วันที่ 23 เม.ย. 68 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พานายณรัฐนันทน์ วิภากรวิทย์ อายุ 51 ปี อดีตข้าราชการในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ในฐานะพยาน นำหลักฐานเอกสารการประชุมในการก่อสร้างตึก สตง. แห่งใหม่ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ใช้พิจารณาดำเนินคดี
นายปานเทพ เปิดเผยว่า การพิจารณาคดีนี้ที่ดีเอสไอ เป็นผู้รับผิดชอบต้องแยกเป็นหลายส่วน ซึ่งจะเห็นได้ว่าการดำเนินการออกหมายจับ มีเพียงส่วนเดียว คือเรื่องของนอมินี แต่ยังมีส่วนอื่นๆที่จะต้องนำมาพิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งวันนี้ตนเองได้นำพยานและหลักฐานการประชุม เป็นทั้งเอกสารและคลิปวิดีโอและคลิปเสียงการสนทนา มามอบให้กับพนักงานสอบสวน โดยหลักฐานมีจำนวนมากที่ได้รวบรวมมาตั้งแต่ปี 2563 - จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้มาจากพยานที่เป็นอดีตข้าราชการของสตง. และบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ตนเองตั้งข้อสงสัยในการก่อสร้างอาคารสตง. 3 ส่วน ส่วนที่ 1 การเปลี่ยนแปลงโครงการจากเดิมได้พื้นที่ใน จ.ปทุมธานี เปลี่ยนมาเช่าพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย เขตจตุจักร ทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการออกแบบอาคารใหม่ และทำให้เกิดปัญหาตั้งแต่การออกแบบ จึงตั้งข้อสงสัยว่าการออกแบบอาคารน่าจะมีปัญหาตั้งแต่ต้น จึงจำเป็นต้องหาผู้ที่รับผิดชอบ ว่าเป็นไปด้วยความโปร่งใสหรือไม่ ส่วนที่ 2 กระบวนการตั้งแต่การคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน และการก่อสร้าง และส่วนที่ 3 ระหว่างการก่อสร้างมีการแก้ไขแบบหลายครั้ง โดยพบว่ามีวิศวกรอ้างตัวว่าถูกปลอมแปลงลายเซ็นในบริษัทควบคุมงาน ซึ่งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสตง. ด้วย
อีกทั้งหลังจากการออกแบบเสร็จสิ้น มีการตั้งข้อสงสัยในเรื่องการตั้งงบประมาณหลายรายการพบว่าเกินกว่าราคาในท้องตลาดด้วย ขบวนการนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายส่วน มองว่าไม่ควรโยนความผิดให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบ
ด้าน นายณรัฐนันทน์ เปิดเผยว่า ตนเองทำงานที่สตง.มา 18 ปี เคยใกล้ชิดและเคยทำงานรับใช้ให้กับผู้บริหารสตง. จึงรู้ถึงพฤติกรรมที่ส่อไปในทางที่ทุจริตในการก่อสร้างตึก สตง. แต่ในส่วนของพยานหลักฐานนั้น ตนเองได้มอบให้กับทางนายปานเทพและพนักงานสอบสวนของดีเอสไอไปแล้ว ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของหลักฐานที่นำมาได้ แต่สามารถพูดได้บางส่วน โดยขณะที่ตนเองทำงานได้ถูกใช้งานหลายอย่างที่อาจจะเป็นเรื่องไม่สุจริตโปร่งใส แต่ในเรื่องของเงินไม่ทราบ ตนเองได้รับข้อเท็จจริงเพียงแค่เรื่องของกระบวนการตั้งแต่การคัดเลือกผู้ออกแบบ การคัดเลือกผู้รับจ้าง และการก่อสร้าง โดยกระบวนการคัดเลือกมีเบื้องลึกเบื้องหลังหรือไม่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มาเปิดเผยแบบนี้คือจะบอกว่ามีการรู้เห็นกันตั้งแต่ในการสร้างสตง.หรือไม่ นายณรัฐนันทน์ ระบุว่า ข้อมูลที่ตนเองมีแบบนี้ และเชื่อว่ามันเกิดกระบวนการอย่างนี้จริงๆ พร้อมบอกว่าตนเองอยู่ในหลายเหตุการณ์ได้ล่วงรู้และได้ฟังด้วยตนเอง สำหรับเหตุการณ์การทุจริตหรือความไม่เป็นธรรม โดยหลักฐานที่ตนเองมียังมีในส่วนเรื่องอื่นๆอีกด้วย แต่วันนี้มาแค่เรื่องสตง. เป็นหลัก แต่ถ้าเรื่องอื่นหากดีเอสไออยากได้ ตนก็พร้อมนำมาให้เพื่อให้เกิดประโยชน์
