เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 19 ม.ค. 66 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ภายในหมู่บ้านลัดดารมย์ บางนา ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านพักของ น.ส.พิชญ์นรี ตันติวิทย์ หรือ “เม พรีมายา” เจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ชื่อแบรนด์ PRIMAYA (พรีมายา) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 41/2566 ลงวันที่ 17 ม.ค. 66 ในฐานความผิด โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตามหมายค้นศาล
และจากการตรวจค้นไม่พบตัว น.ส.พิชญ์นรี อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว มีเพียงแม่บ้านเป็นผู้ดูแลและพักอาศัย จากการสอบถามเบื้องต้นทางแม่บ้านให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ว่า “ได้ออกเดินทางออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยไปกับ นายสิทธานต์ สรรเสริญ หรือ แซก แฟนหนุ่ม ซึ่งไม่ได้ระบุว่าจะเดินทางไปที่ใด” เบื้องต้นได้ทำการตรวจค้นหาพยานหลักฐาน พร้อมตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไปทำการตรวจสอบด้วย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านอีกหลัง ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ บริษัท พรีม่า มายา จำกัด สำหรับการตรวจค้นครั้งนี้ เกิดจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า น.ส.พิชญ์นรีเจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ชื่อแบรนด์พรีมายา และ บุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องใช้ข้อความอันเป็นเท็จ ลักษณะเชิญชวนอ้างว่าลงทุน 6,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ได้เงิน 15 ล้านบาท โดย น.ส.นิ่ม ได้มีโพสต์ภาพคู่กับรถหรูในโชว์รูม ในลักษณะเชิญชวนให้ลงทุน แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่เป็นไปตามข้อความที่ปรากฎ
ทั้งนี้ทีมข่าวได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขอศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 11 หมายในคดีนี้ โดยหนึ่งในนั้นคือน้องสะใภ้ของ น.ส.พิชญ์นรี ทราบชื่อคือ น.ส.มนีนุช เทียนสว่าง ซึ่งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสามารถจับกุมได้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 01.00 น. ที่ผ่านมา ขณะกำลังจะเดินทางไปยังเกาหลีใต้
ต่อมา ช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. น.ส.พิชญ์นรี ตันติวิทย์ หรือ “เม พรีมายา” ได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความ เพื่อติดต่อขอมอบตัวกับ พลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเจ้าตัวมีสีหน้าเรียบเฉย เข้ามาติดต่อขอมอบตัว ก่อนที่จะมีการเชิญตัวเข้าพูดคุยกับผู้บัญชาการฯ โดยระหว่างนั้น ได้มีการอ่านหมายจับ เพื่อยืนยันเกี่ยวกับการถูกแจ้งข้อกล่าวหาในพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งเจ้าตัวก็รับทราบ แต่ยังคงปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน และเตรียมที่จะให้การแนะนำพยานหลักฐานมาประกอบเพิ่มเติม
ภายหลังการรับทราบตามหมายจับ น.ส.พิชญ์นรี เปิดใจว่า หลังจากทราบว่า ถูกออกหมายจับ ตนเองก็ได้เดินทางมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและไม่ได้มีการหลบหนี โดยการเดินทางมาในวันนี้พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในเรื่องของข้อมูลและเกี่ยวกับความเข้าใจผิดทั้งหมด ซึ่งตนเองก็เข้าใจในความผิดพลาด ทั้งเรื่องของการสื่อสารและการโพสต์ของลูกทีม ที่อาจมีความเข้าใจคาดเคลื่อนในการโพสต์จนเป็นเหตุทำให้สังคมและประชาชนเข้าใจผิด
