เป็นประเด็นข่าวที่คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่ "ดีเจมะตูม" เตชินท์ พลอยเพชร พร้อม ก้ง 101 ผู้เสียหาย วางแผนล่อจับมิจฉาชีพหลอกลงทุน โดยแอบอ้างชื่อ ดีเจมะตูม หว่านล้อมเหยือให้หลงเชื่อ รวมความเสียหายเป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท ล่าสุด ดีเจมะตูมนำทัพผู้เสียหายมาเปิดโปงพฤติกรรมมิจฉาชีพ ในรายการโหนกระแสแบบช็อตต่อช็อตนั้น
วันที่ 17 ม.ค. 66 ดีเจมะตูม เปิดเผยว่า มีมิจฉาชีพรายหนึ่งได้แอบอ้างชื่อของตนไปหลอก ก้ง 101 ผู้เสียหาย บอกว่ารู้จักสนิทกับตนมานาน จนก้งหลงเชื่อสูญเงินไป 8 ล้านบาท ตนจึงมองว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ตนไม่สบายใจออกมาช่วยอย่างเต็มที่ ตนขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในขบวนการ ตนจึงร่วมจัดฉากจับโจรนัดแนะกับทนาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ก่อน ภายในร้านร้านของตน ซึ่งเขาก็อยากเจอตนอยู่แล้ว เพราะเขาไม่เคยได้เงินของตน หลังจากนั้นตำรวจก็คุมตัวไป สน.บางซื่อ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์วันนั้นไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือหนักสุดเพียงราดน้ำลงบนหัว ยอมรับว่าวันนั้นตนก็กลัวเขามีอาวุธ ไม่ระเบิดก็ปืน ทั้งนี้ ตนเข้าใจความรู้สึกผู้เสียหาย เพราะรวมผู้ถูกหลอกรวมความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท บางคนอยากฆ่าตัวตาย
ส่วนความสัมพันธ์กับหญิงมิจฉาชีพ ตนรู้จักเขาไม่ถึง 1 เดือน ซึ่งเขาทำทีตีเนียนสร้างความสนิทในฐานะลูกค้าร้านย่านอารีย์ร้านของตน และตบตาด้วยการทำตัวรวย ซึ่งตนมาเริ่มจับสังเกตได้ว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากล คือเหตุการณ์ที่เขามาหลอกตนและเลขาให้ร่วมทำธุรกิจ และจะมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ ด้านเลขาก็ประสานทุกอย่างเรียบร้อย แต่วันจ่ายเงินเขาไม่มา
อย่างไรก็ตามเขาได้มีการโอนเงินมาบัญชีเลขา 1 ล้านบาทเป็นค่าที่ดิน แต่ไม่ถึงชั่วโมง เขาให้โอนกลับ บอกจะไปจ่ายเงินสดเอง ซึ่งการทำธุรกรรมตรงนี้จึงเป็นจุดบอด เพราะตนได้นำชื่อบัญชีไปตรวจสอบ ทำให้ทราบว่าเขามีคดีถุงมือยาง และ ATK หลาย 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ตนไม่ได้ทำตามอำเภอใจ แต่ทำเพื่อแสดงออกว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ยันความโปร่งใส ไม่ได้ช่วยคนร้าย ตนเป็นเหยืjอ จึงต้องออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง หลังจากนี้ตนต้องปรึกษาทนายให้มาดูเรื่องของคดี แต่ถ้าเขาฟ้องมาตนก็พร้อมฟ้องกลับ แต่ถ้าตนโดนฟ้องเพื่อตามหาความยุติธรรมก็ไม่เป็นไร หากเรายืนหยัดในความถูกต้อง ตนก็เชื่อว่าสิ่งดี ๆ ก็ต้องรอตนอยู่เช่นกัน ซึ่งตนเหนื่อยมาก อยากขอโทษแม่ เพราะเคยสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องที่ทำให้แม่เครียดอีก แต่อยากให้แม่รู้ว่าตนบริสุทธิ์ใจ