ตนก็อยากให้ข้าราชการ สตง.พี่น้องของตนที่ทราบเรื่องแล้ว อยากบอกว่าในสตง. เรายังมีคนดีๆคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วม มีข้าราชการที่ดีให้ช่วยกันออกมาเยอะๆ มาเผยแพร่ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ท่านทราบ เช่น เรื่องราคากลางทำไมมันถึงแพงเกิดอะไรขึ้น เพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร
โดยตนเองนั้นพบความผิดปกติตั้งแต่ปี 2563 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ที่เพิ่งออกมาเปิดเผยในวันนี้นั้นด้วยความเป็นข้าราชการ ในระบบราชการมีผู้บังคับบัญชา จึงเป็นห่วงความปลอดภัยตัวเอง ความก้าวหน้าทางอาชีพราชการ แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มีคนเสียชีวิต คนเหล่านั้นควรได้รับความยุติธรรม ผู้บริหาร หรือว่าใครก็แล้วแต่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรจะต้องมีส่วนรับผิดชอบ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยรายงานเรื่องที่ตนเองพบความผิดปกติให้ผู้บริหารทราบ เนื่องจากตนเองเป็นเพียงแค่ราชการผู้น้อย เพราะเชื่อว่าผู้บริหารท่านทราบอยู่แล้วว่าท่านทำอะไรกันไว้ ซึ่งมันอยู่ในอำนาจท่าน แต่วันนี้เห็นว่ามีผู้เสียชีวิต จึงอยากให้เรื่องเหล่านี้ถูกตีแผ่ และไม่อยากให้ซุกอยู่ใต้พรม
นายณรัฐนันทน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มีผู้บริหารที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) 1 คน ซึ่งบุคคลดังกล่าวตนเองได้รับใช้ใกล้ชิด อีกทั้งแบบสัญญาจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง เมื่อถามว่า 10 คนรวมผู้บริหารชุดเก่าหรือไม่ นายณรัฐนันทน์ ระบุว่า พบสัญญาจ้างผู้ควบคุมงานที่ สตง.เป็นผู้ว่าจ้างลงนามโดยอดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และในปัจจุบันผู้บริหารบางคนก็ยังคงมีอำนาจอยู่
ตนเองออกจากการเป็นข้าราชการของ สตง. เมื่อเดือนกันยายน 2567 โดยสาเหตุเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ แต่ในมุมมองของตนเองนั้นโดนกลั่นแกล้งด้วยอาจรู้ความลับมากเกินไป แต่ว่าตอนนี้รายละเอียดอยู่ในสำนวนคดีการอุทธรณ์แล้ว จึงไม่อยากนำเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนรวม
ยอมรับว่ากังวลในเรื่องความปลอดภัย แต่คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ควรจะพูด และหากตึกไม่ถล่ม ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในองค์กรสตง. ตนเองไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว และเชื่อมั่นว่า สังคมจะเป็นกำลังใจ และดูแลความปลอดภัยตนเองได้ในระดับหนึ่ง
ขณะที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม บอกว่า หลังจากก่อนหน้านี้ได้เคยมายื่นเรื่องและให้ข้อมูลไว้ทางดีเอสไอ จึงได้เชิญมาให้ปากคำในวันนี้ ซึ่งส่วนตัวได้เตรียมเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการฮั้วประมูล มาตรฐานผลิตภัณฑ์ ทั้งเหล็ก และคอนกรีต รวมถึงคดีความประมาทของวิศวกรผู้ควบคุมงาน ผู้ออกแบบ และวิศวกรผู้ควบคุมโครงสร้าง ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์อาคารถล่ม ตลอดจนข้อมูลการทุจริตของข้าราชการ สตง. และผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำกับทางดีเอสไอ โดยข้อมูลทั้งหมดจะมารวมกับข้อมูลของพยานปากสำคัญที่เป็นอดีตข้าราชการ สตง. ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์การทุจริตของหน้าห้องประธาน คตง. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลของบริษัทที่ปรึกษา เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติที่จะมาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้างอาคาร สตง. แห่งใหม่ได้
Advertisement