เสี่ยร้านทองสุราษฎร์ธานี ถูกย่างสดดับสยองคารถ ญาติชี้พบพิรุธหลายอย่าง หวั่นถูกจัดฉากตายชิงแหวนเพชร
จากกรณีเจ้าที่ตำรวจ สภ.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเก๋งตกข้างทางแล้วเกิดไฟลุกไหม้ โดยจุดเกิดเหตุบริเวณถนนเซาเทิร์นซีบอร์ด ก่อนจะถึงจุดตัดทางเข้าเมืองสุราษฎร์ธานีในพื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านควนยูง ตำบลขุนทะเลอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงประสานรถดับเพลิงตำบลขุนทะเล เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานีเข้าตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงได้จากการตรวจสอบพบรถเก๋งคันดังกล่าวเป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้ารุ่นคัมรี่หมายเลขทะเบียน กษ-5678 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถูกไฟไหม้เสียหายยับเยินหมดทั้งคันภายในรถบริเวณเบาะหน้าด้านคนขับพบร่างผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นเพศชายไม่ทราบชื่อและอายุ สภาพศพถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก พนักงานสอบสวนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพส่งตรวจพิสูจน์ถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่นิติเวชโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ก่อนที่ต่อมาจะทราบว่าผู้เสียชีวิตคือ นายวัชรินทร์ แก้วนิรัตน์ หรือเสี่ยติ่ง อายุ 56 ปี เจ้าของร้านทอง
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ พบว่า มีร่องรอยไฟไหม้อยู่บนพื้นหญ้าข้างทาง โดยตรงบริเวณคูหญ้าข้างล่างยังมีเศษล้อยางรถยนต์ที่ถูกไฟไหม้ตกอยู่ รวมถึงโลโก้นี่ห้อรถยนต์ด้วย โดยจากการสังเกตพบว่า ไอความร้อนจากเปลวไฟค่อนข้างขึ้นสูงไปถึงยอดไม้ด้านบนที่อยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ
ในขณะที่นางปราณี อายุ 49 ปี ชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 400 เมตร เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่เกิดเหตุช่วงกลางคืน ตอนนั้นตนเองนอนไม่หลับ จนช่วงเวลา 00.00 น. อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังมากคล้ายระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ตนเองตกใจมาก คิดว่ามีอุบัติเหตุใกล้ๆ เลยออกจากบ้านมาดู ก็ไม่พบอะไรผิดปกติเลย ตอนนั้นตนจึงไม่ได้สนใจเเละเข้าบ้านนอน จนกระทั่งช่วงเช้าตนมาทราบข่าวภายหลังว่ามีรถไฟไหม้จากข่าวในโซเชียลเเละจากกู้ภัย ตนจึงคิดว่าเสียงระเบิดที่ตนได้ยืนคืนนั้นน่าจะเป็นเสียงรถระเบิด
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่ วัดทองประธาน (วัดบ้านนาเดิม) ต.บ้านนา อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของ เสี่ยติ่ง โดยบรรยากาศช่วงเย็นที่ผ่านมามีญาติพี่น้องเพื่อนสนิทและคนรู้จักของเสียติ่งทยอยเดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวกฤตินันท์ อายุ 24 ปี หลานสาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันนั้นเกือบ 6 โมงเช้า ป้า (ภรรยาของลุง) เป็นคนโทรมาบอกตนว่าลุงเกิดเหตุรถตกข้างทางเสียชีวิต โดนไฟคลอกทั้งตัว ตอนนั้นพวกตนคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ เเต่พอไปดูที่เกิดเหตุ ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะเเทบจะเป็นไปไม่ได้ที่รถจะไฟไหม้ เพราะรถของลุงสภาพดีมาก แกเป็นคนรักรถมากดูแลรถดีมากตลอด รถไม่มีรอยชน เเสดงว่ารถไม่น่าจะถูกชนท้ายเเล้วตกข้างทาง คงไม่ได้เกิดอุบัติเหตุ ไฟไหม้ลุกลามไวเกินไป ไม่น่าจะเกิดจากประกายไฟที่รถ
พวกตนก็ได้ไปสอบถามชาวบ้านในละเเวกใกล้เคียง พบว่า มีชาวบ้านบางคนบอกว่าเห็นรถยนต์ต้องสงสัยคันสีดำ 1 คันมาจอดอยู่ต่อจากรถของลุง ซึ่งเป็นคัมรี่สีบรอนซ์ เเละมีชาวบ้านกรีดยางเเถวนั้นบอกว่า เห็นรถของลุงจอดเปิดไฟฉุกเฉินอยู่ข้างทางตรงจุดเกิดเหตุ เเละมีรถย้อนศรมาดูรถลุง ก็ยังเห็นว่าจอดอยู่ข้างทาง
