จากเครื่องบินต้นแบบ F-16 ลำแรกของโลก ที่เรียกว่า General Dynamics YF-16 กางปีกเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า ในปี 1974 สู่ "เครื่องบิน F-16 รุ่น Block 70/72" ที่ทันสมัยที่สุดและประสิทธิภาพสูงสุดในศตวรรษที่ 21
เครื่องบิน F-16 รุ่น Block 70/72 Fighting Falcon ในปัจจุบันถือเป็น เครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 4 ที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา และมอบขีดความสามารถระดับใหม่ให้กับกองทัพอากาศทั่วโลก
โดย Lockheed Martin บริษัทผู้ผลิตอาวุธและเทคโนโลยีการป้องกันประเทศรายใหญ่ของโลกสัญชาติอเมริกา ได้ระบุมีคุณสมบัติเด่นของเครื่องบิน F-16 รุ่นใหม่ ได้รับการพัฒนาโครงสร้างและขีดความสามารถเพื่อให้มั่นใจว่าฝูงบิน F-16 ของนานาชาติจะสามารถใช้งานได้ถึงปี 2060 (พ.ศ. 2603) และหลังจากนั้น !!
1. เรดาร์ขั้นสูง
เรดาร์ APG-83 AESA ขั้นสูงของ Northrop Grumman ช่วยให้ Block 70/72 มีขีดความสามารถของเรดาร์เครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 โดยใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ร่วมกับเรดาร์ AESA ของ F-22 และ F-35
เรดาร์นี้ให้การรับรู้สถานการณ์ที่ดีขึ้น ความยืดหยุ่น และการกำหนดเป้าหมายในทุกสภาพอากาศที่รวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมอบ รายละเอียดพื้นที่เป้าหมายที่ไม่เคยมีมาก่อน และ การแสดงแผนที่ดิจิทัล ที่สามารถปรับแต่งได้ด้วยคุณสมบัติ การหมุนและซูม
2. การรับรู้พื้นที่การรบที่ได้รับการปรับปรุง
Block 70/72 มาพร้อมกับจอแสดงผล Center Pedestal Display (CPD) ความละเอียดสูงแบบใหม่ ซึ่งให้ภาพทางยุทธวิธีที่สำคัญแก่นักบิน และช่วยให้นักบินสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูล AESA และพ็อดเล็งเป้าได้อย่างเต็มที่
CPD ใหม่นี้ช่วยให้สามารถแสดงแผนที่เคลื่อนไหวแบบสีได้ จอแสดงผลสถานการณ์ทางอากาศที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและจัดการได้ง่ายขึ้น มีฟังก์ชันซูมที่สามารถสลับข้อมูลระหว่างจอแสดงผลได้ จอแสดงผลข้อมูลเครื่องมือการบินแบบดิจิทัล และจอแสดงผลสี/ติดหมวกกลางคืน
การผสานรวมเพิ่มเติมของพ็อดเล็งเป้าหมายขั้นสูง Lockheed Martin Sniper® และระบบ Legion-ES™ IRST ช่วยเพิ่มการรับรู้สถานการณ์ของนักบินและยกระดับความอยู่รอดของนักรบ
3. ระบบป้องกันการชนพื้นดินอัตโนมัติ
ระบบป้องกันการชนพื้นดินอัตโนมัติ (Auto GCAS) ซึ่งพัฒนาโดย Lockheed Martin ถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันการชนที่รุนแรง และได้ช่วยชีวิตนักบินและเครื่องบิน F-16 ไว้แล้วหลายลำ นับตั้งแต่ระบบนี้เข้าประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐฯ
เมื่อปลายปี พ.ศ. 2557 ระบบ Auto GCAS ออกแบบมาเพื่อลดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “เที่ยวบินควบคุมเข้าสู่ภูมิประเทศ” หรือ CFIT สถิติของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ระบุว่า เหตุการณ์ CFIT คิดเป็น 26 เปอร์เซ็นต์ ของการสูญเสียเครื่องบิน และ 75 เปอร์เซ็นต์ ของการเสียชีวิตของนักบิน F-16 ทั้งหมด
4. การผสานรวมอาวุธที่ไม่มีใครเทียบได้
Lockheed Martin มีประสบการณ์ด้านการบูรณาการอาวุธกับเครื่องบิน F-16 มากกว่า 36 ปี ทำให้เครื่องบินรุ่นนี้เป็นหนึ่งในเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ ที่มีความสามารถหลากหลายที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่มีใครเทียบได้กับประสบการณ์การบูรณาการอาวุธนี้ ได้รับรองรูปแบบการบรรทุกและปล่อยอาวุธมากกว่า 3,300 รูปแบบ สำหรับอาวุธและคลังเก็บอาวุธมากกว่า 180 ประเภท
5. ความสามารถด้านโครงสร้างที่เพิ่มขึ้น
เครื่องบิน Block 70/72 มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเครื่องบิน F-16 รุ่นก่อนๆ ถึง 12,000 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ซึ่งมากกว่าเครื่องบินรุ่นก่อนถึง 50 เปอร์เซ็นต์
นั่นหมายความว่าเครื่องบินเจ็ทรุ่นนี้มีความน่าเชื่อถือสูงและบำรุงรักษาง่าย มีอายุการใช้งานอย่างน้อย 40 ปี สำหรับกองทัพอากาศส่วนใหญ่ โดยไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมโครงสร้างเพิ่มเติมตลอดอายุการใช้งาน
ถังเชื้อเพลิงแบบปรับรูปทรงได้ช่วยเพิ่มเชื้อเพลิงและเพิ่มระยะทางบิน โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ของเครื่องบินเจ็ท พร้อมเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น
6. ความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการ
F-16 มีซัพพลายเออร์มากกว่า 500 รายทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น เบาะดีดตัว US18E จาก Martin-Baker นำเสนอประสิทธิภาพการหลบหนีรุ่นที่ 5 ให้กับ F-16
เบาะดีดตัวประกอบด้วย เครื่องเรียงลำดับอิเล็กทรอนิกส์ Martin-Baker, อุปกรณ์ป้องกันคอ และแผงรองรับศีรษะ พร้อมร่มชูชีพ IGQ6000 ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้น
พร้อมการออกแบบแบบแยกส่วนเพื่อการบำรุงรักษาที่ง่ายขึ้นและต้นทุนตลอดอายุการใช้งานที่ต่ำลง
และคุณสมบัติทั้งหมดนั่นเองทำให้ เครื่องบิน F-16 รุ่น Block 70/72 Fighting Falcon กลายเป็นเครื่องบินขับไล่ที่ล้ำสมัยที่สุดที่เคยมีมา
ภาพและข้อมูลจาก : Lockheed Martin
Advertisement