มรสุมชีวิต น้องเสียงแคน เล่นเปียโนเปิดหมวกหาเงิน ติดป้ายช่วยพวกเราด้วยครับ แม่ตาย ลุงโกง พ่อล้มละลาย
จากกรณีคุณพ่อรายหนึ่งโพสต์คลิป Tiktok ขณะลูกชายกำลังเล่นดนตรีเปิดหมวกอยู่ที่ตลาดนัดแห่งหนึ่ง ย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา เมื่อคลิปนี้ได้เผยแพร่ออกไป มีสิ่งที่ทำให้สะเทือนใจชาวเน็ต คือ ป้ายไวนิลที่ติดอยู่กับเปียโนของเด็กระบุว่า “แม่ผมตาย ลุงโกงเงินผม พ่อผมล้มละลาย ช่วยพวกเราด้วยครับ”
วันนี้ทีมข่าวตามเรื่องนี้ต่อ โดยเราได้ไปที่ห้องพักของ “น้องเสียงแคน” อายุ 11 ปี ที่แฟลตการเคหะ ย่านบางนา โดยได้เราได้พูดคุยกับ นายอนุชา พรหมทองดี อายุ 52 ปี พ่อของ “น้องเสียงแคน” บอกว่า หลังจากที่เรื่องนี้เป็นข่าวออกไป ก็มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ใจบุญยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ที่เร่งด่วนและทำให้พ่อกับลูกรอดตายเมื่อวานนี้ คือ ความช่วยเหลือจากช่างภาพของอมรินทร์ทีวี ที่ลงพื้นที่มาทำข่าว แล้วทราบว่าพ่อไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องของเดือนนี้ จึงได้เรียกพ่อไปข้างหลังห้องแล้วได้ยื่นเงินให้จำนวน 3,500 บาท เพื่อให้นำไปจ่ายค่าเช่าห้องก่อน ซึ่งพ่ออยากขอบคุณช่างภาพคนนี้มาก ที่ให้ความช่วยเหลือด้วยใจจริง ในลักษณะปิดทองหลังพระ
ขณะที่พ่อของน้องเสียงแคน ได้อธิบายถึงป้ายข้อความที่ติดอยู่หน้าเปียโนของลูกชาย ระบุว่า “แม่ผมตาย ลุงโกงเงินผม พ่อผมล้มละลาย ช่วยพวกเราด้วยครับ” โดยยอมรับว่า เป็นความคิดของพ่อที่ทำป้ายนี้ขึ้นมา เพราะต้องสื่อสารให้สังคมรับรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกับลูกชายต้องการความช่วยเหลือ จึงอยากจะสื่อสารออกไปตรงๆ และไม่กลัวการฟ้องร้องหรือการด่าประณามเริ่มจากข้อความแรก “แม่ผมตาย” ข้อเท็จจริงคือ ตัวเองกับแม่ของน้องเสียงแคน ได้แยกทางกัน แต่ยังทำหน้าที่พ่อและแม่มาโดยตลอด จนกระทั่งเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แม่ของน้องเสียงแคนป่วยเป็นมะเร็ง และเสียชีวิตเมื่อในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับเด็ก 11 ขวบ และถือเป็นเรื่องที่เจ็บปวดของครอบครัว
ข้อความที่ 2 “ลุงโกงเงินผม” ข้อเท็จจริง คือ ก่อนที่แม่น้องเสียงแคนจะเสียชีวิต ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับพ่อ บอกว่าต้องให้พี่ชายคนโต ซึ่งเป็นลุงของน้องเสียงแคน ดูแลน้องเสียงแคน แล้วจะเซ็นยกเงินประกันชีวิตกับเงินกองทุนประกันสังคมให้ลุง แต่ปรากฏว่าหลังจากแม่น้องเสียงแคนเสียชีวิตเมื่อวัน 11 กันยายน 2566 ยายของน้องเสียงแคน รวมถึงลุง ก็พากันบล็อกเบอร์และไลน์หลาน ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งลุงได้มีการเดินทางไปที่โรงเรียนของหลานให้เงินอยู่ 2 ครั้ง ครั้งละ 3,000 บาท แล้วต่อมาหลานปวดฟันต้องพาไปหาหมอตัวเองจึงใช้เบอร์โทรศัพท์ตัวเองโทรไปขอความช่วยเหลือแล้วได้เงินมาอีก 2 ครั้ง 4,000 บาท กับ 3,000 บาท หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากลุงอีกเลย และสู้กันมาเพียงลำพัง 2 พ่อลูกเท่านั้น ในความเป็นตัวเองซึ่งเป็นจึงมองว่า ลุงโกง ความไว้วางใจของแม่น้องเสียงแคน และโกงน้องเสียงแคน ซึ่งเป็นหลานของตัวเองแท้ๆ
ส่วนข้อความสุดท้าย "พ่อล้มละลาย" เป็นเรื่องที่ตัวเองประสบปัญหาด้านธุรกิจเกี่ยวกับการวางระบบสื่อสาร จนทำให้ถูกฟ้องล้มละลาย
