วันที่ 1 พ.ค. 68 จากกรณีที่รถกระบะแต่งซิ่ง เมาแล้วขับเสียหลักพุ่งชนร้านสเต๊ก บริเวณปากซอยเอกชัย 119 โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 57 ส่งผลให้คุณพ่อเสียชีวิต ส่วน น้องการ์ตูน ลูกสาวบาดเจ็บสาหัส ปัจจุบันเป็นผู้ป่วยติดเตียง โดยมีแม่ดูแลอย่างใกล้ชิด
เมื่อปี 67 ครบรอบ 10 ปีของคดีความ คุณแม่ของน้องการ์ตูน ประกาศ “ขอไม่สู้คดีแล้ว” โดยคู่กรณีติดคุกแค่ปีเดียว และยังไม่มีการจ่ายชดเชยให้สักบาทเดียว
ต่อมา เฟซบุ๊กเพจ “ร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother's Grill Steak House ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ” ของ คุณแม่น้องการ์ตูน โพสต์ข้อความว่า “ตอนนี้คุณแม่ของ"น้องการ์ตูน" กำลังลำบากหนัก ต้องหาเงินจ่ายค่ารักษาน้องภายในวันนี้ จำนวน 300,000 บาท แอดมินไม่รู้จะหันไปทางไหนแล้ว เลยขอพึ่งพาน้ำใจจากพี่ๆ ท่านใด ที่พอจะมีกำลังช่วย "ให้ยืมเงิน" เพื่อจ่ายค่ารักษาน้องก่อน แล้วให้คุณแม่ทยอยผ่อนคืนทีหลังได้ไหมครับ หากพี่ๆ คนไหนพอช่วยได้ รบกวน ทักแชทเพจมาหาแอดมินหน่อยนะครับ #ร้านสเต๊กแม่การ์ตูน #หาค่ารักษา”
จนต่อมากลายเป็นกระแสดรามาในโลกออนไลน์ เมื่อชาวเน็ตถามว่าก่อนหน้านี้ คุณแม่น้องการ์ตูน ก็เคยขอเปิดรับบริจาคไปแล้ว
ล่าสุดเฟซบุ๊กเพจดังกล่าว โพสต์ข้อความว่า “แอดขออนุญาตแจ้งเรื่องสำคัญ ที่พยายามหลีกเลี่ยงจะพูด แต่สุดท้ายก็จำเป็นต้องพูด เพื่อให้พี่ๆ ทุกท่านเข้าใจครับ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกกำลังใจ และการสนับสนุนจากพี่ๆ คือพลังสำคัญสำหรับ "น้องการ์ตูน" และคุณแม่ของน้องอย่างที่สุด แต่วันนี้แอดขอแจ้งให้ทราบว่า กำลังใจเหล่านั้นคือ “ครั้งสุดท้าย” ที่จะส่งถึงน้องครับ”
“หลังจากการตัดสินใจครั้งใหญ่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ครอบครัวและคุณแม่ของน้องได้ตัดสินใจ "ปล่อยน้องไปอย่างสงบ" เงินทุกบาททุกสตางค์จากพี่ๆ ได้ถูกนำไปใช้ เพื่อค่ารักษา ส่วนที่ยังคงค้างอยู่ เพื่อให้น้องได้ออกจากโรงพยาบาลเป็นครั้งสุดท้าย แอดไม่อาจอธิบายความรู้สึกนี้ออกมาได้ทั้งหมด เพราะมันเกินจะบรรยายจริงๆ สุดท้ายนี้ขอฝากถึงทุกคนก่อนจะพิมพ์อะไรออกไป อยากให้คิดสักนิด เพราะคอมเมนต์บางคำ แม้จะดูเหมือนไม่มีอะไรสำหรับคุณ แต่มันอาจทำร้ายหัวใจของแม่คนหนึ่ง ที่พยายามประคองชีวิตอยู่ เพื่อรอลากับลูกเป็นครั้งสุดท้าย และต้องทนทุกข์กับคำพูดที่เธอไม่สมควรได้รับ จนคิดจะจบชีวิตตามลูกไป”
“ปล.แอดไม่ได้โทษใครครับ แค่อยากขอให้ทุกคนเข้าใจ และใช้ใจในการมองกันให้มากขึ้น #ร้านสเต๊กแม่น้องการ์ตูน #ครั้งสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน #ต้องจากลากัน #งดดรามา”
ขณะที่ เฟซบุ๊กเพจ “Drama-addict” โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า “มีประเด็นดรามาเรื่องของที่ แอดมินเพจแม่น้องการ์ตูน โพสต์ขอรับบริจาคเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล”
