วันนี้ (26 มิ.ย. 2568) เวลา 14.30 น.กลุ่มผู้เสียหายกว่า 20 ราย ซึ่งรวมถึงอินฟลูเอนเซอร์และดารานักแสดงชื่อดังหลายคน ได้รวมตัวกันเดินทางไปยังศูนย์ร้องเรียนร้องทุกข์ 1111 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ขอความเป็นธรรมและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับบริษัทเอกชนรับจัดทำสื่อโฆษณาและอีเว้นท์ชื่อดัง ที่หลอกลวงจนเกิดความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากบริษัทดังกล่าวมีจำนวนกว่า 20 ราย โดยแบ่งเป็นความเสียหาย 2 ประเภทหลัก ได้แก่ เงินที่ผู้เสียหายโอนให้กับผู้กระทำผิดไม่ต่ำกว่า 21 ล้านบาท และความเสียหายที่เกิดจากการที่บริษัทไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้อีกไม่ต่ำกว่า 35 ล้านบาท ทำให้มูลค่าความเสียหายโดยรวมพุ่งสูงถึงกว่า 100 ล้านบาท
กลุ่มผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2568 เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทแห่งหนึ่งในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์
อย่างไรก็ตาม หลังจากแจ้งความประมาณ 1 เดือน ผู้เสียหายได้ติดต่อสอบถามความคืบหน้าของคดีกับ ร.ต.อ.วิวัฒน์ชัย เกษีสังข์ รอง สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ. แต่ได้รับแจ้งว่าผู้บังคับบัญชามีความเห็นควรส่งคดีไปยังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน เนื่องจากเป็นพื้นที่เกิดเหตุ และไม่ใช่หน้าที่ของ บก.ปอศ.
ต่อมา เมื่อติดต่อสอบถามไปยัง สน.พหลโยธิน กลับได้รับคำตอบว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.พหลโยธิน แต่เป็นพื้นที่ของ สน.สุทธิสาร ทำให้สำนวนคดีถูกส่งต่อไปยัง สน.สุทธิสาร เพื่อดำเนินการต่อ
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายได้ติดต่อสอบถามความคืบหน้ากับ สน.สุทธิสาร และทราบว่า ร.ต.อ.สุชาติ ราษฎร์ดษดี รอง สว.(สอบสวน) สน.สุทธิสาร เป็นผู้รับผิดชอบคดีต่อจาก บก.ปอศ. โดย ร.ต.อ.สุชาติ ได้เรียกสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 และได้แนะนำให้ผู้เสียหายเจรจาไกล่เกลี่ยกับบริษัท เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย
ในวันที่ 16 มิถุนายน 2568ทนายความของบริษัทได้มาเป็นตัวแทนในการเจรจา แต่สุดท้ายบริษัทฯ ไม่ได้ติดต่อกลับมายัง ร.ต.อ.สุชาติ ราษฎร์ดษดี เพื่อข้อยุติ ทำให้กลุ่มผู้เสียหายเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและคดีมีความล่าช้า จึงตัดสินใจยื่นเรื่องร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีผ่านศูนย์ร้องเรียนร้องทุกข์ 1111 ในครั้งนี้
โดยกลุ่มผู้เสียหายมองว่าการกระทำของบริษัท เป็นภัยต่อสังคมและประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากยังมีการโฆษณาและโปรโมทอย่างต่อเนื่องผ่าน Facebook ซึ่งอาจทำให้มีผู้เสียหายรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มผู้เสียหายจึงขอเสนอแนะให้นายกรัฐมนตรีพิจารณามอบหมายหน่วยงานที่มีความพร้อมและให้ความเป็นธรรมที่สุดมาดำเนินการในคดีนี้
กลุ่มผู้เสียหายหวังว่าการยื่นเรื่องในครั้งนี้จะนำไปสู่การดำเนินคดีที่เป็นธรรมและรวดเร็ว เพื่อไม่ให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงลักษณะนี้อีกในอนาคต
Advertisement