
เมื่อเวลา 04.20 น. (23 ธ.ค. 2568) ร.ต.อ.นพดล หอมสมบัติ รอง สว.(สอบสวน)สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุชายถูกยิงเสียชีวิตในรถยนต์ บริเวณหลังด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษศรีรัช ด่านประชาชื่น ฝั่งขาเข้า แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.2 พ.ต.อ.ศักดิเดช กัมพลานุวงศ์ ผกก.สน.ประชาชื่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่บนทางด่วน ห่างจากด่านเก็บค่าผ่านทางประมาณ 200 เมตร บริเวณเชิงทางสะพานข้ามถนนประชาชื่น พบรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีขาว ทะเบียนสระแก้ว กระจกฝั่งคนขับเปิดอยู่ จอดอยู่กลางถนน จากการตรวจสอบภายในรถพบร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ นายอนุวรรตน์ อายุ 34 ปี สภาพมีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าลำคอทะลุ 1 นัด อยู่ในท่านั่งฝั่งเบาะคนขับจมกองเลือดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน โดยกั้นแนวพื้นที่บริเวณดังกล่าวไว้
จากการสอบถาม น.ส.สาวิตรี (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี แฟนสาวของผู้เสียชีวิต ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถมารับตนจากห้องพักเพื่อไปที่บ้านย่านเพชรเกษม โดยใช้เส้นทางด่วนเมื่อมาถึงด่านเก็บค่าผ่านทางประชาชื่น ได้มีรถยนต์หรูคันก่อเหตุ สีขาวขับมาฝั่งซ้าย และพยายามเบี่ยงเลนกะทันหันเข้าด่านเก็บเงิน ตนจึงบอกให้แฟนหนุ่มชะลอรถเพื่อให้รถหรูสีขาวไปก่อน หลังผ่านด่านเก็บเงิน ตนเห็นรถหรูขับชะลออยู่ โดยแฟนหนุ่มขับรถขึ้นสะพาน จู่ ๆ รถตู้หรูได้ขับมาประกบข้างฝั่งขวา และได้ลดกระจกประตูซ้ายลง ก่อนใช้อาวุธปืนยิงใส่แฟนหนุ่ม 3-4 นัด หลังก่อเหตุรถคู่กรณีได้ขับเร่งเครื่องหลบหนีมุ่งหน้าไปทางหมอชิต
มีรายงานว่า คนร้ายขับรถสีขาว ทะเบียนกรุงเทหมหานคร ต้องสงสัยที่คาดว่าก่อเหตุ ขับหลบหนีมุ่งหน้าพระราม 6 ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามเพื่อสอบสวนหาสาเหตุ ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาเวลา 09.00 น. ที่ สน.ประชาชื่น พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.2 พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ศักดิเดช กัมพลานุวงศ์ ผกก.สน.ประชาชื่น พร้อมฝ่ายสืบสวนและพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้า
โดย พล.ต.ท.สยาม ผบช.น. เปิดเผยภายหลังเรียกชุดสืบสวนประชุม และสอบปากคำ แฟนผู้เสียชีวิต นานกว่า 1 ชั่วโมง บอกว่า รถคันที่ก่อเหตุ ได้ขับปาดหน้ากันมากับรถของผู้เสียชีวิต ประมาณ 500 เมตรก่อนถึงด่านเก็บเงิน เมื่อถึงการเก็บเงินต่างคนต่างเข้าคนละช่อง แต่รถผู้ก่อเหตุเมื่อจ่ายเงินแล้วกลับชะลอรถรอรถผู้เสียชีวิตจ่ายเงินเสร็จจากนั้นก็ขับประกบ ก่อนจะใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ขึ้นมายิงจำนวน 3 นัด เข้าที่ลำคอ 1 นัด และแขน 2 นัด ก่อนจะหลบหนีไป ทำให้รถเสียหลักแฟนผู้ตาย จึงบังคับรถก่อนไปชนเข้ากับข้างทาง
