จากกรณี นายเสกสรรค์ การเมือง อายุ 38 ปี ก่อเหตุยิง นางวลัยกานต์ จุฬาสถิตย์ อายุ 40 ปี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในหมู่บ้านพฤกษา ริมคลอง หมู่ 5 ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังก่อเกตุ นายเสกสรรค์ เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภ.บางบัวทอง จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุอ้างว่าเนื่องจากมีปากเสียงกันเกี่ยวกับการหึงหวง ก่อเหตุเพราะบันดาลโทสะ
วันที่ 19 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณโรงรถของบ้านของผู้บาดเจ็บ โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพเวลาประมาณ 15.18 น. ของวันที่ 18 มกราคม 66 เอาไว้ได้ ซึ่งจะสังเกตเห็น นายเสกสรรค์ ผู้ก่อเหตุ และ นางวลัยกานต์ ผู้บาดเจ็บ เดินขึ้นรถกันไป ก่อนจะทะเลาะกันอีกเล็กน้อย ทำให้ นางวิเลียม แม่ของผู้บาดเจ็บ และนายเจมส์ น้องชายของผู้บาดเจ็บ ออกมายืนอยู่เหตุการณ์ ก่อนที่จะเสียงปืนจะดังขึ้น พร้อมกับควันที่ลอยพุ่งออกมาจากภายในรถ ทำให้ นายเจมส์ น้องชายของผู้บาดเจ็บ วิ่งเข้าไปดูเหตุการณ์ ส่วนผู้ก่อเหตุก็ได้วิ่งหนีไป
ต่อมาหลังจากที่ผู้ก่อเหตุก่อเหตุแล้ว ได้วิ่งหนีออกมาจากที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าหมู่บ้านผู้ก่อเหตุได้จอดรถตู้เอาไว้ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะวิ่งขึ้นรถแล้วขับออกจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว แล้วตัดสินใจขับรถไปมอบตัวที่ สภ.บางบัวทอง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าหมู่บ้าน สามารถจับภาพเอาไว้ได้
ด้าน นายเจมส์ อายุ 21 ปี น้องชายของ นางวลัยกานต์ ผู้บาดเจ็บ เผยว่า ตนเดินทางมาหาพี่สาวเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อมาดูแลพี่สาว เนื่องจากพี่สาวถูกผู้ก่อเหตุตามตื้อขอคืนดี หลังจากเลิกรากันไปตั้งแต่เดือน ก.ค. 65 ที่ผ่านมา
โดยในวันเกิดเหตุวันที่ 18 ม.ค. 66 ตนกับพี่สาวจะไปรับหลานที่โรงเรียน แต่ในเวลา 14.30 น. ผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาที่บ้าน พร้อมเข้าไปมีปากเสียงกับพี่สาวของตน ที่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน ต่อมาในเวลาประมาณ 15.00 น. ตนก็ได้บอกพี่สาวว่าไปรับหลานกันเถอะ เพื่อหวังจะให้ทั้งคู่หยุดทะเลาะกัน แต่ผู้ก่อเหตุก็ได้ตามมาขวางรถ โดยการเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ ไม่ยอมให้พี่สาวของตนขับรถออกจากบ้าน ซึ่งผู้ก่อเหตุได้ถามพี่สาวของตนว่า "ไม่เอากูแล้วใช่ไหม" แต่พี่สาวก็ไม่ตอบ เพราะไม่อยากมีปัญหาด้วย
ขณะนั้น ตนคิดว่าอาจจะเกิดเหตุร้าย เนื่องจากผู้ก่อเหตุสะพายกระเป๋า ตนกลัวว่าผู้ก่อเหตุจะมีปืน กระทั่งจู่ ๆ ผู้ก่อเหตุก็ชักปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมายิงพี่สาวของตน รัวประมาณ 3 นัด จากนั้นตนก็ได้รีบเข้าไปแย่งปืน แต่ผู้ก่อเหตุก็ได้วิ่งหนีออกไปหน้าหมู่บ้าน ตนคิดว่าผู้ก่อเหตุตั้งใจที่จะก่อเหตุ เนื่องจากปืนถูกชักออกมายิงทันที ไม่ต้องปลดเซฟ ไม่ต้องขึ้นลำใด ๆ
ทั้งนี้ ตนเคยคิดว่าสักวันผู้ก่อเหตุน่าจะก่อเหตุยิงแบบนี้ เนื่องจากในอดีตผู้ก่อเหตุเคยมีปืนที่อ้างว่ามีไว้เพื่อปกป้องทรัพย์สินบริษัท แต่ภายหลังก็ได้ขายปืนไปหลังจากออกจากงาน แล้วก็ซื้อปืนมาใหม่ในช่วงเลิกรากับพี่สาวของตน ส่วนประเด็นที่ผู้ก่อเหตุระแวงหรือบอกว่าพี่สาวตนเองมีคนอื่นนั้น ตนขอชี้แจงแทนพี่สาวว่า พี่สาวได้เลิกรากับผู้ก่อเหตุไปแล้ว อีกทั้งพี่สาวยังทำอาชีพเซล ทำให้พบเจอคนมากหน้าหลายตา หากพี่สาวจะมีคนใหม่ตนก็คิดว่าไม่ผิด
