วันที่ 6 ส.ค. 68 ที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงประเด็นที่สังคมจับตา หมอดูคนดังรายหนึ่ง ที่มีกระแสข่าวว่านำชื่อวัดแห่งหนึ่งไปเปิดรับบริจาคเงินนั้นว่า
จากการตรวจสอบพบว่ามีการร้องเรียนมาที่กองกำกับการ 1 ของกองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนหนึ่งได้มีการพูดคุย และกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่มีการแอบอ้างเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง และเกี่ยวข้องกับเงินอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องดูว่าหากนำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริง เจ้าอาวาสวัดดังกล่าวนำเงินไปทำอะไร
ในส่วนศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ระบุว่า ตอนนี้มี 200 กว่าเรื่องที่มีการแจ้งเข้ามาได้มีการส่งเรื่องไปแล้ว ของกองบังคับการปราบปรามรับไว้ทั้งหมด 30 เรื่องส่วนเป็นคดีอะไรนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ส่วนที่นักวิชาการคนหนึ่งบอกว่าอาจจะเข้าข่ายการฉ้อโกง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าอาจจะเข้าข่ายฉ้อโกง แต่ขอดูก่อนว่าจะต้องดูว่าพระเอาเงินไปทำอะไร
ในส่วนของการเปิดบัญชีเป็นชื่อวัด เพื่อรับบริจาค แต่กรรมสิทธิ์ในการเบิกเงินทำได้แค่คนเดียว สามารถทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ไม่สามารถทำได้ การเอาชื่อวัดไปใช้ก็ต้องเอาไปให้วัด เพราะถือว่าเป็นบัญชีของวัด และในการเปิดบัญชีที่เป็นชื่อวัดจะต้องมีกรรมการวัด และมีเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องไม่สามารถทำได้แค่บุคคลเดียว และทุกอย่างต้องเข้าระบบวัด
เมื่อถามว่าจะต้องตรวจสอบเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวด้วยใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า จะต้องตรวจสอบด้วย เช่นเดียวกันว่าเงินที่ได้จากการบริจาคนำไปใช้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หากไม่ถูกวัตถุประสงค์ก็จะเข้าข่ายว่ามีความผิด นอกจากนี้ยังยกตัวอย่างกรณีของวัดไร่ขิง ที่อดีตเจ้าอาวาสตั้ง QR Code ที่ร้านค้าสวัสดิการโดยอ้างว่าเป็นบัญชีวัด แต่เมื่อสแกนแล้วกลับเป็นบัญชีบุคคล
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีการขยายผลเรื่องหมอดูอย่างไร พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ตนเองได้มีการพูดคุยกับผู้บังคับการ และผู้กำกับกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามถ้าดูแล้วว่าเข้าข่ายฉ้อโกงก็จะให้ทางกองปราบเข้าไปดูแลคดี แต่ถ้าเป็นการทุจริตตนเองจะเข้าไปดูแลเอง
Advertisement