จากกรณี นายณัฐวัชต์ หรือเต้ อายุ 31 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่งและใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ตำรวจ ซึ่งขณะนี้กำลังเจรจาเพื่อที่จะให้นายเต้นั้นมอบตัว ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการเจรจา โดยได้นำครอบครัวนายเต้ มาร่วมเจราด้วย
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ นางสาวสมใจ นามสมมติ ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ก่อเหตุ
โดยนางสมใจ ได้ให้ข้อมูลกับ สื่อมวลชนระหว่างเดินทางที่จะไปรับลูกที่โรงเรียนกับตำรวจ ยอมรับว่า ตนเองและสามี มีปากเสียงทะเลาะกันได้ประมาณ 4 วัน ซึ่งตัวสามีก็ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะได้เสพยาเสพติด จึงเกิดอาการคลุ้มคลั่ง
ส่วนบริเวณโดยรอบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังปิดล้อมชุมชนชุมชนทั้งสองฝั่ง เนื่องจากในพื้นที่สามารถเข้า-ออก ได้หลายทาง โดยสามารถเข้าได้ทั้งทางเข้าวัดลครทำและซอยอิสรภาพ 44
โดยตำรวจได้นำโดรนบินขึ้นไปเหนือบ้านหลังเกิดเหตุ และได้ติดตั้งลำโพงไว้กับตัวโดรน พูดผ่านเครื่องขยายเสียงให้นายเต้ นั้นออกมาจากจุดเกิดเหตุและมอบตัวกับตำรวจแต่ยังไม่เป็นผล โดยบ้านหลังดังกล่าว ลักษณะเป็นครึ่งปูนครึ่งไม้สองชั้น ล้อมรอบด้วยบ้านเรือประชาชนติดกัน
ขณะเดียวกันพ่อของนายเต้ บอกว่าที่ผ่านมาลูกชายมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาโดยตลอด และเวลาที่เสพยาเสพติด ก็มักจะมีปัญหากับภรรยา จนทำให้ที่ผ่านมาทั้งคู่เกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันจนถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกาย แต่ก็ไม่เคยเกิดเหตุที่ถึงขั้นว่าเอาปืนออกมายิงกันแบบนี้
ลูกชายของตนได้ออกจากบ้านมาอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุตั้งแต่อายุ 12 ปี จึงให้ตนเองเริ่มห่างเหินกับลูกชาย จนนำไปสู่การตัดขาดการติดต่อกันตั้งแต่ตอนนั้นมา เนื่องจากตนเองรู้มาอยู่แล้วว่าลูกชายมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาตั้งแต่ตอนนั้น และบ้านหลังที่ลูกชายมาอาศัยอยู่ก็มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยกันทั้งบ้าน
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเบื้องต้นตนเองทราบว่าลูกชายได้ทะเลาะมีปากเสียงกับภรรยาอีกครั้ง สาเหตุมาจากการที่ลูกชายเสพยาเสพติดแล้วเกิดอาการหลอนคิดว่าภรรยามีชายอื่น จึงทำให้เป็นต้นเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกันพ่อของนายเต้ ยังบอกอีกว่า ถ้าหากการเข้าระงับเหตุในครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตัวของลูกชายได้มีการยิงปืนออกมาต่อสู้ แล้วสุดท้ายจบด้วยการที่ลูกชายถูกตำรวจวิสามัญ ตนเองก็จะไม่ติดใจเอาเรื่องอะไรทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสายเลือดเดียวกัน แต่ถ้าหากทำผิดก็ต้องว่าไปตามกฏหมาย ไม่เข้าข้างใคร
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้สอบถามต่ออีกว่าเพราะเหตุใด พ่อไม่ติดใจเอาความอะไร ทั้งๆที่เป็นลูกชายแท้ๆ โดยคำถามนี้พ่อของผู้ก่อเหตุ ก็ตอบสั้นสั้นเพียงว่า “ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาเป็นลูกผมหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มันมีเหตุการณ์เยอะแยะมากมายภายในครอบครัวเกิดขึ้น”
Advertisement