(16 มิ.ย. 2568) เวลา 13.30 น. ร.ต.ท.สุขสันต์ หาสุข รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายเข้ามางัดอาคารพาณิชย์ซอยโนนขมิ้น 5 ต.หนองบัว อ.เมืองอุดรธานี รื้อเอาสายไฟฟ้าและอลูมิเนียม พร้อมกับบ้านที่อยู่ด้านหลังเสียหายทั้ง 2 หลังมูลค่า 2 ล้านบาทจึงรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 คูหา 2 ชั้น พบ นายอภิสิทธิ์ สุวรรณโคตร อายุ 59 ปี ชาว ต.วัดธาตุ อ.เมือง จ.หนองคาย ทนายความพร้อมด้วยภรรยาได้พาไปตรวจสอบดูในอาคาร ซึ่งเคยเป็นออฟฟิศเปิดรับงานรับเหมาก่อสร้าง สภาพข้างในชั้นล่างกับชั้นบนโดนรื้อเอาสายไฟฟ้าทั้งอาคาร ฝ้าเพดาโดนเจาะเป็นรูหลายแห่งเสียหาย หลอดสายไฟฟ้าโดนถอดออกหมด ในห้องทำงานคอมพิวเตอร์หายไป 1 ชุด พร้อมกับทีวีขนาด 52 นิ้ว ส่วนตู้เซฟ 2 อันคนร้ายไม่สามารถเอาไปได้เพราะมีน้ำหนักมาก อีกทั้งข้างในไม่มีอะไรแต่มีร่องรอยของการเคลื่อนย้าย โดยภาพรูปดอกไม้ติดฝาผนังคนร้ายเอาไปด้วย 1 รูป นอกจากนี้คนร้ายได้ทิ้งกระเป๋าใส่กล้องสีดำคาดว่าเอาไว้ใส่เครื่องมือช่างเป็นอุปกรณ์ในการใช้งัดแงะพร้อมกับถุงยาเส้น
ส่วนบ้านปูน 2 ชั้นที่อยู่ด้านหลังอาคารพาณิชย์ก็ถูกคนร้ายรื้อเอาสายไฟฟ้าทั่วบ้านทั้งชั้นล่างกับชั้นบน ถอดปลั๊กเบรกเกอร์คัทเอาท์ไฟออกหมด ประตูหน้าต่างที่เป็นกระจกถูกถอดเอาอลูมิเนียมไป ฝ้าเพดานเสียหมด คอมแอร์ห้องนอนทั้ง 3 ห้องหายไป ส่วนรถยนต์ 2 คันที่จอดในโรงรถ โดยรถเบนซ์คนร้ายเอาแม่แรงมาขึ้นถอดเอาล้อรถไป 3 ล้อ พร้อมดับตราเบนซ์ด้านหน้ารถและด้านหลังรถ ส่วนรถเชฟโรเลตคนร้ายถอดเอาหม้อน้ำไป
นายอภิสิทธิ์ เล่าว่าพอตนมาเห็นสภาพบ้านและออฟฟิศถึงกับเข่าอ่อน จากสภาพดีสวยงามเละเหมือนโจ๊กเลย คงต้องหาเงินซ่อมแซมถึงประกาศขายทีหลัง โดยอาคารพาณิชย์เดิมเป็นบริษัทจัดหางานเขาประกาศขาย ตนจึงได้มาซื้อพร้อมกับบ้านที่อยู่ด้านหลังอาคารในราคา 11 ล้านบาท เมื่อปี 2560 หลังจากนั้นตนก็มาทำธุรกิจกับชายรับเหมาก่อสร้าง โดยใช้อาคารพาณิชย์เป็นสำนักงาน ตั้งแต่เกิดโรคโควิดระบาดก็ได้หยุดไป ตนจึงกลับไปอยู่ จ.หนองคาย โดยได้ประกาศขายอาคารพร้อมกับบ้านในตอนนั้น 15 ล้านบาท แต่ก็แวะเวียนมาดูบานกับอาคารอยู่ตลอด
ล่าสุดเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา ก็ยังเข้ามาดูสภาพยังดีไม่เป็นอะไร พอเพื่อนบ้านโทรมาบอกว่ามีโจรขึ้นบ้านจึงได้เดินทางมาดูถึงกับพูดอะไรไม่ออก ค่าเสียหายทั้งบ้านและอาคารที่จะซ่อมแซมมูลค่า 2 ล้านบาท อยากฝากถึงคนร้ายกฎหมายบ้านเมืองก็ยังมีอยู่ หากกฎหมายทำอะไรคนร้ายไม่ได้เวรกรรมก็มีอยู่จริง ส่วนตนก็มีความหวังกับตำรวจที่จะสามารถติดตตามจับกุมคนร้ายได้
ขณะที่เพื่อนบ้านเล่าว่า เห็นบ้านทนานยความผิดสังเกตตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน มีเสียงดังทุกวัน แต่เมื่อ 2-3 วัน เสียงดังมากกว่าเดิม ทั้งกลางทั้งกลางคืนจึงให้ลูกไปดู เห็นหน้างต่างเปิดออกคอมแอร์บ้านผู้เสียหายได้หายไป หลังจากตนทานข้าวเสร็จเดินออกมาหน้าบ้านเห็นสิ่งของนำมากองไว้หน้าบ้านผู้เสียหาย แล้วมีชาย 1 คน เอาถุงปุ๋ยมาแล้วขับรถจยย.ออกไป สักพักก็มีชาย 2 คนขับรถจยย.อีกคันออกไป โดยแบกสิ่งของลักษณะเหมือนท่อนอะไรสักอย่าง แต่มีผ้าห่อเอาไว้ พร้อมกับเอาผ้าม่านสีชมพูคลุมศีรษะไม่ให้เห็นใบหน้าทั้ง 2 คนตนเองจึงได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเอาไว้ ก่อนไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ให้โทรไปบอกเจ้าของบ้านมีโจรขึ้นบ้าน
เบื้องต้นตำรวจได้ถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐานบริเวณรอบบ้านที่เสียหาย พร้อมกับประสานตำรวจชุดสืบสวนให้มาตรวจสอบเส้นทางที่คนร้ายเข้ามาและหลบหนี เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Advertisement