
วันที่ 21 พ.ย.2568 พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องคุก VIP เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ ว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมามีการประชุมร่วมกับปลัดกระทรวงยุติธรรม รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นโดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เบื้องต้นทางคณะกรรมการได้มีการสอบสวนไปแล้วส่วนหนึ่งคือเรื่องของผู้หญิงที่เข้ามาในพื้นที่เขตราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ต่างๆที่รับผิดชอบ
เบื้องต้นได้พิจารณาสั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอร่วมในการสอบสวนคดีนี้ โดยจะตั้งเป็นคดีสืบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินต่างๆร่วมกับทาง ปปง. เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและในวันพรุ่งนี้เวลา 09.00 น. จะลงพื้นที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อดูรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความเสื่อมเสียให้กับหน่วยงานเป็นอย่างมาก ส่วนสํานวนไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันจะดําเนินการอย่างเต็มที่ ในส่วนของเจ้าหน้าที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯมีจํานวน 300 คน หลังจากนี้จะพยายามคัดกรองว่ามีใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
สําหรับเรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ มีกลุ่มจีนเทา 200 คน ที่มาจากหลายส่วน ซึ่งรู้ตัวแล้ว 2 คน ที่ก่อเหตุขึ้น แต่ยังไม่ทราบละเอียดเชิงลึกว่าเป็นผู้ต้องหาคดีใด แดนไหน แต่หลังจากลงพื้นที่พรุ่งนี้คาดว่าจะสามารถตอบได้ว่าเป็นผู้ต้องหาคดีอะไรและอยู่แดนไหนโดยจะพิสูจน์ทราบให้เร็วที่สุด
ภาพรวมคดีตอนนี้มีผู้ต้องหาชายชาวจีนจํานวน 2 คน ส่วนเจ้าหน้าที่เบื้องต้น 7 คน ตั้งแต่ประตูทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ โดยจุดเกิดเหตุเป็นห้องผู้คุมที่ดัดแปลงสภาพ มีประตูกั้นลักษณะคล้ายกับห้องรับรองเรือนจําทั่วไปไม่ใช่ห้อง ผบ.เรือนจําฯ แต่อย่างใด ส่วนจะมีการนําหญิงสาวเข้าไปกี่ครั้งแล้วนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวน ในส่วนของสายลับที่เข้าร่วมในการปฏิบัติการตอนนี้ยังปลอดภัยดี
ในส่วนของกล้องวงจรปิดพบว่าบางส่วนถูกลบทิ้งแต่สามารถกู้ได้แล้ว บางส่วนทําให้มีหลักฐานพอสมควรว่ามีผู้ต้องขังเดินอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสิทธิอยู่ ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบเป็นส่วนๆไป
สําหรับเส้นทางที่หญิงสาวชาวจีน 2 คน ใช้เข้ามาภายในเรือนจํานั้น พล.ต.ท.รุทธพล ยืนยันว่า เป็นเส้นทางปกติซึ่งเป็นพื้นที่ของเจ้าหน้าที่คาดว่ามีเจ้าหน้าที่เป็นผู้นําพาเข้าไป จากการสอบปากคําเบื้องต้นหญิงสาวชาวจีนทั้ง 2 คน ให้การว่ามาพบเจ้าหน้าที่ที่จุดดังกล่าวแต่ปฏิเสธเรื่องของพฤติกรรมต่างๆภายในห้อง เมื่อถามว่าเขาเต็มใจหรือรู้ไหมว่าเข้ามาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่าทั้งคู่รู้และเต็มใจ เบื้องต้นได้ทําประวัติและตรวจดูพาสปอร์ตเรียบร้อยแล้วส่วนจะส่งตัวกลับประเทศแล้วหรือไม่นั้นขอเวลาตรวจสอบ แต่ในส่วนของผู้ต้องขังชายนั้นได้ดําเนินการย้ายเรือนจําแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าไปที่เรือนจําใด
ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้ดูทั้งระบบทุกเรือนจําทั่วประเทศเพราะไม่รู้ว่ามีเรือนจําอื่นอีกหรือไม่หากมีอีกจะสร้างความเสียหายให้ทั้งกระทรวงยุติธรรม
Advertisement