วันที่ 26 พ.ค. 68 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีการยักยอกเงินวัดไร่ขิงว่า
ความคืบหน้าในคดีดังกล่าวจะชัดเจนขึ้นในหลายเรื่องในสัปดาห์นี้ และพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปปป. จะเข้าไปสอบปากคำนาย เอกพจน์ ภูฆัง หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ ภูฆัง พระคนสนิทของนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ในเรือนจำภายในสัปดาห์นี้ ในเรื่องขอพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนการเเจ้งข้อกล่าวหานายเอกพจน์ในข้อหายักยอกหรือไม่นั้น ตอบได้เพียงว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าตำรวจกำลังทำข้อเท็จจริงในส่วนนี้ให้เสร็จสิ้นอยู่
ส่วน 3 บัญชีที่พบว่า มีการโอนเงินไปให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ซึ่งแยกเป็นการโอนจากบัญชีของนายแย้มโดยตรง 1 บัญชี และผ่านคนกลางก่อนไปให้ น.ส.อรัญญาวรรณ อีก 2 บัญชี 1 ในนั้นคือจาก สามีของหมอเตย ที่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนนายแย้มยักยอกเงินวัด โดยสามีของหมอเตยอ้างว่า ตัวนายเเย้มเป็นคนถือบัญเอง และน.ส.อรัญญาวรรณ นำเงินที่ได้ไปเล่นพนันออนไลน์ หากได้กำไรก็จะแบ่งบางส่วนไว้ซื้อทรัพย์สินต่อ เช่น ที่ดิน บ้าน หรือ รถยนต์
ส่วนประเด็นที่ทิดแย้มไปยืมเงินเจ้าอาววาสวัดอื่นทั้งหมด 4 วัด ตอนนี้พนักงานสอบสวนได้เข้าไปสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และได้ทำรายงานการสอบสวนเรียบร้อยไปแล้ว
ทั้งนี้ภายหลังจากที่มีการเข้าจับกุมนายแย้ม และเปิดโปงผู้ร่วมขบวนการภายใน วัดไร่ขิง มีรายงานว่า 4 วัด ในละแวกใกล้เคียง ซึ่งมีเส้นทางการเงินไปถึงทิดแย้ม มีการเคลื่อนย้ายพยานหลักฐาน และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้ยืนยันว่า ชุด สืบสวนได้ลงพื้นที่ไปแล้ว แต่ถึงแม้จะเคลื่อนย้ายหรือทำลายหลักฐานก็ยังคง มีพยานหลักฐานอื่นๆที่สามารถนำมาใช้ได้
นอกจากนี้ยังทราบว่ามีไวยาวัจกร กรรมการวัด และพระ ที่นำเงินวัดไปซื้อที่ดินและทรัพย์สินต่างๆ โดยใช้ชื่อของตนเอง เริ่มทำการถ่ายโอนและเปลี่ยนชื่อเจ้าของกลับมาเป็นของวัดแล้ว แต่ยืนยันว่าถึงอย่างไรก็ถูกดำเนินคดีอยู่ดี เนื่องจากการกระทำความผิดสำเร็จแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเรื่องของเส้นทาง การเงินรวมถึงพยานหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจสอบไปแล้ว โยงไปถึงบุคคลตามข่าวชัดเจนแล้วหรือยัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจมีพยานหลักฐานว่าบุคคลดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวนการ แต่ตอนนี้ได้พยานหลักฐานที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าบุคคลดังกล่าวร่วมกระทำความผิด ถึงแม้จะเป็นพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อว่าสามารถเอาผิดได้ และถึงแม้ว่าทรัพย์สินจะมีการถูกถ่ายโอนไปแล้ว แต่เส้นทางการเงินที่มีการถือครองก็จะสามารถตรวจสอบ และเอาผิดได้เช่นเดียวกัน ส่วนตอนนี้บุคคลดังกล่าว ยืนยันว่ายังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา แต่ตำรวจกำลังติดตามตัวอยู่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้
นอกจากนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่า หญิงคนสนิทอดีตเจ้าอาวาส และสามีถือครองทรัพย์สิน ที่ดิน และรถยนต์หลายรายการ เช่นร้านกาแฟในพื้นที่ จ.สุโขทัย สวนเกษตร ที่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ที่ดิน ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น จ.เชียงใหม่ มีมูลค่ามากกว่า 40 ล้านบาท เป็นเส้นทางการครอบครองทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ ว่าได้มันจากการยักยอกทรัพย์ด้วยหรือไม่ และที่มาที่ไปอย่างไร หากอยู่ในคดีการยักยอกทรัพย์ ก็เข้าข่ายมูลฐานความผิดการฟอกเงิน ซึ่งจำเป็นจะต้องติดตามทรัพย์เพื่ออายัดทรัพย์สินหากมีการแจ้งข้อกล่าวหา
ส่วนประเด็นที่พบข้อมูลนายแย้มไปยืมเงินจากเจ้าอาวาส วัดในพื้นที่จ.นครปฐม ได้สั่งให้ชุดพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามขยายผล และตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มเติม
Advertisement