ขออธิบายประเด็นต่างๆดังต่อไปนี้
1. น้องการ์ตูนเป็นผู้ป่วยติดเตียงตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ ร่างกายน้องยังเจริญเติบโตทำให้เกิดปัญหากระดูกสันหลังคดตามมา ซึ่งปัญหานี้ส่งผลต่อปอด และการหายใจของน้องด้วย ก่อนหน้านี้น้องเคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ และไปแอดมิดที่วอร์ดรวม ในเวลาต่อมาน้องเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวมรุนแรง จนปอดใช้งานได้เหลือข้างเดียว หลังจากนั้นคุณแม่จึงย้ายไปรักษาที่โรงบาลเอกชน และเข้ารักษาที่นั่นเป็นประจำเพราะเป็นคนไข้ที่หมอรู้เคสน้องอยู่แล้ว
2. มีคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงเข้าโรงพยาบาลเอกชน ไม่เข้าโรงพยาบาลรัฐ ทั้งที่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายเหตุผลตามที่อธิบายไปข้อแรก
3. มีคนตั้งข้อสงสัยว่าคุณแม่ เคยเปิดรับบริจาคไปเมื่อเจ็ดปีก่อนได้เงินไปก้อนนึงทำไมยังต้องรับบริจาคอีก อธิบายว่าค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยติดเตียงสูงมากเดือนนึงก็เยอะอยู่ นี่ผ่านมาเจ็ดปีแล้วคุณแม่ก็ใช้เงินบริจาคตอนนั้นไปเยอะแล้ว และคุณแม่เขาไม่ได้งอมืองอเท้าเค้าทำมาหากินหาเงินมาดูแลน้องการ์ตูนมาโดยตลอด จ่าช่วย promote สินค้าช่วยขายของให้คุณแม่เค้ามาเรื่อยเรื่อย รู้ดีว่าเค้าทำมาหากินจริงๆ เงินที่ได้มาทุกบาทคุณแม่เอาไปดูแลน้องการ์ตูนหมดไม่เคยเอาไปใช้ จ่ายสุรุ่ยสุร่ายอะไรเลย
4. ตอนนี้อาการของน้องการ์ตูนหนักมาก คุณหมอคุยกับทางครอบครัวบอกว่าอาการของน้องไม่ไหวแล้ว เหลือแค่ถอดเครื่องช่วยหายใจ ทางครอบครัวตัดสินใจจะถอดเครื่องช่วยหายใจอีกไม่กี่วันแล้ว รอให้ญาติๆ มาดูใจเป็นครั้งสุดท้าย ทางแอดมินของเพจแม่น้องการ์ตูนเขาอยากช่วยเหลือจึงโพสต์ขอรับบริจาคมาช่วยแม่เขา ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนที่เขาขอรับบริจาคตรงนี้จะจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาล เพื่อนำน้องออกมาประกอบพิธีทางศาสนาต่อไปในอีกไม่กี่วัน
5. เข้าใจว่าหลายคนเวลาเห็นชื่อขอรับบริจาคแบบนี้ตั้งข้อสงสัยเป็นเรื่องปกติ แต่เคสนี้ ขอรับประกันว่าคุณแม่น้องการ์ตูนเป็นคุณแม่ที่ดีมาก และดูแลน้องเขามาตลอด 10 ปี ทำในสิ่งที่คนเป็นแม่คนหนึ่งควรทำ ให้กับลูกของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้ว หากไม่อยากช่วยครอบครัว ของคุณแม่เค้าก็ไม่เป็นไร นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
6. หากมีประเด็นอะไรสงสัยไม่พอใจมาบอกหรือมาต่อว่าจ่าไม่ต้องไปว่าแม่น้องการ์ตูนเขา อย่าให้เขามารับรู้ดรามาในเน็ตตรงนี้ให้เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายกับน้องการ์ตูนให้เต็มที่
7. จริงๆ คนที่ควรถูกตำหนิควรจะเป็นคนที่ทำกับครอบครัวเขาจนเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ไปว่าแม่น้องการ์ตูนที่เขาพยายามทำทุกอย่าง เพื่อลูกของตัวเองอย่างสุดกำลังมาเป็น 10 ปี
Advertisement