ผู้พันตึ๋ง แฉ เรือนจำคือดินแดนสนธยา เงินสะพัดกว่าข้างนอก
ผู้พันตึ๋ง แฉ เรือนจำคือดินแดนสนธยา เงินสะพัดกว่าข้างนอก จ่ายเปอร์เซ็นต์ให้กับผู้คุม ส่วนที่เรื่องแดง เพราะเป็นเกมชิงเก้าอี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ภายหลังการเข้าตรวจสอบภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยชุดจู่โจมตรวจค้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบพฤติการณ์ไม่ชอบมาพากล รวมถึงการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ต้องขังชาวจีนบางราย
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้คุยกับ นายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ ผู้พันตึ๋ง อดีตนายทหาร ซึ่งก็ถือว่าเป็นหนึ่งบุคคลที่เคยถูกศาลตัดสินและเข้าไปจำคุกในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน ก่อนที่จะถูกควบคุมตัวไปคุมขังต่อที่เรือนจำกลางบางขวางจนพ้นโทษ
โดยนายเฉลิมชัย เล่าว่า ตนถูกศาลตัดสินจำคุกและเข้าถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำทั้ง 2 ที่ คือ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและเรือนจำกลางบางขวาง ตั้งแต่ พ.ศ. 2544-2561 สำหรับภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯนั้นมีอยู่ทั้งหมด 8 แดน ที่มีการควบคุมผู้ต้องหาประมาณ 4,300 คน
สำหรับตัวเองนั้นถูกคุมขังอยู่ในแดนที่ 1 ซึ่งถือว่าเป็นแดนของนักโทษระดับ VIP โดยที่อาศัยอยู่ภายในห้องส่วนตัวที่อยู่รวมกันประมาณ 7-8 คนและมีห้องน้ำอยู่ภายในห้อง ไม่ต้องไปเข้าห้องน้ำรวมกับผู้ต้องขังคนอื่น ตนถึงคุมภายในห้องดังกล่าวพร้อมกับรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ซึ่งยอมรับว่าระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่นั้น ก็เห็นพฤติกรรมของผู้คุมในการรับส่วยจากผู้ต้องขังแลกกับการดูแล รักษาความปลอดภัย และ อำนวยความสะดวกหลายอย่าง ซึ่งทางผู้ต้องขังเองก็จะมีวิธีการจ่ายส่วยให้กับผู้คุม คือตามแต่ผู้คุมจะเรียกจำนวนเงิน
ยกตัวอย่างเช่น หากว่าตนเองจะต้องจ่ายส่วยให้กับผู้คุมคนดังกล่าวนั้น จำนวน 2,000 บาท ก็จะบอกไว้กับญาติที่มาเยี่ยม ว่าจะต้องจ่ายเงินให้กับผู้คุมชื่ออะไร แล้วผู้คุมคนดังกล่าว เมื่อออกเวรก็จะไปเอาเงินสดกับญาติ โดยมีการนัดรับกันข้างนอก ซึ่งพฤติกรรมการเรียกรับผลประโยชน์ ผู้ต้องขังมองว่าเป็นเรื่องปกติ และไม่ได้มีแค่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเท่านั้น แต่ในเรือนจำอื่นก็เป็นแบบนี้ พฤติกรรมการเรียกรับผลประโยชน์ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้คุมเพียงอย่างเดียว เจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในเรือนจำไม่ว่าจะเป็นระดับผู้บัญชาการ ก็มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ต้องขัง เฉลี่ยต่อเดือนหลักแสนบาท ที่จะแลกเปลี่ยนกับการทำผิดกฎหมายภายในเรือนจำหลายอย่าง ทั้งเรื่องของการ เปิดบ่อนการพนัน ยาเสพติด การใช้โทรศัพท์มือถือ
ผู้พันตึ๋ง บอกว่า ช่วงที่ตนเองอยู่ในเรือนจำ แม้จะถูกสังคมมองและถูกกล่าวหาว่ามีชื่อเสียง เป็นผู้มีอิทธิพล และเป็นมาเฟีย ตนก็ยังต้องจ่ายเงินให้กับผู้คุม ไม่ว่าจะเป็นค่าโทรศัพท์มือถือ ที่ผู้คุมแอบนำเข้ามาให้ โดยตนจ่าย 30,000 บาท ก็มีโทรศัพท์ใช้ในเรือนจำอย่างง่ายดาย