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทางมายัง สภ.บางบัวทอง โดยในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. นางระเมียด อายุ 60 ปี แม่ของ นายเสกสรรค์ ผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางมาจาก จ.นครสวรรค์ เพื่อมาเยี่ยมลูกชาย
โดย นางระเมียด แม่ของผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนเพิ่งทราบเหตุเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เนื่องจากหลังเกิดเหตุไม่มีใครกล้าบอกเรื่องราวกับตน วันนี้ตนจึงตั้งใจเดินทางมาเยี่ยมลูกชายในห้องขัง โดยตลอดระยะเวลาที่ลูกชายคบหากับผู้บาดเจ็บกว่า 10-15 ปี ทั้งคู่ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน อีกทั้งทั้งคู่ยังไปเยี่ยมตนบ่อยครั้งที่ จ.นครสวรรค์
โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 65 ทั้งคู่ก็ได้เดินทางไปเยี่ยมตน ซึ่งทั้งคู่ยังก็ดูรักกันดี ไม่มีท่าทีระหองระแหงกัน แต่ถึงทั้งคู่จะมีปัญหากันลูกชายก็จะไม่ค่อยเล่าอะไรให้ตนฟัง เพราะตนป่วยโรคหัวใจ ปกติลูกชายเป็นคนดี สนุกสนาน เฮฮา ซึ่งตนไม่เคยทราบว่าลูกชายมีปืน โดยตนเชื่อว่าหากลูกชายไม่ถึงที่สุดแล้ว ก็คงจะไม่ลงมือก่อเหตุ จะใช้ปมหึงหวงหรือไม่ หรือเป็นปมใด ตนก็ไม่ทราบ
ส่วนการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว ซึ่งทางครอบครัวจะต้องปรึกษากันในชั้นศาลต่อไปว่าจะประกันตัวหรือไม่ สุดท้ายตนก็อยากจะขอโทษครอบครัวของผู้บาดเจ็บแทนลูกชายของตนที่ใจร้อนเกินไป ถ้าลูกชายไม่ถึงที่สุด เขาก็คงจะไม่ทำแบบนี้
ด้าน นางวิเลียม สุธรรมมา อายุ 65 ปี แม่ของผู้บาดเจ็บ บอกว่า ขณะนี้ลูกสาวรู้สึกตัวแล้ว อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังคงอยู่ในห้องไอซียู เนื่องจากกระสุนทะลุ 3 จุด ได้แก่ กกหูซ้ายทะลุแก้มขวา ส่งผลทำให้เส้นประสาทบริเวณใบหน้าหาย, จมูกซ้ายทะลุแก้มขวา กระสุนระเบิด จมูกหาย และ แขนซ้าย เสียเลือดมาก ต้องรอผ่าตัดเพิ่มเติม เนื่องจากกระดูกไม่เข้าที่ อีกทั้งขณะนี้ลูกสาวยังต้องเจาะคอใส่เครื่องช่วยหายใจ รวมถึงต้องดามฟันและแก้จมูก
สำหรับผู้ก่อเหตุ คบหากับลูกสาวของตนมานานกว่า 15 ปี มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 12 ขวบ แต่ก่อนผู้ก่อเหตุนิสัยดี แต่ทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง ต่อมาในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ผู้ก่อเหตุก็ไม่ยอมทำงานอีกเลย เอาแต่ขอเงินจากลูกสาวของตน ทำให้ลูกสาวของตนตีตัวออกห่างและขอให้ผู้ก่อเหตุออกจากบ้าน ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 65 ที่ผ่านมา
จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ลูกสาวได้ขอให้ตนเดินทางมาอยู่ด้วย ตนเลยเดินทางมาจาก จ.เชียงราย มาหาลูกสาววันที่ 8 ม.ค. 66 เพื่อกันให้ผู้ก่อเหตุให้ออกห่างจากลูกสาว เนื่องจากกลัวว่าผู้ก่อเหตุจะเข้ามาทำร้าย เพราะที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุเคยทำร้ายลูกสาวของตนหลายครั้ง ทั้ง ทุบตี มีดจี้คอ บีบคอ และใช้หมอนกดใบหน้า ตนอยากให้ทางผู้ก่อเหตุรับโทษอย่างถึงที่สุด โดยตนได้พบผู้ก่อเหตุที่สถานีตำรวจเมื่อคืนวันที่ 18 ม.ค. ซึ่งอีกฝ่ายก็มีสีหน้าสำนึกผิดแต่ตนคงไม่ให้อภัย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ให้ข้อมูลว่า จะนำตัวผู้ก่อเหตุไปฝากขังในวันที่ 20 ม.ค. 66 ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี พร้อมแจ้ง 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ 1.พยายามฆ่าผู้อื่น 2.พกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร 3.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน
Advertisement