเห็นรถพ่วงในระยะกระชั้นชิด เบรกไม่ทัน จึงชนเข้าอย่างจัง ทำให้สามีได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งตอนเกิดเหตุสามียังมีสติ พยายามจะเอาหน้าตัวเองออกจากเหล็กที่เสียบอยู่ ตนเห็นบาดแผลถึงขั้นเข่าอ่อน ช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงบอกสามีให้อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับ ก่อนเจ้าหน้าที่จะมาช่วยนำส่งโรงพยาบาล
สำหรับอาการล่าสุด ตอนนี้ถือว่าพ้นขีดอันตรายเเล้ว ต้องลุ้นเรื่องการมองเห็น เพราะเเพทย์ระบุว่าดวงตาข้างขวาอาจบอด เนื่องจากจอประสาทตาบางส่วนเสียหาย อีกทั้งเหล็กเสียบทะลุเบ้าตาจนถึงกระโหลก ส่วนตนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีเพียงรอยฟกช้ำเท่านั้น ทั้งนี้ สิ่งที่ยังกังวลที่สุดในตอนนี้คือกลัวสามีจะตาบอด
Advertisement