ส่วนตัวยังคงมุ่งมั่นว่า ในฐานะคนหนึ่งที่ต้องการผักดันให้ทุกคนมีสิ่งที่ดีขึ้นในชีวิตก็ยังคงยืนยันเจตนารมณ์ที่ดี แต่ในเมื่อบางอย่างมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น ก็พร้อมที่จะชี้แจงเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และพร้อมให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกด้าน
น.ส.พิชญ์นรี เผยอีกว่า ตนเองเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้อาจจะเกิดจากความผิดพลาด แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวงใคร อาจจะมีผิดพลาดทางเทคนิคหรือกติกา จนเป็นเหตุทำให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องของตัวเลขและข้อมูลการโพสต์ แต่ตนเองยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่คำชวนเชื่อ แต่พร้อมที่จะชี้แจงและให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนอย่างเต็มที่ “ตนไม่ได้สร้างเรื่อง เพื่อหลอกลวงหรือชวนเชื่อใคร ไม่มีการสร้างเรื่องใด ๆ ”
ส่วนรายละเอียดอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโพสต์ของลูกทีม หรือแม้กระทั่งเรื่องของจำนวนตัวเลข และแม้แต่เรื่องของที่มาของการเงิน ทั้งหมดมีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่ตนเองจะยังไม่ขอตอบอะไร รอให้การกับเจ้าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน เพราะกลัวว่าสิ่งที่พูดออกไปนั้นจะไปกระทบต่อสำนวนคดี และกระทบต่อขั้นตอนการทำงานของตำรวจ แต่ส่วนตัวก็ยังยืนยันความบริสุทธิ์ใจและกล่าวย้ำกับสังคมอีกว่า “ไม่ได้มีการหลอกลวง หรือชวนเชื่อ หรือหลอกใคร” น.ส.พิชญ์นรี กล่าว
ทีมข่าวยังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในวันนี้นอกจากตัวของ น.ส.พิชญ์นรี ในฐานะเจ้าของแบรนด์ จะเดินทางมามอบตัวหลังมีหมายจับ ยังมี น.ส.มนีนุช เทียนสว่าง ที่ถูกจับมี่สนามบิน อีกทั้งตำรวจได้มีการไปเชิญตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติม ในพื้นที่ศรีราชา และรวมถึงพื้นที่จังหวัดสงขลา ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนพาตัวมาที่ สอท. เพื่อดำเนินการสอบปากคำตามขั้นตอนของกฎหมาย
ด้าน พลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เผยว่า จากเหตุการณ์โพสต์ชวนเชื่อ จนนำไปสู่การออกหมายจับในคดีพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ เกี่ยวกับการหลอกลวงหรือชวนเชื่อว่า “ลงทุน 6,000 บาท ได้เงิน 15 ล้านบาท” โดยมี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษเอาไว้ในช่วง 22 ส.ค. 65 ซึ่งตอนนั้นตนเองยังไม่ได้เข้ามารับตำแหน่ง และทราบว่าจะคำร้องของบุคคลดังกล่าว ยังได้มีการดำเนินการร้องไปอีกหน่วนงานหนึ่ง คือ ปคบ. เกี่ยวกับเรื่องของสารอาหารเสริม ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ดังกล่าว ทราบว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของอัยการในการพิจารณาสั่งฟ้อง
ดังนั้นในเรื่องของการพิจารณาออกหมายจับตามคำร้องของผู้ร้อง จึงได้พิจารณาซึ่งเป็นไปตามมาตรการการกวาดล้างและสอดส่องดูแลเกี่ยวกับเรื่องของการโพสต์ชวนเชื่อ เพราะหนึ่งในนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันมีหลักฐานมีการโพสต์เกี่ยวกับการลงทุน และได้กำไร แต่ยังไม่ทราบที่มาที่ไปแต่เป็นลักษณะชวนเชื่อ จึงเข้าข่ายการกระทำผิด และได้มีการอนุมัติหมายจับ 11 หมาย โดยตอนนี้ดำเนินการจับกุมได้แล้ว 4 ราย และบางส่วนอยู่ระหว่างการติดตามตัว แต่ในจำนวนนี้ไม่รวมถึงแฟนหนุ่มของ น.ส.พิชญ์นรี
