เมื่อเวลา 12.05 น. วันที่ 16 มิ.ย. 68 ศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่านรับแจ้ง มีเหตุยิงกันที่ในบริเวณร้านแห่งหนึ่ง บนถนนเจ้าฟ้า ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองน่าน พร้อมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัยเร่งเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายน้ำปั่น ภายในร้านบริเวณโซฟาพบ น.ส.เบญญาญ์ อายุ 36 ปี ภูมิลำเนาอยู่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด และลำตัว 1 นัดนอนหายใจรวยริน เจ้าหน้าที่เร่งยื้อชีวิต และรีบนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่าน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนบริเวณหลังเคาท์เตอร์พบร่างนายสราวุธ อายุ 40 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.จันทบุรี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะ 1 นัด และลำตัวอีก 4 นัด นอนตายคว่ำหน้าจมกองเลือด
ส่วนคนก่อเหตุมีพยานเห็นว่า หลังก่อเหตุได้วิ่งหน้าไปทางสี่แยกพันต้นเป็นชายรูปร่างท้วม สวมเสื้อฮูดสีแดงผมโกรกสีทองวิ่งไปขึ้นรถเก๋งสีขาว จำเลขข้างหน้าได้เพียง 2 ตัวหน้าคือ 23 หมวดจังหวัดน่าน
เวลา 12.30 น. พล.ต.ต.ดเรศ กัลยา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมออกคำสั่งตั้งด่านสกัดทุกเส้นทางที่จะเดินทางออกจาก จ.น่าน จนเวลา 12.40 น. ได้รับแจ้งจากด่านตรวจห้วยน้ำอุ่น อ.เวียงสา เส้นทางที่จะมุ่งหน้าไป จ.แพร่ว่า พบรถคาดว่าเป็นรถคันก่อเหตุกำลัง สกัดจับเป็นรถเก๋ง ในระหว่างสกัด คนในรถได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด และรถคันดังกล่าวได้พุ่งชนรถคันข้างหน้า และขับต่อไปข้างหน้าจนไปชนแบริเออร์แบ่งช่องจราจร แล้วจอดนิ่งอยู่ห่างจากจุดสกัดประมาณ 400 เมตร จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ
พบร่างนายนิวัติ ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะ ส่วนอาวุธปืนตกอยู่ในรถ จากการตรวจสอบ พบว่าเป็นชายรายเดียวกับที่ก่อเหตุยิง 2 ศพในร้านว่า นายนิวัติหลังก่อเหตุได้พยายามขับรถหลบหนีมุ่งหน้า จ.แพร่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสกัดจับ จึงยิงตัวเองตายหนีความผิด
จากการสอบถามญาตินายสราวุธ ผู้ตายปฎิเสธการให้สัมภาษณ์ แต่ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุเป็นแฟนเก่าของ น.ส.เบญญาญ์ ได้เลิกลากัน แล้วน.ส.เบญญาญ์และนายสราวุธได้คบหากัน และได้จดทะเบียนสมรส ได้พากันย้ายมาเช่าบ้านและเปิดเป็นร้านขายน้ำปั่นอยู่ตรงนี้มากว่า 7 เดือน คาดว่าคนก่อเหตุคงตามมาจากการที่แอบส่องเฟซบุ๊กแล้วรู้พิกัดว่า คนตายมีคนใหม่ และเปิดร้านขายน้ำปั่นอยู่ตรงนี้ จึงนั่งรถทัวร์มา ก่อนไปเช่ารถที่สนามบินน่าน แล้วขับมาดูลาดเลา เพราะมีพยานเห็นรถคันนี้มาจอดข้างร้าน หน้าร้าน และขับวนอยู่หลายรอบ ก่อนที่จะก่อเหตุบุกเข้าไปยิง 2 สามีภรรยาแล้วหลบหนีไป
โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพ ขณะคนร้ายขับรถวนที่บริเวณหน้าร้านที่เกิดเหตุได้ในเวลา 11.47 น. หนึ่งครั้ง และเวลา 11.49 น.อีกหนึ่งครั้ง และเวลา 11.53 น. ได้ขับมาจอดบริเวณหน้าร้าน เหมือนมาจอดดูว่าคนตายอยู่ในร้านหรือไม่ ก่อนขับรถอ้อมไปจอดบริเวณข้างวัดพันต้น แล้วเดินเข้ามาก่อเหตุ
กล้องวงจรปิดมุมเดียวกัน จะเห็นพฤติกรรมคนร้ายเดินผ่านหน้าร้านไปแล้วกลับมาเข้าร้าน จากนั้นจะได้ยินเสียงปืน 2 นัด คาดว่ายิงผู้หญิงก่อน แล้วเสียงปืนดังอีก 5 นัด คาดว่ายิงผู้ชาย จากนั้นได้วิ่งออกมา เป็นจังหวัดเดียวกันกับรถพลเมืองดีจะมาส่งของ ได้เอาโทรศัพย์ขึ้นมาถ่ายเห็นคนร้ายวิ่งหนีไปทางแยกพันต้น
ด้าน พล.ต.ต.ดเรศ กัลยา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุยิงกันบริเวณหน้าร้านกาแฟ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตั้งจุดสกัดทางที่จะออกจาก จ.น่านทุกช่องทาง จนเราสืบทราบมาว่าคนร้ายได้ใช้รถเก๋งสีขาวขับมุ่งหน้ามาทาง อ.เวียงสา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดชุดไล่ติดตาม และสั่งการให้ด่านห้วยน้ำอุ่น ซึ่งมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษให้สกัดรถคันดังกล่าว
เมื่อรถคนร้ายมาถึงด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้โบกรถให้หยุด และให้เปิดกระจกคนร้ายได้เปิดกระจก พร้อมใช้อาวุธที่ก่อเหตุยิงเข้าขมับของตนเอง คาดว่าเกิดอาการเกร็งของร่างกาย เท้าเลยเหยียบคันเร่งพุ่งชนรถคันข้างหน้า และไหลไปตามท้องถนนและมาชนแท่งแบริเออร์ ก่อนจะสิ้นใจตาย ส่วนสาเหตุแรงจูงใจนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน
ด้าน พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ เมฆคะ ผกก.สืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดน่าน กล่าวว่า หลังจากที่ทางตำรวจสืบทราบได้ว่าคนร้ายขับรถหนีมาทาง อ.เวียงสา ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านสกัด เมื่อมาถึงด่านห้วยน้ำอุ่น คนร้ายจวนตัวได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองรถได้ไหลมาจอดตรงที่เราพบศพดังกล่าว
ด้านนายเท็น เจ้าของร้านสักติดร้านที่เกิดเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ทำความสะอาดหน้าร้าน ยังทักทายกันอยู่ จากนั้นได้เข้าไปอาบน้ำ สักพักได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด คิดว่ามีคนทะเลาะกันแล้วยิงกันแน่นอน จึงรีบออกจากห้องน้ำ ได้ยินเสียงปืนดังต่ออีก 5 นัด จากนั้นเห็นคนก่อเหตุใส่ชุดสีแดงวิ่งผ่านหน้าร้านไป จึงออกไปดูบริเวณที่เกิดเหตุ เห็นผู้หญิงหายใจโรยรินจึงรีบแจ้งกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ปกติคู่สามีภรรยาเป็นคนอัธยาศัยดี
Advertisement