จากกรณีเจ้าของ ร้านอาหารชอบเจริญ อยุธยา นำคลิปเสียงโพสต์ลงโซเชียลที่คุยโทรศัพท์โดยปลายสายอ้างตัวเป็นสารวัตร ซึ่งมีการพูดคุยในลักษณะโทรมาเจรจาขอเก็บเดือนละ 1,000 บาททุกเดือน เพื่อแลกกับการที่ไม่ให้เจ้าหน้าที่มาตรวจรบกวน โดยในคลิปมีการพูดถึงท่านผู้การจังหวัดอยุธยา มีพวกนักบินที่เป็นหน่วยของผู้การนู่นนี่นั่น ต้องดูแลหน่วยเฉพาะกิจ นปพ. หน่วยเฉพาะผู้การตำรวจท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา ซึ่งใช้เวลาคุยกันซักพัก ทางชายที่อ้างตัวเป็นสารวัตรก็ให้ข้อเสนอค่าตู้แดง 500 บาท และของสารวัตร 1,000 บาท ซึ่งปลายสายที่เป็นผู้จัดการร้านจึงแจ้งว่าเดี๋ยวขอคุยกับเพื่อนก่อนเพราะต้องใช้เงินร้าน
โดยวานนี้ (5 พ.ค. 2568) เวลา 20.30 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ร้านชอบเจริญ อยุธยา ซึ่งเปิดเป็น ร้านยำขายทุกอย่าง 79 บาท มีดนตรีโฟร์คเดี่ยว ตั้งอยู่ซอยหมู่บ้านช้างอโยธยา ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้พบกับหุ้นส่วนและผู้จัดการร้าน เล่าว่า ตนเองกับเพื่อนได้มาเปิดร้านอาหารตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2567 ร้านเปิด 17.00 - 24.00 น. เป็นร้านยำขาย 79 บาท มีโฟร์คเดี่ยวเล่นถึง 21.30 น. ใช้เสียงถึง 23.00 น. และมีการขออนุญาติถูกต้องมีใบอนุญาติจำหน่ายสุรา
กระทั่งช่วงกลางเดือนมกราคมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจที่ร้านขอดูใบอนุญาตในการค้าขาย ซึ่งตนเองก็ให้ดูตามปกติก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่ง วันที่ 1 ก.พ. 2568 ได้มีชายดังกล่าวซึ่งอ้างตัวเป็นสารวัตรโทรเข้ามา จากนั้นก็พูดคุยถึงเรื่องการเปิดร้านและเรียกขอเก็บเงินในราคา 1,000 บาท ซึ่งตนเองก็มีการพูดคุยต่อรองว่ามีคนร้องเรียนหรือมีอะไรจะให้หนูทำยังไง ซึ่งทางชายดังกล่าวที่อ้างตัวเป็นสารวัตรก็อธิบายตามคลิป โดยให้เหตุผลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาลงนั้นเป็นชุดลูกน้องของตนเอง ซึ่งส่งให้มาลงตรวจจากนั้นก็อธิบายว่า หากมีการจ่ายก็จะหลีกเลี่ยงหากมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งตนเองพยายามพูดคุยและปรึกษากับเพื่อนจึงให้อัดคลิปและบันทึกเสียงไว้
ตนเองมองว่า ร้านของตนเองเป็นร้านอาหารทั่วไปไม่จำเป็นต้องจ่ายเพราะมีการอนุญาตค้าขายปกติ จนกระทั่งตนเองและเพื่อนไม่ยินยอมจ่ายเงินให้กับชายที่อ้างตัวเป็นสารวัตรก็มักจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐตำรวจหน่วยงานของรัฐเข้ามาตรวจที่ร้านของตนเองบ่อยๆ ซึ่งมองว่าเป็นลักษณะของการถูกกลั่นแกล้ง เพราะตนเองไม่ยอมจ่ายซึ่งการที่เจ้าหน้าที่พากันมาตรวจที่ร้านของตนเองนั้นไม่ธรรมดา พากันมามากกว่า 20 คน มีทั้งรถตู้รถกะบะรวม 5 คัน และเมื่อมาลงตรวจในร้านก็นำไฟฉายมาส่องลูกค้า มาขอดูบัตรประชาชนของลูกค้าซึ่งเองมองว่าไม่สมควร และไม่เหมาะสม เนื่องจากร้านเป็นแค่ร้านอาหารธรรมดาไม่ใช่ผับ-บาร์ที่จะต้องมาตรวจบัตรประชาชน
ด้าน นายพุฒิพงษ์ อายุ 33 ปี เจ้าของร้านเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งตนเองได้มีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันและก็มีการตรวจสอบ และยืนยันว่าบุคคลในคลิปเสียงนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ซึ่งท่านผู้กำกับสภ.พระนครศรีอยุธยา ก็ทราบเรื่องแล้ว ท่านก็ให้ข้อมูลว่า มีคำสั่งด่วนตั้งกรรมการสอบตำรวจท่านนี้แล้ว แต่หลังจากที่ตนเองได้ไปร้องเรียนก็มีความรู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้ง เนื่องจากมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ 20 - 30 นาย มาลงตรวจที่ร้าน โดยให้เหตุผลว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ ซึ่งตนเองมองว่าการประชาสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องนำกำลังมามากมายขนาดนี้และก็มาขอตรวจสอบบัตรประชาชนของลูกค้าในร้าน ทำให้ลูกค้าของแตกตื่นและตกใจและไม่กล้ามานั่งที่ร้านอาหารอีก ซึ่งทำให้ช่วงนี้ร้านของตนเองลูกค้าหดหายไป เนื่องจากมีเจ้าที่หน้าที่มาลงตรวจบ่อย ทำให้เป็นการริดรอนสิทธิลูกค้าจนไม่มีใครอยากมานั่ง
เหตุการณ์ดังกล่าวที่ตนเองนำลงไปโพสต์ลงโซเชียล ก็แค่อยากจะถามว่าทำแบบนี้ได้หรอ ร้านตนเองไม่ได้ทำผิดอะไร แต่พอไม่ยอมจ่ายก็นำกำลังมาตรวจค้นร้านแบบนี้หรอ
ล่าสุด พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เผยหลังจากทราบเรื่อง เนื่องจากมีเจ้าของ ร้านอาหารชอบเจริญ อยุธยา ผู้เสียหายได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2668 จึงได้ลงนามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 3 พ.ค. 2568 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยันหากกระทำผิดจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของขบวนการกฎหมาย
Advertisement