พ่อน้องเสียงแคน บอกว่า ตัวเองรับน้องเสียงแคนมาอยู่ด้วยตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ในช่วงที่แม่เขาป่วยหนัก แล้วดูแลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งแม่ของเขาเสียชีวิต ซึ่งทางญาติของอดีตภรรยา คือ แม่น้องเสียงแคน ไม่เคยดูแลหรือให้การช่วยเหลือ จนกระทั่งวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมาจู่ๆ น้องเสียงแคน ก็เอ่ยปากถามว่า “พ่อจะให้กินแต่ไข่เหรอ” วันนั้น ตัวเองถึงกับสะอื้น พูดอะไรไม่ออก และตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าลูก พาไปส่งให้กับที่บ้าน พร้อมกับเขียนจดหมายไว้ให้ แต่ต่อมาก็กลับถูกลุงโทรศัพท์มาต่อว่าหาว่าเอาลูกไปทิ้ง แล้วให้ไปรับลูกคืนมาเพราะลุงจะไปธุระ วันที่ 3 เมษายน ตัวเองจึงได้เดินทางไปรับน้องเสียงแคน ลูกชายกลับมาอยู่ด้วยเหมือนเดิม
พ่อน้องเสียงแคน บอกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าลุงใช้เงินของหลานหมดแล้ว และก็ไม่ได้หวังจะได้เงินจากลุง แต่สิ่งที่ต้องการคือความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะตัวเองกับลูกลำบากมาก ซึ่งตัวเองก็เป็นพ่อคนนึงที่อยากเห็นลูกมีอนาคตที่ดี และความใฝ่ฝันของลูก คือ อยากเป็นหมอ แต่อุปสรรคปัญหาในชีวิตที่เจอตอนนี้ เรียกได้ว่า ตัวเองจนตรอก ทั้งถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกง จากการซื้อเปียโนให้ลูก จนทำให้ถูกศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน แต่ตัวเองได้ยื่นประกันตัว เพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลได้พิจารณาหลักทรัพย์ประกันตัวจำนวน 45,000 บาท แต่ตัวเองมีเงินเพียง 9,000 บาท ศาลจึงได้เมตตาให้ใส่กำไล EM แทนการคุมขัง แต่ในการใช้ชีวิต ไปไหนมาไหนก็ถูกประณามเป็นคนชั่วร้าย เพราะถูกใส่กำไล EM แต่ส่วนตัวก็ไม่สนใจ เพราะชีวิตนี้อยู่เพื่อลูก
ขณะที่พ่อน้องเสียงแคน ถึงกับหลั่งน้ำตา บอกว่าทุกวันนี้ฝันร้ายทุกคืน เพราะกังวลกลัวว่าจะแพ้คดีและถูกจำคุก ทำให้ลูกชายไม่มีคนดูแล ซึ่งก็ได้แต่ภาวนาว่าตื่นมาให้ไม่ใช่ความจริง ส่วนวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิด จริงๆ พรข้อเดียวที่อยากจะขอคือ ขอให้แม่น้องเสียงแคนไม่ตาย ลูกจะได้มีแม่ จะได้กอดแม่ จะได้มีชีวิตที่ดี
ต่อมา เจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ได้เดินทางเข้าเยี่ยมนายอนุชา พรหมทอง และน้องเสียงแคน ที่ห้องพัก โดยได้มีการสอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงปัญหาต่างๆ ทั้งในส่วนของพ่อและส่วนของลูกชาย ใช้เวลาพูดคุยกันนานประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อเก็บข้อมูลให้รอบด้าน นำไปหารือเพื่อให้การช่วยเหลือพ่อลูกคู่นี้อย่างเร่งด่วน
เบื้องต้นทราบว่า ในส่วนของตัวเด็กนั้น ทางพ่อต้องได้รับเงินช่วยเหลือ เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต ซึ่งตรงนี้ทางรัฐมีเงินช่วยเหลือประมาณปี 3,000 บาท แต่ตามขั้นตอนก็จะต้องยื่นเรื่องแล้วรออนุมัติ อาจต้อฃใช้เวลาสักระยะ ส่วนของพ่อเด็ก เบื้องต้นพบว่า ไม่มีงานทำ เพราะติดปัญหาเรื่องการใส่ EM ทำให้ไม่มีรายได้มาเลี้ยงดูลูก ทั้งยังมีความกังวลหากแพ้คดีและถูกจำคุก ซึ่งจะไม่มีคนดูแลลูก ตรงนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีการนำข้อมูลต่างๆ ไปประชุมหารือกันอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป แต่ทราบว่า สิ่งที่สำคัญเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ คือ สภาพจิตใจของน้องเสียงแคน ที่เริ่มมีภาวะเครียดจากปัญหาต่างๆ เท่าที่น้องได้รับรู้ และต้องพาไปพบเเพทย์เพื่อประเมินอาการอย่างเร่งด่วน
สำหรับวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของนายอนุชา พ่อของน้องเสียงแคน ซึ่งน้องเสียงแคน ได้เล่นเปียโนเป็นของขวัญวันเกิดให้พ่อ ซึ่งพ่อได้กอดหอมลูกชาย พร้อมกับบอกว่า “พ่อรักลูกนะ พ่อจะสู้เพื่อหนูนะ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อแพ้ เราเกิดมาเพื่อสู้ สู้ได้เท่าไหร่ค่อยว่ากัน เราทำดีที่สุดแล้วไม่ต้องกังวลอะไรจะเกิดก็ให้เกิด" หลังจากนั้นทีมข่าวได้นำเค้กเซอร์ไพรส์วันเกิดพ่อน้องเสียงแคน ไปมอบให้ เพื่อเป็นกำลังใจให้สู้เพื่อลูกต่อไป
Advertisement