เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (10 ส.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. เมืองทองธานี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พ.ต.ท.ชนทัช วุฒิภัทรโสภณ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พร้อมด้วยนายวิสิษฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการงานองค์กรสัมพันธ์ AIS ร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการ “OPERATION PINKLAO” จับกุมนายนิรันดร์อายุ 20 ปี และ นายกิตติวรา อายุ 22 ปี พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์เครื่องส่งสัญญาณ และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง หลังสกัดจับรถยนต์ต้องสงสัยได้ในพื้นที่ บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ย่าน ถนนสิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานครที่มีการติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. ส่งSMS ปลอมหลอกลวงประชาชน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก บช.สอท. ได้ร่วมกับ AIS เดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อกวาดล้างกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้เครื่อง จำลองสถานีฐาน (False Base Station) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถส่ง SMS ปลอมจากชื่อผู้ส่งที่เป็นหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ โดยจะใช้ข้อความหลอกล่อ เช่น "คะแนนจะหมดอายุ" หรือ "รับรางวัล" เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อและคลิกลิงก์ ซึ่งอาจทำให้ถูกดูดเงินได้ โดยที่ผ่านมากลุ่มมิจฉาชีพเคยก่อเหตุในหลายพื้นที่สำคัญของกรุงเทพฯ เช่น สาธร พระราม 4 สุขุมวิท และเพชรบุรี
พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ระบุว่า ก่อนการจับกุมทาง AIS ได้รับแจ้งจากประชาชนว่าได้รับ SMS ปลอมที่มีลิงก์น่าสงสัย จึงได้ประสานข้อมูลมายังตำรวจไซเบอร์เพื่อสืบสวน กระทั่งวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบรถยนต์ต้องสงสัยยี่ห้อ Mazda สีเทา ขับอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จึงได้ติดตามไปจนถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งย่านถนนสิรินธร และได้แสดงตัวเข้าตรวจค้นภายในรถ เจ้าหน้าที่พบชายไทย 2 คน คือ นายนิรันดร์ อายุ 20 ปี และนายกิตติวรา อายุ 22 ปี พร้อมของกลางเป็นเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) และอุปกรณ์กระจายสัญญาณ ซึ่งกำลังทำงานอยู่ โดยระหว่างการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ยังคงได้รับ SMS ปลอมเลียนแบบธนาคารและค่ายมือถืออย่างต่อเนื่อง
พ.ต.ท.ชนทัช วุฒิภัทรโสภณ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ระบุว่า อุปกรณ์ มีชื่อเรียกว่า เครื่องจำลองสถานีส่งสัญญาน (False Base Station) เป็นอุปกรณ์เครื่องวิทยุโทรคมนาคมที่ดัดแปลงการส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ต่างๆเข้าสู่โทรศัพท์มือถือและรัศมีใกล้เคียง มี 4 ส่วนด้วยกัน คือ
- แบตเตอรี่ หรือเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ (กล่องสีดำ)
- เครื่องจำลองสถานีส่งสัญญาน (เครื่องสีเงิน)
- เครื่องกระจายสัญญาณ (กล่องสีขาว)
- และโทรศัพท์มือถือ ไว้ใช้สำหรับควบคุมเนื้อหา
สามส่วนนี้เมื่อทำงานร่วมกัน สามารถส่งข้อความปลอมผ่านการส่งสัญญาณได้ในรัศมี 1 กิโลเมตร โดยคำให้การของผู้ต้องหา รับสารภาพว่าตระเวนขับรถยนต์ปล่อยสัญญาณในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เน้นย่านสาธร พระราม 4 สุขุมวิท และเพชรบุรี ได้มากกว่า 2 หมื่นข้อความต่อวัน เพื่อส่ง SMS ปลอมเป็นชื่อหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อล่อลวงให้ประชาชนคลิกลิงก์ เข้าสู่ระบบของเครือข่ายคอลเซนเตอร์ ได้ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง
ผลการสอบปากคำเบื้องต้น พบว่านายนิรันดร์ หนึ่งในผู้ต้องหา เคยข้ามไปทำงานฝั่งประเทศกัมพูชา จึงได้รู้จักกับนายจ้างชาวจีนและได้รับการว่าจ้างผ่านแอปพลิเคชัน Telegram ให้ขับรถตระเวนส่ง SMS โดยได้รับค่าจ้างเป็นจำนวนเงินรวมวันละ 2,500 บาท พร้อมยอมรับว่าได้ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง คือวันที่ 2, 3 และ 8 สิงหาคม 2568 อ้างว่าได้รับค่าจ้างจากชาวจีนคนหนึ่ง ให้เข้ามาทำงานนี้ โดยรับค่าจ้างเป็นวัน พร้อมสอนการใช้งานของส่งสัญญาณดังกล่าว
เบื้องต้นแจ้ง 6 ข้อหา ”ร่วมกัน ทํา มีใช้ นําเข้า นําออก หรือค้าเครื้องส่งสัญญาณ , ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม, ร่วมกันใช้คลื่นความถี่โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันพยายามฉ้อโกง , ร่วมกันดักสัญญาณ, และร่วมทําผิดฐานอั้งยี่“
ส่วนความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวข้องกับ นายก๊ก อาน เจ้าของตึกกาสิโน และตึก 28 ชั้น ที่ให้นายทุนเช่าเป็นฐานปฏิบัติการ คอลเซ็นเตอร์ ในเมืองปอยเปตนั้น ตำรวจอยู่ระวังขยายผลจับบุคคลที่เกี่ยวข้องและยึดทรัพย์ พร้อมได้ประสานทางกองกลางต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานกับอินเตอร์โพลไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อความรวดเร็ว พร้อมจะเร่งสรุปสำนวนส่งสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาในคดี "อาชญากรรมข้ามชาติ" และจ่อออกหมายจับสากล
Advertisement