จากกรณีนายสมศักดิ์ อายุ 75 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตเกษตรจังหวัดนครราชสีมา เมาแล้วขับรถยนต์พุ่งชนตำรวจ เด็กนักเรียน และประชาชน เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 ธ.ค. 67 จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ ร.ต.ท.วิมุตต์ แทนสุโพธิ์ รองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ขณะกำลังเดินทางไปอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้เด็กนักเรียนที่กำลังเลิกเรียนและข้ามถนน จนเสียชีวิตคาที่
และ ด.ช.อัษฎาวุธ ผิวสวย อายุ 5 ปี นักเรียนชั้นอนุบาล3 โรงเรียนบ้านดอนขวาง ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการโคม่า กะโหลกศีรษะแตก มีเลือดคลั่งในสมอง ถูกส่งรักษาที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา และยังมีนักเรียน ผู้ปกครอง และแม่ค้าที่อยู่บริเวณด้านหน้าโรงเรียน ได้รับบาดเจ็บอีก 8 คนนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าล่าสุด วานนี้ (15 ก.ย. 68) ศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.295/2568 ความอาญาและคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา โจทก์ น.ส.วารุวรรณ แทนสุโพธิ์ โจทก์ร่วมที่ 1 น.ส.สุชาดา ชาลิสาภาดา โจทก์ร่วมที่ 2 นางใจทิพย์ แทนสุโพธิ๋ ผู้ร้องที่ 1 นางเหม็น แทนสุโพธิ์ ผู้ร้องที่ 2 นางกิมเช็ง ชิต ผู้ร้องที่ 3 เด็กหญิงกัญภัทร ฝอยจะบก โดยน.ส.ภาวิณี ศรีไสว ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้ร้องที่ 4 ร่วมกันยื่นฟ้องนายสมศักดิ์ อายุ 75 ปี อดีตเกษตรจังหวัดนครราชสีมา เป็นจำเลยในความผิดฐานขับรถขณะเมาสุราและโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291,300 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522
พฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 23 ธ.ค. 2567 นายสมศักดิ์ จำเลยได้ขับรถยนต์ มุ่งหน้ากลับบ้านพักในเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ ขณะรถแล่นผ่านหลักกิโลเมตรที่ 1+450 ทางหลวงหมายเลข 226 ถ.เพชรมาตุคลา จำเลยมีอาการเมาสุราโดยมีปริมาณแอลกอฮอล์ 197 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนรถจักรยานยนต์ รถยนต์และพี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านดอนขวาง ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นเหตุให้ ร.ต.ท.วิมุตต์ แทนสุโพธิ์ รองสารวัตรจราจร สภ.เมือง นครราชสีมา ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกนำเด็กนักเรียนเดินข้ามถนน และ ด.ช.อัษฎาวุธ ผิวสวย นักเรียนชั้นอนุบาล 3 รร.บ้านดอนขวาง เสียชีวิตรวม 2 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย
ศาลพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนักที่สุดโดยให้จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี ไม่รอการลงโทษ และให้เพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ด้วย
ซึ่งภายหลังฟังคำพิพากษา ครอบครัว ร.ต.ท วิมุตต์ ประกอบด้วย นางใจทิพย์ ภรรยา น.ส.วารุวรรณ ลูกสาว และนายวัชรพงษ์ ลูกชาย ได้ปรึกษากับนายภัทรพงษ์ วรรณพงษ์ ทนายความ เพื่อเตรียมยื่นอุทธรณ์ให้เพิ่มโทษจำเลย และฟ้องร้องทางคดีแพ่ง ซึ่ง น.ส.วารุวรรณ ได้กล่าวว่า “เพียงเสี้ยววินาทีกับเมาแล้วขับ เป็นภาพชีวิตที่ไม่สามารถมีอะไรมาทดแทนกันได้ เพราะต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักและเป็นเสาหลักของครอบครัว จำเลยจำคุก 2 ปี มันน้อยเกินไป จำเป็นต้องมีด่านเป่าไว้ ไม่เช่นนั้นก็จะมีการสูญเสียอีกเรื่อยๆ”
Advertisement