เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสากลพิจราณาออกหมายแดง ลูกสาวและลูกชาย นายก๊กอาน 2 คน จากผู้ที่ถูกออกหมายจับในประเทศไทยทั้งหมด 7 คน ว่า เร่งสืบสวนขยายผลประสาน ปปง. อายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม
ส่วนนายเบน สมิธ หรือเบญจมิน เมาเออร์เบอเกอร์ ยังไม่พบข้อมูลพัวพันเครือข่ายคอลเซนเตอร์ หรือสแกมเมอร์ จากฐานข้อมูลในระบบแจ้งความ แต่พร้อมตรวจสอบหากมีข้อมูลเชื่อมโยง คดีของ นายก๊กอาน หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ นายก๊กอาน เจ้าของธุรกิจอาคารอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของกาสิโนในกัมพูชา และผู้ต้องหาอีก 6 คน ซึ่งประกอบด้วยเครือญาติของนายก๊กอาน 3 คน, ชาวไทย 2 คน และชาวกัมพูชาอีก 1 คน ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ฟอกเงิน
พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า หลังพนักงานสอบสวนได้ส่งหลักฐาน ให้กับสำนักอัยการสูงสุด เสนอต่อตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลพิจารณาออกหมายแดง หรือหมายจับสากล ล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วว่า นางสาวภูเฌอหลิน และนายกิดติศักดิ์ คล่องกิจกล หรือ MR.PHU SAE TONG ทายาทของนายก๊กอาน ถูกตำรวจสากลพิจารณาแล้ว 2 คน และอยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 3 คน ส่วนเรื่องของการติดตามทรัพย์สินของผู้ต้องหาได้ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เร่งขยายผลยคดอายัดติดตามทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม จากทรัพย์สินในเครือข่ายนายก๊กอาน ที่อายัดไว้แล้วกว่า 1,100 ล้านบาท ส่วนนายเบน สมิธ หรือเบญจมิน เมาเออร์เบอเกอร์ ที่ถูกพาดพิงว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์
ในประเทศกัมพูชานั้น จากฐานข้อมูลของระบบแจ้งความของตำรวจไซเบอร์ ยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือมีข้อมูลเชื่อมโยงกับผู้ต้องหารายสำคัญ แต่ตำรวจก็พร้อมที่จะสืบสวนหากมีผู้นำข้อมูลมาแจ้งความ หรือมีหลักฐานในการกระทำความผิด
Advertisement