ชาวบ้านแฉเหตุซ้ำซาก ม.ต้นเปิดศึกกลางวัดไม่สนพระ ตีกันแขนงอผิดรูป โชว์บิดรถดังสนั่น
กรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปวิดีโอขณะที่นักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวนกว่า 10 คน ซึ่งยังสวมใส่เครื่องแบบนักเรียน ยกพวกตะลุมบอนกันภายในวัดป่าเรไร ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ทั้งยังมีการเบิ้ลเครื่องรถจักรยานยนต์เสียงดังสนั่นแบบไม่เกรงใจพระสงฆ์ที่อยู่ภายในวัด ชาวเน็ตจึงเข้าไปแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ส่วนมากตำหนิพฤติกรรมที่แสดงออกไม่เหมาะสม เพราะนอกจากจะเป็นนักเรียนแล้ว ยังก่อเหตุภายในวัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดวันที่ 23 ส.ค.63 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามพระสงฆ์ภายในวัดบอกว่า มีนักเรียนก่อเหตุตีกันช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. วันที่ 20 ส.ค.63 ที่ผ่านมา เป็นเป็นช่วงหลังเลิกเรียน คาดว่าน่าจะพูดจาท้าทายหาเรื่องกันตั้งแต่ที่โรงเรียน ก่อนจะนัดมาชกต่อยกันภายในวัด เนื่องจากวัดและโรงเรียนอยู่ติดกัน และจากการตรวจสอบพบว่ามีนักเรียนที่ตีกันได้รับบาดเจ็บแขนบวมผิดรูป 1 คน แต่ยังไม่มีผู้ปกครองเข้าแจ้งความแต่อย่างใด
นายสุชิต ชมภูวงษ์ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ได้สั่งให้โรงเรียนในสังกัดตรวจสอบว่า เหตุนักเรียนตีกันในวัดนั้น เป็นนักเรียนโรงเรียนไหน หากพบว่าเป็นโรงเรียนในสังกัดที่ดูแลรับผิดชอบ ก็จะได้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ผู้บริหารโรงเรียน รวมถึงผู้ปกครอง ร่วมกันหาแนวทางหรือมาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหา เด็กนักเรียนก่อเหตุทะเลาะวิวาทชกต่อกัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตัวนักเรียนเอง ทั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงบานปลายถึงขั้นได้รับบาดเจ็บด้วย
โดยที่ผ่านมาทางเขตฯ ก็ได้กำชับผู้บริหารในสังกัดให้เข้มงวดกวดขัน รวมถึงได้ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ จัดกิจกรรมให้ความรู้ปลูกจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรมและการประพฤติตัวที่ถูกต้องเหมาะสม แต่บางครั้งด้วยวัยของนักเรียนก็อาจจะเกิดความคึกคะนอง ซึ่งก็จะได้ร่วมกับหลาย ๆ ภาคส่วนหาแนวทางป้องกันแก้ไขมากขึ้น
ขณะที่นายดิเรก วิเชียร อายุ 60 ปี กรรมการวัดป่าเรไร กล่าวว่า การก่อเหตุทะเลาะวิวาทชกต่อยกันในวัด ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมาก็เกิดขึ้นบ่อยเพราะวัดอยู่ใกล้กับโรงเรียน แต่ระยะหลังก็ไม่ค่อยบ่อยเหมือนเมื่อก่อน โดยล่าสุดทราบว่าเด็กที่มาตีกันในวัดเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น แต่ไม่มีอาวุธ อาจจะหยิบนำท่อนไม้หรือไม้กวาดที่อยู่ใกล้มือไปตีกัน ส่วนสาเหตุตนก็ไม่ทราบ อาจจะมีเรื่องกันมาจากที่โรงเรียน หรือความคึกคักคะนองของเด็ก แต่ก็เป็นปัญหาที่หลายฝ่ายจะต้องร่วมมือกันแก้ไข
Advertisement
