ความคืบหน้าคดีอดีตผู้ใหญ่บ้านยิงญาติเสียชีวิต 2 ศพ ปมทำเจาะกำแพงบ้านนั้น เมื่อช่วงสายวันนี้ (5 พ.ค. 2568) ที่ สภ.สำโรงใต้ ลูกชายของผู้เสียชีวิต ญาติพี่น้องในครอบครัวประมาณ 10 คน ได้เดินทางมายัง สภ.สำโรงใต้ เพื่อรอพบกับ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง และเตรียมมอบหลักฐานคลิปวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้ได้ให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้
หลังจากที่ "กัน จอมพลัง" เดินทางมาถึง สภ.สำโรงใต้ ได้มีการพูดคุยกับทางครอบครัวประมาณ 2-3 นาที และให้คำยืนยันกับครอบครัวว่าจะหาทางออกให้ดีที่สุดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะพาครอบครัวของผู้เสียชีวิตเข้าไปพูดคุยกับทาง ผู้กำกับ สภ.สำโรงใต้ และหัวหน้าชุดสืบสวนภายในห้องประชุมและห้องสืบสวน สภ.สำโรงใต้
หลังพูดคุยเสร็จสิ้น กัน จอมพลัง ออกมาเผยกับสื่อว่า วันนี้มาติดตามคืบหน้าคดีให้ ตนสอบถามทางผู้กำกับเผยคืบหน้าคดีว่า ทำไปเยอะแล้ว ให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บหลักฐาน เมื่อวานตำรวจ สภ.สำโรงใต้ ประสานให้ทางหลวงและ สภ.แสนสุข ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ก่อนนำตัวกลับมาตรวจเขม่าดินปืน ทำงานอย่างละเอียดมาก วันนี้รอสอบปากคำผู้ก่อเหตุ แต่ฝั่งลูกชายของคนตายสอบไปแล้ว ซึ่งลูกชายคนตายให้การว่าผู้ก่อเหตุมีการเล็งปืนมาที่น้องจะยิงใส่น้องด้วย
ในส่วนของสาเหตุเป็นเพราะเรื่องกำแพงที่กำลังต่อเติม ลูกชายปรึกษาช่างว่าจะทำอย่างไร ช่างบอกลองเจาะกำแพงไหม แต่ยังไม่ได้เจาะกำแพง จากนั้นผู้ตายมีปากเสียงกับผู้ก่อเหตุจนหัวร้อนเอาปืนมารัวกว่า 10 นัด จนพ่อแม่ของน้องเสียชีวิต
ส่วนที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินมรดก ตนมองว่าเรื่องนี้ควรจบได้แล้ว ไม่ใช่อะไรไม่ถูกใจก็ไปเอาชีวิตคนอื่น ไม่มีสิ่งของใดสำคัญเท่าชีวิตคนคนหนึ่ง กำแพงไม่ได้สำคัญไปมากกว่าชีวิตคน ก่อเหตุไปมีแต่เสียกับเสีย
ส่วนข้อหาเบื้องต้น ตำรวจแจ้ง "พยายามฆ่า" อาจตั้งข้อหา "พกพาอาวุธปืน" เพิ่ม โดยจะดูที่พยานหลักฐานเป็นหลัก
ขณะที่ช่วงบ่าย กัน จอมพลัง จะไปที่บ้านของผู้เสียชีวิต เบื้องต้นย่าที่เป็นแม่ของผู้ตายยังไม่ทราบเรื่องที่ลูกชายตาย เดี๋ยวหลังจากนี้ พม. จะลงพื้นที่ไปด้วย กังวลกลัวคุณย่าทำใจไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฝั่งคู่กรณียังไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับน้องเลย ซึ่งน้องพร้อมคุย คุยได้ เพราะอยากจบปัญหา ไม่อยากให้เกิดซ้ำอีก หากฝั่งคู่กรณีฟังอยู่นี่คือเป็นโอกาสที่ดี ที่จะคุยจะเคลียร์ให้จบ
ด้านลูกชายของผู้เสียชีวิต เผยว่า ตนต้องการให้พี่กันเข้ามาช่วยเพราะไม่รู้จะไปปรึกษาใคร หลังจากนี้คงจะอยู่บ้านหลังเดิมต่อไป เพราะพ่อแม่สร้างมาให้อยู่ ตนกังวลว่าหลังจากนี้จะเกิดปัญหาซ้ำอีก หากเป็นเช่นนั้นตนคงจะพาย่าไปอยู่ที่อื่น ส่วนต้นสายปลายเหตุนั้นตนไม่ทราบ ทราบเพียงว่าทะเลาะกันมานานเป็นสิบปีแล้ว หลักๆคือสองฝั่งนั้นด่ากันไปมา ยอมรับว่าอยากให้ปัญหาจบ มันคาราคาซังมานาน ไม่อยากให้สูญเสียอีก ส่วนทางคดีให้พี่กันคุยเพิ่มเติม
