ความแม่นยำต่ำ ยิงแบบกระจาย ไร้นำวิถี รู้จัก BM-21 "Grad" อาวุธที่กัมพูชาใช้โจมตีไทย มักถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดหลักมนุษยธรรมหากใช้ใกล้เขตที่มีพลเรือน
เครื่องยิงจรวด BM-21 "Grad" ชื่อเต็ม BM-21 Grad Multiple Rocket Launcher System เป็นระบบยิงจรวดหลายลำกล้องของสหภาพโซเวียต (ปัจจุบันคือรัสเซีย) ที่พัฒนาในช่วงสงครามเย็น มีประวัติความเป็นมาดังนี้
BM ย่อจาก Boyevaya Mashina (ภาษารัสเซีย: Боевая Машина) แปลว่า "รถรบ"
21 คือหมายเลขรุ่น
Grad (Град) แปลว่า "ลูกเห็บ" สื่อถึงการยิงจรวดจำนวนมากแบบกระหน่ำ
1. ยุคเริ่มต้น
พัฒนาในช่วงปลายทศวรรษ 1950 ถึงต้น 1960 เข้าประจำการในปี 1963 แทนที่ระบบ Katyusha แบบเก่าที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2
2. โครงสร้างหลัก
ติดตั้งบนรถบรรทุก Ural-375D (ต่อมาเป็น Ural-4320)
มีลำกล้องยิงจรวดขนาด 122 มม. จำนวน 40 ท่อ
ยิงได้ไกลสูงสุดราว 20-40 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับจรวดที่ใช้)
3. การใช้งานในสนามรบ
ใช้ในการรบครั้งแรก เดือนมีนาคม 1969 ในช่วงความขัดแย้งชายแดนจีน-โซเวียต และสงครามอีกหลายครั้ง เช่น
* สงครามอาหรับ-อิสราเอล
* สงครามอัฟกานิสถาน (โดยโซเวียต)
* สงครามอิรัก-อิหร่าน
* ความขัดแย้งในยูเครน
* รวมถึงความขัดแย้งในประเทศกำลังพัฒนา
4. แสนยานุภาพ
* ยิงกระหน่ำแบบ "ปูพรม" ครอบคลุมพื้นที่กว้าง
* เคลื่อนที่ได้เร็ว
* บำรุงรักษาง่ายและต้นทุนต่ำ
5. ข้อจำกัด
BM-21 "Grad" แม้จะเป็นระบบยิงจรวดที่มีประสิทธิภาพในการยิงสนับสนุนทางอ้อมแบบปูพรม แต่ก็มีข้อเสียและข้อจำกัดหลายประการ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับระบบอาวุธยุคใหม่ ดังนี้
ความแม่นยำต่ำ
ระบบไม่ได้ใช้ "จรวดนำวิถี" (unguided rockets) จึงมี ความคลาดเคลื่อนสูง
แม้จะยิงครอบคลุมพื้นที่กว้าง แต่หากต้องการโจมตีเป้าหมายเฉพาะจุด เช่น รถถังเดี่ยวๆ หรือ บังเกอร์ จะไม่มีประสิทธิภาพ
การเติมจรวดช้า
การบรรจุลูกจรวดกลับเข้าลำกล้องหลังยิงหมด ใช้เวลานาน (15-30 นาที) และต้องใช้กำลังคนจำนวนหนึ่ง ในสนามรบยุคใหม่ที่การยิง-ถอยเร็วเป็นเรื่องสำคัญ นี่คือจุดอ่อน
ไม่สามารถยิงขณะเคลื่อนที่
ต้องหยุดรถก่อนยิง ทำให้เสี่ยงต่อการถูกตรวจจับหรือโจมตีตอบโต้
ระบบไม่มีระบบรักษาสมดุลหรือปรับลำกล้องอัตโนมัติระหว่างเคลื่อนที่
ไม่มีระบบนำทางและควบคุมอัตโนมัติ
รุ่นดั้งเดิมไม่มี GPS, ระบบคำนวณพิกัดอัตโนมัติ หรือ ระบบควบคุมการยิงแบบดิจิทัล
พึ่งพาการคำนวณจากเจ้าหน้าที่และการตั้งค่าด้วยมือ ทำให้ช้ากว่าอาวุธสมัยใหม่
5. ป้องกันตัวเองได้ต่ำ
* ตัวรถไม่มีเกราะป้องกัน (เป็นเพียงรถบรรทุกทั่วไป)
* หากอยู่ใกล้แนวหน้าอาจถูกทำลายได้ง่ายจากอากาศยานไร้คนขับ (UAV), ปืนใหญ่, หรือหน่วยพิเศษ
6. ผลกระทบต่อพลเรือน
เนื่องจากยิงแบบกระจาย พื้นที่ได้รับผลกระทบอาจครอบคลุมหมู่บ้านหรือเขตเมืองทำให้ BM-21 มักถูกวิจารณ์ว่า "อาจละเมิดหลักมนุษยธรรม" หากใช้ใกล้เขตที่มีพลเรือน
แม้ระบบอาวุธอย่าง BM-21 Grad จะถูกออกแบบมาเพื่อแสดงแสนยานุภาพและสร้างความได้เปรียบในสนามรบ แต่เมื่อใดที่ควันปืนจางลง เถ้าถ่านแห่งสงครามย่อมทิ้งไว้เพียงความสูญเสีย ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่ไม่อาจประสานคืน
สุดท้ายแล้ว ไม่มีอาวุธใดจะมี "ประสิทธิภาพ" เท่ากับ "สันติภาพ" พลังที่ไม่ทำลายแต่หลอมรวม พลังที่ไม่แบ่งแยกแต่เยียวยา และพลังที่ยั่งยืนกว่าระเบิดใดๆ ที่มนุษย์เคยสร้าง
ในโลกที่ความขัดแย้งยังคงดำรงอยู่ บางทีคำถามสำคัญอาจไม่ใช่ว่า "เรามีอาวุธอะไรในมือ" แต่ควรถามว่า "เรายังมีความหวังและเจตจำนงเพียงพอที่จะวางอาวุธลงหรือไม่"
เพราะในท้ายที่สุด อาวุธที่ดีที่สุด ไม่ได้ยิงออกจากลำกล้อง หากแต่ออกมาจากใจที่ปรารถนาสันติ
อ้างอิง :
- wikipedia-BM-21 Grad
- https://www.globalsecurity.org/military/world/russia/bm-21.htm
- https://www.army-technology.com/projects/bm21grad
ภาพ : AFP
Advertisement