อัจฉริยะ ยื่นหนังสือร้องจเรตำรวจ ฟัน ผบ.ตร.ซื้อขาย-ตำแหน่งโยกย้ายตำรวจ
อัจฉริยะ ยื่นหนังสือร้องจเรตำรวจเอาผิด ผบ.ตร. ซื้อขาย-ตำแหน่งโยกย้ายตำรวจ จ่อเข้าพบนายกฯสั่งเด้ง ผบ.ตร. ให้เวลา 30 วัน หากไม่ทำ จะแจ้งเอาผิดนายกฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (21 พ.ย. 2568 ) ที่สำนักงานจเรตำรวจ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือร้อง พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ในตรวจสอบกรณีที่ก่อนหน้านี้มีแชทหลักฐานอ้างว่า เป็นการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจในพื้นที่ตำรวจภูธรภาคที่ 4 โดยขบวนการนี้มาบิ๊กตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
นายอัจฉริยะ บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และละเอียดอ่อน เนื่องจากว่าเกี่ยวพันกับนายตำรวจระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ยังมีอำนาจสูงสุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งยังเกี่ยวพันกับการแอบอ้างบุคคลชั้นสูงที่อาจกระทบกับเบื้องสูง เพราะฉะนั้นการที่จะออกมาทำเรื่องนี้ก็ต้องทำทุกมิติ ไม่ว่าจะการร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ปี2567 รวมไปถึงคนจ่ายเงินซื้อตำแหน่งอย่างนายตำรวจ 4 นาย ซึ่งต้องพิจารณาเองว่าจะเป็นพยานหรือผู้ต้องหา สำหรับพยานที่นำมายื่นให้ ก.ร.ตร. ก็เป็นหลักฐานชุดเดียวกันกับที่เคยยื่นร้องทุกข์คดีอาญากับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมีโทษสูงถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต
ขณะที่นายอัจฉริยะ ยังพูดพาดพิงไปถึงการให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และได้ยกมือไหว้พร้อมบอกว่าต้องกราบขอโทษนายอนุทิน เรื่องที่ บอกว่าการออกมาแฉข้อมูลต่างๆ เป็นการทะเลาะกันระหว่างตำรวจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสามารถแก้ไขได้ ทั้งที่การซื้อ-ขายตำแหน่งเชื่อมโยงไปถึงบิ๊กตำรวจ มีพยานบุคคล มีหลักการชัดเจนทั้งแชตไลน์ และคลิปเสียงชัดเจน ทำให้ตัวเองรู้สึกผิดหวัง นายอนุทินที่จะมาบริหารประเทศในวันข้างหน้าแต่กลับไม่ให้ความสำคัญ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย และการทุจริต แต่ตอนนี้กลับเพิกเฉย ผ่านมาหลายวันยังไม่ให้คำตอบประชาชน และตำรวจชั้นผู้น้อยเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่ง อีกทั้งตัวเองยังมีข้อมูลว่าวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ รองผู้บังคับการ ไปจนถึงสารวัตร ซึ่งก็ทราบมาว่ามีการแจกจ่ายตั๋วไปยังภูมิภาคต่างๆเรียบร้อยแล้วด้วย
ซึ่งหลังจากนี้หากยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวของนายอนุทิน วันจันทร์ ที่ 24 พ.ย.นี้ ตัวเองจะไปยื่นเรื่องต่อนายอนุทิน ถึงกระทรวงมหาดไทยและหากหลังจากนั้นยังไม่ดำเนินการภายใน 30 วันก็จะยื่นเรื่องถึง ป.ป.ช. ให้เอาผิดนายอนุทิน ตามม.157 ฐานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมย้ำว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีของประชาชนต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติต้องมีการบังคับใช้กฎหมายกับเพื่อนร่วมงานหรือบุคคลใดก็ตามที่มีการกระทำความผิด
ส่วนในวันที่ 26 พ.ย.นี้ ที่จะเดินทางไปให้ข้อมูลกับ กมธ. ความมั่นคง ที่รัฐสภานั้น ก็จะเปิดเผยข้อมูลการวิ่งเต้นตำแหน่งในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 ว่า มีใครเกี่ยวข้องบ้าง โดยจากข้อมูลตอนนี้ทราบว่ามีตำรวจระดับผู้กำกับการที่อยู่มาหนึ่งปีถูกข่มขู่เรียกทรัพย์ ส่วนที่ก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกผู้บัญชาการตำรวจภาค 8 มาสอบข้อเท็จจริง ตัวเองก็รู้มาว่ามีการเรียกตำรวจยศรองผู้กำกับการเข้าไปต่อว่า ซึ่งในวันที่ 26 พ.ย.ตัวเองจะเปิดชื่อให้หมดว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง
รวมถึงเรื่องที่เป็นข้อมูลเท็จเกี่ยวกับ สส.ชนนพัฒฐ์ นาคสั่ว ที่ตำรวจภูธรภาค 9 ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จกับสื่อมวลชน และโยนความผิดให้คนตาย ตัวเองก็จะเปิดเผยข้อเท็จจริงเรื่องนี้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันนายอัจฉริยะ ฝากถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าอย่าพลิกฝ่ามือด้วยการฟ้องร้องปิดปาก เพราะตอนนี้ มีข้อมูลว่าได้ส่ง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ แจ้งความที่กองปราบปรามเกี่ยวกับการเปิดเผยแฉข้อมูล ยืนยันว่าไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาสู้มามากกว่า 300 คดี จะถูกอีก 5-10 คดีจะเป็นอะไรไป พร้อมบอกอีกว่าตอนนี้ตัวเองมีความลับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเยอะที่เตรียมจะเปิดเผย เพื่อการปฏิรูประบบราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมองว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการทำร้ายตำรวจ แต่เป็นการกวาดบ้านให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น เพื่อที่จะเอาคนไม่ดีออกไปแล้วเอาคนดีมาปกครองบ้านเมือง
ด้าน พลตำรวจโทสรศักดิ์ วันนี้เมื่อได้รับหนังสือร้องเรียนจากนายอัจฉริยะ ทางก.ร.ตร. จะต้องไปตรวจสอบในเชิงธุรการ และจะให้นิติกรประเมินเรื่องเพื่อที่จะเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ เพื่อที่จะมีมติในเรื่องนี้ว่ารับเรื่องไว้หรือไม่ หากรับอำนาจการไต่สวนข้อเท็จจริงด้วยวิธีการใด คงจะเหมือนกับทุกขั้นตอนที่เราเคยทำมาทุกอย่างเป็นไปด้วยความเป็นธรรม และรับฟังคำชี้แจงพยานหลักฐานต่างๆ และหลังจากนี้ต้องไปตรวจสอบหลักฐานด้านในอีกครั้ง
เมื่อถามว่าเคยมีกรณีร้องเรียนเรื่องตำรวจซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ พลตำรวจโทสรศักดิ์ ระบุว่าที่ผ่านมาทาง ก.ร.ตร. รับเรื่องร้องทุกข์ขอประชาชน ที่ได้รับผลจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตลอด ที่ผ่านมาเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้าย และมีการเสียเงิน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
พลตำรวจโทสรศักดิ์ ระบุว่า ในฐานะที่เป็นตำรวจได้มองได้หลายมิติ แต่ไม่อยากจะแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อสื่อ เพราะเชื่อว่าการเป็นข้าราชการตำรวจทุกคน โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยที่เป็นผู้ปฏิบัติที่แท้จริงในความรู้สึก ที่เป็นความรู้สึกก้อนใหญ่ที่สุด ซึ่งในวันนี้เชื่อกันอย่างสนิทใจไม่ว่าจะเป็นข้าราชการตำรวจอย่างเดียว อาจจะสะเทือนไปถึงครอบครัวและเรื่องอื่นๆในการทำงานน่าจะมีผลด้วย
แต่ถึงอย่างไรก็ดี ตำรวจมีจิตใจที่ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชนอยู่แล้วเรื่องใดๆในชีวิตที่มีผลกระทบต่อการทำงาน เราเชื่อว่าเขารักได้ในการปฏิบัติหน้าที่ของเขาเพื่อประชาชนยังอยู่ในจิตใจของเขาที่พร้อมจะปฏิบัติงาน และ พิสูจน์ให้ความจริงให้ได้ข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนกรอบระยะเวลา ต้องดูในเนื้อหาว่าความยากง่ายว่าเป็นเรื่องของพยานหลักฐานที่เราจะทำถ้าเป็นเรื่องที่ความซับซ้อนจะต้องใช้เวลาแต่อย่างไรก็ดีจะทำให้เร็วที่สุด
Advertisement
