
จากกรณีที่นายเอกพงษ์ หรือเอก อายุ 32 ปี ชาวบ้านบ้านสี่เหลี่ยม ต.สี่เหลี่ยม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทแห่งหนึ่ง จ.ปทุมธานี ได้ไลฟ์สดผูกคอตัวเองเสียชีวิต ภายในห้องเช่าแห่งหนึ่ง จ.ปทุมธานี เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 24 เม.ย.63 ที่ผ่านมา โดยญาติได้นำศพกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด อ.ประโคนชัย แล้ว พร้อมทั้งตั้งข้อสังว่า นายเอกถูกข่มขู่และกดดันจากคนรอบข้างจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย

ล่าสุดวันที่ 27 เม.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ย้อนกลับไปยังห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี พบว่าเป็นอาคารสีเขียว 2 ชั้น แบ่งเป็นโซนหน้า-หลัง อย่างละ 8 ห้อง เป็นห้องแบบพัดลม ราคาเดือนละ 1,100 บาท มีคนพักอาศัยเกือบเต็ม แต่ภายหลังเกิดเหตุ มีคนในห้องเช่าย้ายออกไป 2 ห้อง ส่วนห้องเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ชั้นล่างสุด พบว่าเจ้าของห้องเช่าได้ทำความสะอาด เพื่อจะนิมนต์พระมาประกอบพิธีทางศาสนาให้แก่ผู้เสียชีวิต และเป็นการทำบุญห้องเช่าเพื่อความเป็นศิริมงคล

นางอีท (นามสมมติ) อายุ 62 ปี เจ้าของห้องเช่า พาทีมข่าวเข้าไปห้องจุดเกิดเหตุ พบว่า ห้องเปิดโล่ง ไม่ปิดประตู ไม่ปิดบานเกล็ด เพราะต้องการให้อากาศถ่ายเท จนกว่าจะมีพิธีสงฆ์เสร็จสิ้น จึงจะปิดล็อกห้องหรือปล่อยเช่าต่อไป ส่วนภายในจุดที่นายเอกพงษ์ ตัดสินใจใช้เชือกผูกคอตาย คือ พัดรุ่นเก่าแบบใบพัดกลางห้อง ได้มีการถอดออกไปแล้ว เพราะทางห้องเช่ามีความเชื่อว่า ไม่อยากให้ดวงวิญญาณของผู้ตายมีบวงผูกติดอยู่ที่สถานที่แห่งนี้ จึงต้องรื้อถอนออกไป แล้วจะชื้อของใหม่มาติดทดแทน

เจ้าของห้องเช่า เล่าอีกว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนเงียบ ๆ ไม่สุงสิงหรือวุ่นวายกับใคร เพิ่งจะย้ายมาเช่าได้เพียง 3 เดือน แต่ก็เป็นคนขยัน ไม่มีความเคลียดหรือเก็บกดอะไร ตนมองผ่านประตูบ้านออกไปก็จะเห็นนายเอกพงษ์ นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าห้อง บางวันก็จะออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน ๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นชื้อมาดื่มกินที่ห้องเช่า โดยวันที่เข้าไปเก็บของในห้อง หลังนายเอกพงษ์เสียชีวิต มีเพียงแต่กระป๋องกาแฟ ขวดนม แต่ไม่มีขวดสุราแต่อย่างใด
ประกอบกับห้องเช่าแห่งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกจ้าง เงินเดือนน้อยมักจะขอผ่อนจ่ายค่าเช่า หรือแม้กระทั่งขอยืมเงินไปใช้จ่าย ซึ่งยอมรับว่าเกือบ 90% คนเช่าจะมาขอผ่อผันและยืมเงินประจำ แต่นายเอกพงษ์ ไม่เคยขอผ่อนผัน และจ่ายตรงทุกเดือน ทุก ๆ วันที่ 1 และไม่เคยแม้แต่มาปรึกษาเกี่ยวกับการเงิน หรือจะขอยืมเงินแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องสภาวะวิกฤติโควิด-19 ที่ทำให้รายได้แรงงานลดลง ยอมรับว่าอาจเป็นเรื่องจริง แต่ทางหอพักก็ยังมีลดค่าเช่าลง จากเดิมเดือนละ 1,100 บาท ค่าน้ำ ค่าไฟตามจริง ลดค่าเช่าเหลือเพียงเดือนละ 500 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้เช่าให้อยู่ได้ และเมื่อต้นเดือนเพิ่งจะนำถุงยังชีพมาแจกให้คนเช่า ดังนั้นจึงเชื่อว่าเรื่องรายได้ลดลงอาจจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฆ่าตัวตายแน่นอน