เบื้องต้น ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานและให้ฝ่ายสืบสวนทั้งสืบสวนบช.น. สืบสวนนครบาล 2 และ สืบสวนสน.ประชาชื่น ติดตามรถคันที่ก่อเหตุเบื้องต้นทราบว่าหลังก่อเหตุหลบหนีไปทาง ถนนพุทธมณฑลสาย 7 มุ่งหน้าลงใต้
เมื่อถามว่า รถคันก่อเหตุนั่งมากี่คน พล.ต.ท.สยาม กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ ขอไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อน แต่เมื่อถามว่า ลักษณะการยิงเป็นมืออาชีพหรือไม่นั้น ผบช.น.ระบุว่า ก็ไม่ขนาดนั้น การยิงเป็นลักษณะกดเนื่องจากรถผู้ก่อเหตุ มีลักษณะสูงกว่าและเพิ่งผ่านด่านเก็บเงินมายังไม่มีความเร็ว
เมื่อถามว่า ผู้เสียชีวิตและแฟนมาจากร้านเหล้าหรือไม่ ผบช.น.ระบุว่า แฟนผู้เสียชีวิตอ้างว่าเธอทะเลาะกับผู้เสียชีวิต และหนีมา บ้านเพื่อนย่านปากเกร็ด จากนั้นผู้เสียชีวิตขับรถมาจากเพชรเกษมเพื่อมารับเธอกลับบ้านแต่ระหว่างทางเกิดเหตุเสียก่อน
พล.ต.ท.สยาม ระบุว่า ตอนนี่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนเดียวกับผู้ครอบครองรถหรือไม่ แต่ยืนยันเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ไม่ได้เป็นนักการเมืองหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง คาดว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุซึ่งหน้า แต่ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งหากมีหลักฐาน หรือพยานเพิ่ม ก็จะตรวจสอบทั้งหมดรวมถึงประวัติของผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุ
ด้านเพื่อนแฟนสาวของผู้เสียชีวิต ได้นำเสื้อผ้ามาให้ น.ส.สาวิตรี เปลี่ยน ซึ่งแฟนของผู้ตายได้ขอร้องให้เข้ามาพบ พร้อมกับนำเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาให้เปลี่ยน เนื่องจากชุดเดิมเปื้อนเลือดเพราะขณะเกิดเหตุ แฟนของผู้ตายนั่งอยู่ข้างคนตายด้วย
เพื่อนแฟนสาวของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนได้สอบถามเพื่อนว่าทำไมถึงโดนยิง ซึ่งเพื่อนของตนก็เล่าให้ฟังว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุพบรถคันดังกล่าว ขับเบียดมาก่อนประกบข้างแล้วใช้อาวุธปืนยิง ซึ่งเพื่อนของตนก็ไม่เห็นหน้าคนยิง พร้อมกับไม่รู้จำนวนคนในรถ ซึ่งก่อนเกิดเหตุเพื่อนได้เล่าให้ตนฟัง ว่าไปเที่ยวสถานบันเทิงมา แต่ยืนยันว่าเพื่อนไม่เมาเพราะคุยปกติ เมื่อสอบถามว่า เคยเห็นรถคันก่อเหตุหรือไม่ น.ส.อ้อย บอกว่าไม่รู้จัก
ส่วนคนตายตนไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นหน้า ซึ่งคาดว่าเป็นแฟนใหม่ของเพื่อน แต่ยืนยันว่าเพื่อนของตนไม่ได้มีปัญหาชู้สาวกับใคร และแฟนคนก่อนก็เลิกรากันด้วยดี โดยลักษณะนิสัยส่วนตัวของเพื่อนตนจะเป็นคนเงียบ และตนทราบว่าเพื่อนมีอาการป่วยซึมเศร้า ต้องกินยาตลอดเวลา ปัจจุบันไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ส่วนผู้ตายก็ไม่ทราบว่าทำอาชีพอะไร
Advertisement