พี่ชายนางสุรินทร์ ผู้ตายเล่าให้ทีมข่าวฟังทั้งน้ำตาว่า สามีภรรยาเพิ่งมาถึงบ้านหลังเกิดเหตุได้แค่หนึ่งคืน ก็เกิดเรื่องขึ้น ทั้งที่จริงๆ แล้วตั้งใจมาทำรั้วกั้นไม่ให้เห็นฝั่งบ้านคนก่อเหตุ โดยทางครอบครัวแค่เรียกช่างมาคุยว่าจะมีการเจาะ คือ แค่คิดกันว่าจะเจาะ แต่ยังไม่ได้เจาะอะไรทั้งนั้น ซึ่งที่ทำรั้วเพราะจะพาย่าไฝกลับมาอยู่ที่บ้านที่เกิดเหตุหลังดังกล่าว ไม่ต้องการให้มีเรื่อง อยากให้จบปัญหาไป
ส่วนที่ทั้งสองฝ่ายมีเรื่องทะเลาะกันคงไม่ทราบเรื่อง เท่าที่รู้ก็ทราบแค่ว่าสองฝ่ายทะเลาะด่าทอกันไปมา นานแล้ว ส่วนนายอำนาจ และนางสุรินทร์เองไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นและไม่เคยด่าทอใดๆ ขณะที่ 2 สามีภรรยาที่เสียชีวิตไม่ได้มาอยู่บ้านหลังนี้ เพราะไปทำงานที่ชลบุรีมาเป็น 10 ปีแล้ว
ทางครอบครัวต้องดูแลคุณย่าที่ได้รับบาดเจ็บจากการหูฝาด นายมานิต ผู้ก่อเหตุบุกเข้าไปจึงได้รับบาดเจ็บ และยังเป็นคดีค้างเก่ากันอยู่เลย ซึ่งเป็นคดีระหว่าง นายมานิตย์ กับผู้เป็นแม่ของนายอำนาจ คนตาย
นอกจากนี้ ทางครอบครัวคนตายขอฝากแก้ข่าวเรื่องที่มีคลิปที่นางไฝด่าทอฝั่งบ้านคนก่อเหตุ ยืนยันว่าไม่จริง เพราะนางไฝไม่ได้พักในบ้านดังกล่าวมานานแล้ว ไม่ทราบว่าทางฝั่งคนก่อเหตุไปเอาคลิปจากไหน อยากขอความเป็นธรรมให้ครอบครัวตนด้วย เพราะสูญเสียนายอำนาจ และนางสุรินทร์ เสาหลักของ 2 ครอบครัว และลูกคนตายทั้งสอง มี 1 คน ยังอยู่ในวัยกำลังเรียน แต่น่าเศร้าที่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไป
ด้านคดี พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ พัชรนิตยธรรม ผกก.สภ.สำโรงใต้ เปิดเผยว่า นายมานิตย์ ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพ แต่ไม่ขอทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เบื้องต้นทางตำรวจแจ้ง 3 ข้อหา ประกอบด้วย ฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่า และพรบ.อาวุธปืน ส่วนการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน มีทั้งพยานในที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมตำรวจจะพยายามรวบรวมให้สำนวนสมบูรณ์มากที่สุด ยืนยันตำรวจให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
ส่วนปมเหตุที่ก่อเหตุนั้น ทางผู้ก่อเหตุอ้างว่ามีปัญหาโกรธเคืองกัน และมีปมเหตุสะสมกันมานาน โดยหลังจากที่มีการนำตัวมาส่งพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงใต้ แล้วทางตำรวจได้พยายามซักถามถึงปมเหตุและมีการพูดให้คลายความกังวล โดยทราบในเบื้องต้นว่า ทางผู้ต้องหาชราภาพแล้ว มีอาการป่วยโรคความดัน หัวใจ และเบาหวาน ส่วนตัวผู้ก่อเหตุสำนึกผิด หลังก่อเหตุจริงๆ แล้วอยากมอบตัวที่ สภ.สำโรงใต้ แต่ด้วยความตกใจจึงหนีเตลิดมาถึงบางแสน ก่อนถูกตำรวจรวบตัวได้
อย่างไรก็ดีเนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนที่มีประเด็นที่ผู้ก่อเหตุพูดกับครอบครัวว่าจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเองนั้น ทางตำรวจสั่งกำชับดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด เบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหายังมีอาการกังวลเล็กน้อย แต่เริ่มทำใจได้
Advertisement