นางอีท บอกอีกว่า ตนสังเกตเห็นพฤติกรรมของนายเอกพงษ์ ช่วงก่อนก่อเหตุคิดสั้น มีการดื่มเหล้าหนัก ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนติดต่อกัน 3 วัน และวันที่ 24 เม.ย.63 ช่วงเวลา 21.00 น. เพื่อนขี่รถมอเตอร์ไชต์กลับมาส่งนายเอกพงษ์ ไม่ได้มีปางเสียงหรือทะเลาะกัน กระทั่งเวลา 22.00 น. ตนเห็นเฟซบุ๊กของนายเอกพงษ์ กำลังไลฟ์สดก่อนจะฆ่าตัวตาย จึงรีบแจ้งตำรวจแต่ก็ช่วยอะไรไม่ทัน เพราะนายเอกพงษ์ ขาดใจไปแล้ว
แต่ก่อนที่นายเอกพงษ์ จะดื่มเหล้าหนักต่อเนื่อง 3 วัน สังเกตว่ารถจักรยานยนต์สีแดงของนายเอกพงษ์หายไป ต้องอาศัยเพื่อนไปรับไปส่ง หรือเรียกวินรับจ้าง ซึ่งพยายามถามเจ้าตัวก็ไม่บอกว่ารถหายไปไหน จนมาทราบจากเพื่อนกลุ่มดังกล่าวที่ดื่มด้วยกันว่า “มีญาติห่าง ๆ ยึดรถไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงยึดได้” ส่วนตัวจึงเชื่อว่า เป็นเพราะมีการจำนำรถ หรือขาดส่งหรือไม่ ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ใช้อยู่ถูกยึดไป

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 56 ปี เพื่อนข้างห้อง เปิดเผยว่า ทุกวันหลังจากเลิกงานกลับมาที่ห้องเช่า ตนจะพบเจอนายเอกพงศ์ นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บริเวณหน้าห้อง บางวันก็จะมีดื่มสังสรรค์กับเพื่อนที่ห้องบ้าง แต่ก็ไม่บ่อย และไม่ค่อยได้พูดคุยหรือทักทายกันมากนัก เนื่องจากเป็นคนไม่ได้สุงสิงกับใคร เป็นคนเงียบ ๆ พูดน้อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะก่อเหตุดังกล่าวขึ้นได้

นายเอ็ม ยังเล่าเกี่ยวกับความเชื่ออีกว่า หลังจากที่นายเอกพงษ์ ตัดสินใจผูกขอตายภายในห้อง เช้าวันรุ่งขึ้น ญาติได้เข้ามาย้ายและเก็บของภายในห้องกลับบ้านเกิด ตรงกับในคืนที่ตนเองเข้านอนแล้วฝันว่า นายเอกพงษ์ เดินวนอยู่รอบห้องเช่า และได้หันมาส่งยิ้มให้ตนเอง พร้อมกับพูดว่า “จะไปแล้วนะ” ตนเชื่อว่าความฝันดังกล่าว นายเอกพงษ์ ต้องการมาบอกเพื่อให้รับรู้ว่ากำลังจะได้กลับบ้านแล้ว จากนั้นก็ได้กระโดดขึ้นท้ายรถกระบะ นั่งด้านหลังรถกลับออกไปจากห้องเช่า ซึ่งเป็นรถคันเดียวกันกับที่มาขนของให้กับผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ตนเองเป็นคนภาคอีสาน มีความเชื่อตามโบราณว่าทำเลที่ตั้งของห้องพักที่นายเอกพงษ์ เช่าอยู่นั้น เป็นทาง 3 แพร่ง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นทางผีผ่าน โดยอาจมีส่วนที่ทำให้ผู้เช่าห้องดังกล่าวขาดสติ หรือมีสิ่งลี้ลับดลใจทำให้ฆ่าตัวตายก็ได้ ดังนั้นทางแก้ก็จะต้องย้ายหรือเปลี่ยนทำเลที่ตั้ง หรืออาจต้องแก้โดยวิธีที่ถูกต้องตามหลักโบราณ เพื่อให้คนที่อาศัยคนต่อไปอยู่โดยไม่ได้รับอันตราย
Advertisement