ยืนยันว่าตอนนี้ครอบครัวยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลุง เพราะเเหวนเพชรของลุงมูลค่า 250,000 บาทก็หายไปด้วย ซึ่งปกติถ้าแหวนเพชรถูกไฟไหม้ ก็น่าจะเหลือหัวเเหวนไว้ ส่วนสร้อยคอทองคำได้กลับมาเเล้ว ส่วนทรัพย์สินอย่างอื่นก็ไม่รู้ว่าถูกไฟเผาไปแล้วหรือไม่
โดยคืนก่อนที่จะเกิดเหตุในช่วงหัวค่ำวันนั้นทราบว่าคุณลุงเดินทางไปงานแต่งที่โรงเรียนบ้านนาเดิม ก่อนจะไปรับประทานอาหารกับเพื่อน เเละไปซื้อห่อหมกเพื่อจะกลับไปกินข้าวกับลูกที่บ้าน เเต่ดันมาเกิดเหตุก่อน ซึ่งปกติเเล้วลุงจะใช้ถนนเส้นนี้เป็นทางกลับบ้านเข้าตัวเมือง เพื่อที่จะไปนอนกับลูกทุกวันอยู่เเล้ว ซึ่งถ้ามีคนสะกดรอยตามก็ต้องรู้อยู่เเล้วว่า ลุงตนต้องขับรถเส้นนี้
เเละเท่าที่ทราบลุงตนไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไรร้ายเเรงถึงขั้นจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ลุงอายุ 56 ปีเเล้วเเต่ยังดูแลตัวเองดี เเข็งเเรงมาก รถคันนี้ ลุงจะดูแลรถดี เเละรถคันนี้ก็ไม่เคยเสียเลย เเละยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุด้วย ซึ่งตนก็เพิ่งจะคุยกับลุงเมื่อ 2-3 วันก่อนเกิดเหตุ ทราบว่า ลุงบอกว่าจะขับรถอีกคันขึ้น กทม. ไปตรวจสภาพอยู่เลย ครอบครัวจึงตัดเรื่องสุขภาพ เรื่องรถมีปัญหาออกไปหมด อีกทั้งลุงยังขับรถไม่เร็วด้วย
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ก็ยังไม่มีอะไร เเต่จากที่ทราบล่าสุด ตำรวจจะสรุปเป็นอุบัติเหตุ เเต่ครอบครัวไม่สามารถยอมรับได้ ไม่มีใครเชื่อ เพราะพวกตนมั่นใจว่าไม่ใช่อุบัติเหตุเเน่นอน เเต่ก็ไม่มีผู้ต้องสงสัยในใจ เเละยังไม่เคยเกิดเหตุไม่ดีกับลุงด้วย ผู้ใหญ่ในบ้านก็มีคุยๆ กัน เเต่ตนเองก็ไม่ทราบว่าลุงมีศัตรูที่ไหนหรือไม่ เพราะลุงทำหลายธุรกิจไม่ได้มีแค่ร้านทองอย่างเดียว มีเพื่อนฝูงเยอะ ใจนักเลง เเต่เวลาอยู่กับลูกหลานครอบครัว จะเป็นคนอ่อนโยน ซัพพอร์ตทุกคน ไม่มีนิสัยก้าวร้าวหัวรุนเเรงเลย
ทั้งนี้ ตนมานั่งเรียบเรียงเหตุการณ์อีกครั้งในช่ววที่ได้คุยกับลุง เหมือนมีลางบอกเหตุ ว่าลุงเขารู้อยู่เเล้วว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับตัวเอง เขาพูดกับญาติที่ไปเจอว่า ถ้าตัวเองเป็นอะไรไป ก็เป็นห่วงลูกเเละหลานมาก รวมถึงปู่เองก็บอกว่า ลุงมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปดูเศร้าๆ เเละเครียดมาก มีปัญหาในใจเเต่ไม่ได้บอกใคร ตนอยากจะบอกกับลุงว่า ขอให้เขาไปสู่สุคติ
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาพูดคุยกับนายพินิต มากเกลี้ยง อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัย กุศลศรัทธา สุราษฎร์ธานี จุดขุนทะเล ที่เข้าไปในที่เกิดเหตุคืนวันที่ 17 มี.ค.67 นายพินิตบอกว่า วันนั้นตนเองได้รับเเจ้งเหตุ ตอนเวลา 01.24 น. ว่ามีอุบัติเหตุรถตกข้างทาง ไฟลุกไหม้ เมื่อตนไปถึงที่เกิดเหตุเวลา 01.27 น. พบว่าไฟลุกไหม้ท่วมสูงรุนเเรง ตนจึงประสานรถดับเพลิงเข้ามาช่วยควบคุมสถานการณ์ โดยหลังจาก ใช้เวลาในการดับเพลิงประมาณ 30-40 นาทีเพลิงก็สงบลง
ภายในรถพบผู้เสียชีวิตถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก ไม่สามารถมองออกได้ว่ามีร่องรอยถูกทำร้ายตรงไหนมาก่อนที่จะเสียชีวิตหรือไม่ โดยสภาพศพในช่วงที่พบศพตั้งแต่ส่วนหัวจนถึงกลางลำตัวพาดอยู่บนเบาะข้างคนขับซึ่งมีการปรับเอน ส่วนช่วงหลังตัวท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปถึงเท้าอยู่ตรงบริเวณที่วางขาฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับ
นอกจากนี้ที่วางขา ฝั่งที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับพบกระเป๋าของผู้ตายข้างในพกใบขับขี่ พาสปอร์ตและสมุดบัญชีธนาคาร ยืนยันตัวตนจนทำให้ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร ทั้งนี้ตนเองก็ไม่สามารถจะสันนิษฐานได้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเกิดจากอุบัติเหตุจริงหรือไม่
Advertisement