วันที่ 8 ก.ค. 68 ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงศ์ หรือ "จอนนี่มือปราบ" เดินทางเข้ายื่นหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับอธิบดีกรมพัฒนาสังคม ในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
จอนนี่ มือปราบ เปิดเผยว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เป็นการนำ "ความหวังของชาวบ้าน" มาสู่ ป.ป.ช. เนื่องจากเสียงของชาวบ้านที่ต่อสู้เรื่องเอกสารสิทธิ์มาหลายปี ไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้มีอำนาจและหน่วยงานรัฐ เขาจึงขอใช้เสียงของตัวเองเป็นตัวแทน โดยระบุว่า ผู้มีอำนาจควรใช้สติปัญญาช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้ชาวบ้านต้องเผชิญปัญหาเพียงลำพัง
ตนถูกกระทำโดยเลือกปฏิบัติจากกฎหมายบางฉบับ ทำให้เสื่อมเสีย จึงเลือกฟ้องบทหนัก มาตรา 157 และการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี และเชื่อว่าเป็นการกระทำนี้มีเบื้องหลังทางการเมือง เป็นพวกลิ่วล้อของนักการเมือง โดยอาจเป็นเพราะเข้าใจผิดว่าตนเองจะลงเล่นการเมือง
"ตนยืนยันว่าไม่มีความคิดลงเล่นการเมือง แต่ถ้าการเมืองใช้วิธีสกปรกมาเล่นงาน ก็ไม่แน่ แล้วเจอกัน"
จอนนี่ มือปราบ ยังเน้นย้ำถึงหลักคิดในการบริหารประเทศ โดยกล่าวว่า "คนโง่ไม่ควรเป็นผู้นำ" และข้าราชการที่ดีจะต้องมีความเห็นอกเห็นใจ เห็นถึงความรู้สึกและปัญหาของประชาชน พร้อมกล่าวถึงประเด็นรีสอร์ตของตนเองที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกพื้นที่ โดยระบุว่ายินดีให้มีการทุบทิ้งรีสอร์ตมูลค่า 20 ล้านบาทของตนเอง เพื่อแลกกับการออกเอกสารสิทธิ์ให้กับชาวบ้านที่ครอบครองที่ดินมานาน
จอนนี่ มือปราบ ระบุว่า "รีสอร์ตกูมึงรื้อได้เลย แต่ต้องรื้อให้หมด หากรื้อต้องรื้อเกือบครึ่งอำเภอ"
และตั้งคำถามถึงการหาที่อยู่และการหาทางออกให้กับชาวบ้าน หากมีการรื้อถอนในวงกว้าง พร้อมทั้งเผยว่า รีสอร์ตของตนเองกู้เงินธนาคารมาลงทุน 20 ล้านบาท และเป็นการสู้ชีวิต ซึ่งควรมีการตรวจสอบนักการเมืองที่ร่ำรวยโดยไม่มีอาชีพด้วยเช่นกัน
จอนนี่ มือปราบ ยืนยันว่า ที่ดินที่ทำรีสอร์ตไม่ได้ซื้อจากใบ นค.1 หรือ นค.3 แต่เป็นการซื้อใบจับจองจากชาวบ้านที่ครอบครองที่ดินมาก่อนปี 2511 และผ่านการครอบครองมาหลายมือ ก่อนจะดำเนินธุรกิจรีสอร์ตก็มีการทำประชาคมหมู่บ้าน แต่กลับถูกกล่าวหาว่าบุกรุก "เขาบอกคนดีไม่มีที่ยืน กูจะยืนให้ดู" จอนนี่ มือปราบระบุ
ด้าน นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความของจอนนี่มือปราบ เปิดเผยว่า กรณีของจอนนี่ต้องแยกเป็น 2 ประเด็น โดยในส่วนของที่ดินนิคมสร้างตนเอง หากเป็นการซื้อขายจากใบ นค.1 หรือ นค.3 จะถือว่าผิดกฎหมาย แต่หากชาวบ้านครอบครองที่ดินมาก่อนการประกาศเป็นนิคมสร้างตนเอง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ จะต้องมีคำสั่งรื้อถอนก่อนที่จอนนี่จะสามารถอุทธรณ์คำสั่งได้
นายเกิดผล ตั้งข้อสังเกตว่า กระบวนการเหล่านี้กลับไม่มี หรือไม่มีคำสั่งทางปกครองเลย แต่กลับข้ามมาดำเนินคดี รวมถึงไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือการกลั่นแกล้งหรือไม่
Advertisement