รวมถึงค่าอำนวยความสะดวกในการที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับภรรยาและมีเพศสัมพันธ์กันในห้องน้ำ ซึ่งปีหนึ่งจะได้เจอแบบตัวต่อตัว 1 ครั้ง ตรงนี้ต้องจ่ายครั้งละ 5,000 บาท ทุกอย่างในนั้นเป็นเงินหมด ผู้คุมบางคนพยายามเอาใจผู้ต้องขังที่เป็นลูกหลานของผู้มีอำนาจ ผู้คุมแดน หรือ ผู้แดน เพื่อเจรจาวิ่งเต้นขอขึ้นตำแหน่งจากผู้ต้องขังที่เป็นลูกหลานของผู้มีอำนาจ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการดูแล อำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องขังคนดังกล่าวนั้น
นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าผลประโยชน์ภายในเรือนจำ ที่บุคคลภายนอกไม่เคยทราบเลย มีผลประโยชน์จำนวนมหาศาล ทั้งการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขัง เปิดบ่อนการพนันขนาดใหญ่ที่มีเงินหมุนเวียนหลักหลายล้านบาท รวมถึงเรื่องของยาเสพติด และการอนุญาตให้ลักลอบนำเงินเข้าไปภายในเรือนจำ เพื่อเล่นพนัน โดยหากใครจะนำเงินสดเข้ามา จะต้องเสียเงินค่าผ่านทาง 10% ของค่าเข้า หากจะนำออกจะต้องเสีย 5% ของเงินที่นำออกไป สมมติว่าจะเอาเงินเข้าไปภายในเรือนจำ 1 ล้านบาท ก็จะต้องเสียค่าเข้า 100,000 บาท และอาจจะเอาเงินสดออกจากภายในเรือนจำก็จะต้องเสียค่าผ่านทาง 50,000 บาท
ส่วนเรื่องที่นำนางแบบสาวชาวจีน เข้าไปถึงในห้องรับรองที่อยู่ใต้ห้องทำงานของผู้บัญชาการเรือนจำนั้น ส่วนตัวมองว่า การกระทำในลักษณะนี้ผู้บัญชาการเรือนจำรู้ดีที่สุด เนื่องจากการที่จะนำบุคคลภายนอกเข้ามาภายในเรือนจำในวันอาทิตย์ คือวันหยุดราชการนั้น ก็จะต้องได้รับการอนุญาตจากผัสดีเรือนจำ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมการเดินทางเข้า-ออก ทั้งเรื่องของการเบิกตัวผู้ต้องขังออกจากแดน ที่ผัสดีจะออกอุบายแจ้งผู้คุมแดนว่าจะนำตัวชาวจีนออกมาพบกับเจ้าหน้าที่ และการนำญาติของผู้ต้องขังเข้าไปภายในเรือนจำ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติ ที่ไม่สามารถ กระทำการได้หากไม่มีผู้ใหญ่ในเรือนจำรู้เห็น
เพราะว่าการเยี่ยมญาติในลักษณะนี้ ไม่ได้เป็นช่องทางปกติที่ผู้ต้องขังจะเยี่ยมญาติ แต่ถือว่าเป็นช่องทางและสถานที่พิเศษที่มีการลักลอบพาผู้หญิงเข้ามาในห้องรับรองถึงภายในเรือนจำ และเป็นการเบิกตัวผู้ต้องขังไปในวันหยุดราชการ ส่วนตัวจึงมองอีกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่าจะเป็นการเยี่ยมญาติที่ผิดกฎระเบียบของเรือนจำและ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีความผิด แต่เหตุการณ์คงจะไม่บานปลายถึงขั้นเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังมีอะไรกับผู้หญิง แต่กลับมองว่าการเยี่ยมในลักษณะส่วนตัวแบบนี้คงจะเป็นการพูดคุยกันเรื่องของการดำเนินธุรกิจที่อยู่ด้านนอก ทางนักโทษจีนเทา จึงยอมเสียเงินให้กับผู้บัญชาการเรือนจำ และผู้ที่เกี่ยวข้องในการที่จะมาเจรจากันเป็นส่วนตัว
ส่วนสาเหตุที่เรื่องถูกเปิดเผยขึ้น ส่วนตัวทราบมาว่า เป็นเกมเตะตัดขาแย่งเก้าอี้กัน และผู้มีอำนาจในกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ไม่พอใจการปฏิบัติงานของผู้บัญชาการเรือนจำคนนี้ จึงให้ผู้ต้องขังคนหนึ่ง ตนเองทราบมาว่าเป็นผู้บริหาร Forex-3D คนหนึ่ง ชื่อย่อ อ.ถูกผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คนนี้สั่งย้ายให้ไปอยู่เรือนจำกลางเขาบิน นาย อ.จึงเกิดความไม่พอใจ ประสานกับญาติทำหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯคนนี้ส่งไปยังกรมราชทัณฑ์ จึงทำให้เกิดการปฏิบัติการตรวจค้น
Advertisement