ตอนแรกหลังจากที่มีการอนุมัติหมายจับ เป็นขั้นตอนของหน่วยงานตำรวจที่จะดำเนินการจับกุมและติดตามขยายผล แต่ด้วยหลังจากที่มีการออกหมายจับ 11 หมาย มีน้องสะใภ้ของ น.ส.พิชญ์นรี ซึ่งกำลังจะเดินทางไปประเทศเกาหลี แต่ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบพบมีหมายจับ จึงได้ดำเนินการจับกุมก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการดำเนินการขยายผลต่อ หลังจากที่พบว่าในบรรดากลุ่มที่มีหมายจับกำลังจะออกนอกประเทศ จึงเป็นที่มาของการปิดล้อมตรวจค้นในวันนี้ แต่การตรวจ 2 จุด ทางบ้านพักส่วนตัวและรวมถึงบริษัทที่ตั้งในจังหวัดสมุทรปราการ ไม่พบตัวของ น.ส.พิชญ์นรี จึงเป็นที่มาของการขยายผลเพื่อไปดำเนินการจับกุมบุคคลที่มีหมายจับคนอื่น จนกระทั่งเจ้าตัวได้ติดต่อเข้ามาขอมอบตัวในช่วงบ่ายวันนี้
โดยลักษณะพฤติกรรมการกระทำผิด ทราบว่ามีการโพสต์เชิญชวนให้มีการลงทุน ลงทุน 6,000 บาท ในช่วงระยะเวลาเพียง 3 เดือน จะมีเงินถึง 15 ล้านบาท เมื่อการกระทำดังกล่าวถูกโพสต์ออกไปแล้ว จึงพบว่าเป็นการเข้าข่ายชวนเชื่อ และอาจทำให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อ แต่โดยเบื้องต้นตอนนี้พบแค่เพียงพฤติกรรมการโพสต์ของลูกทีมและเครือข่าย แต่ยังไม่พบว่ามีเหยื่อหรือผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนเพิ่มเติมนอกจากนายอัจฉริยะ
และกรณีการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.พิชญ์นรี ที่มีการพูดทำนองว่า การโพสต์อาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดของลูกทีม และมีการสื่อสารที่ผิดทำให้เข้าใจผิดในเรื่องของการโพสต์ตัวเลข นั้น พลตำรวจโทวรวัฒน์ เผยว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่อยู่ระหว่างการรวบรวมของชุดสืบสวนสอบสวน แต่จากพฤติกรรมเชื่อว่าการโพสต์ในประเด็นดังกล่าวมีเหตุเชื่อได้จึงทำให้มีการออกหมายจับ แต่เจตนาหรือหลักฐานจะเป็นอย่างไรนั้นอยู่ในขั้นตอนของการทำงาน ซึ่งจะบอกว่าใครรอดหรือใครต้องรับผิดนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการสอบสวนหลังจากนี้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการติดตามตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับทั้งหมด
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตำรวจสามารถออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายครั้งนี้ได้ โดยเฉพาะตัวของเจ้าของแบรนด์ คือ น.ส.พิชญ์นรี ทราบว่ามีการจดทะเบียนกับกรมธุรกิจการค้า โดยมีรายงานเกี่ยวกับกำไรและการเสียภาษีมูลค่าไม่สูงมากนัก และไม่ได้มีความสอดคล้อง กลับข้อเท็จจริงโดยเฉพาะตัวเลขของมูลค่าที่มีการโพสต์ชวนเชื่อหรือจำนวนเงินหมุนเวียน
พลตำรวจโทวรวัฒน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ดาราชื่อดัง หรือแม้แต่ดาราบางคนที่กำลังถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงให้มีการลงทุนเงินตราว่า ทุกอย่างอยู่ระหว่างขั้นตอนของการตรวจสอบ เพราะจะต้องมีการพูดถึงเรื่องของเส้นทางการเงินทั้งหมด หากจะเข้าข่ายว่าเป็นการฟอกเงินหรือไม่นั้น ก็ต้องดูเอกสารหลักฐานที่มีการตรวจยึดเพิ่มในวันนี้ โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สมุดบัญชี ซึ่งทั้งหมดก็จะสามารถเชื่อมโยงเกี่ยวกับที่มาที่ไปของเงินได้ จึงยังไม่สามารถที่จะระบุได้แน่ชัดในขั้นตอนนี้
ทีมข่าวตรวจสอบอินสตาแกรมส่วนตัวของ น.ส.นิ่ม ซึ่งเป็นลูกทีมหรือเครือข่ายของ น.ส.พิชญ์นรี ที่เป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกออกหมายจับ 11 คน โดยความเคลื่อนไหวของ น.ส.นิ่ม ยังมีการโพสต์สตอรี่ไปทานข้าวกับคนในครอบครัว แล้วยังมีการโพสต์เมื่อ 14.40 น. เป็นเวลาเดียวกันก่อนที่เจ้าของแบรนด์จะมามอบตัว ยังมีการโพสต์ภายในสวนทุเรียนซึ่งเป็นการโพสต์กับคนในครอบครัว
และในช่วงที่ น.ส.พิชญ์นรี เข้ามามอบตัวกับตำรวจ สอท. ทีมข่าวได้พยายามติดต่อไปหา น.ส.นิ่ม เจ้าตัวบอกเพียงสั้น ๆ ว่า ยังไม่รู้ว่ากำลังมีหมายจับ และยังไม่รู้ว่าเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ถูกออกหมายจับอยู่ในตอนนี้ ระบุว่า “ยังไม่ทราบเรื่องเมย์ที่โดนออกหมายจับ และยังไม่ทราบว่า ตัวเองถูกออกหมายจับ” ก่อนที่ น.ส.นิ่ม จะวางสายไป
Advertisement