สุดท้ายในอนาคตหากใครอยากจะร่วมทำธุรกิจหรือร่วมงานต้องติดต่อผ่านตนโดยตรง และเราก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครคือคนร้ายที่จะมาหลอกอีกหรือไม่
นายก่อเกียรติ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ผู้เสียหายที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถูกวาวาหลอกลงทุนชุด PPE เเละถุงมือยาง เสียหายไปมูลค่าประมาณ 23 ล้านบาท เปิดเผยว่า เมื่อปี 2563 ตนเองไม่ได้รู้จักกับวาวาเป็นการส่วนตัว เเต่ตนรู้จักผ่านเพื่อนสนิทที่เป็นพาร์ตเนอร์ทำธุรกิจด้วยกัน จุดเริ่มต้นมาจากเพื่อนตนโทรมาหาบอกว่า ขอยืมเงินจำนวน 1.6 ล้านบาท เพราะเขาเงินไม่พอในการที่จะลงทุนธุรกิจซื้อชุด PPE เพราะว่าได้รับออเดอร์จากหมอจาก รพ. ดังมาเเล้ว มีออร์เดอร์สินค้ามาเเล้ว ตอนนี้เหลือเเค่ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าสินค้า เอาสินค้าไปให้โรงพยาบาลก็จะจบภายใน 1 วัน ซึ่งเงินก้อนแรกที่เพื่อนยืมไป ตนก็ได้เงินคืนมาภายใน 2-3 วันหลังจากยืม
ต่อมาเพื่อนก็บอกว่ามีออเดอร์มาอีกล็อตหนึ่ง เพื่อนเงินไม่พอ จึงมายืมตนอีก ตนจึงได้เตือนเพื่อนไปว่า "มั่นใจเเล้วใช่ไหมที่จะลงทุนกับเขา ตรวจเช็กประวัติเขาดีเเล้วใช่ไหม" เพื่อนก็ยืนยัน ตนก็ไว้ใจเพื่อน เพราะหากมีอะไรเพื่อนก็คงรับผิดชอบได้ ตนจึงยอมให้ยืมรอบที่ 2 ก็บอกว่ามีสินค้าถูกสั่งมาอีกล็อตหนึ่งต้องยืมเงินอีก ตนจึงให้เงินเป็นก้อนที่ 3 รวมทั้งหมด 7 ล้านบาท
จากนั้นเพื่อนของตนก็มาบอกตามตรงว่าเงิน 7 ล้านบาทที่ยืมไปไม่สามารถเอามาคืนได้ตามที่ตกลงไว้ เพราะสินค้าที่หมอสั่งเป็นล็อตใหญ่มีทั้งชุด PPE เเละถุงมือยาง จะส่งอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ จะต้องส่งทั้ง 2 อย่าง อีกฝ่ายถึงจะจ่ายเงิน ซึ่งเงิน 7 ล้านตอนเเรกที่ลงทุนไปเเค่ซื้อชุด PPE เท่านั้น ไม่ได้ลงทุนถุงมือยาง อีกทั้งยังส่งชุด PPE ไปแล้ว เเต่ยังไม่ได้เงินคืน จนกว่าจะมีถุงมือยางด้วย
ต่อมาเพื่อนสนิทตนก็พาไปเจอคุณวาวาที่โกดัง เพื่อให้ตนเห็นว่าเงินทั้งหมดที่ลงทุนไปเอามาลงทุนซื้อสินค้าจริง ๆ แต่ตนไม่รู้เลยว่าสินค้าทั้งหมดในโกดังเท่ากับมูลค่าที่ตนเสียเงินไปหรือไม่ แต่มีสินค้าจริง ก่อนพวกตนจะช่วยกันคิดวิธีเพื่อให้สามารถปิดออร์เดอร์นั้นได้ ก็คือการเอาเงินมาลงทุนเพิ่ม ซึ่งเบ็ดเสร็จเเล้วตนหาเงินมาเพิ่มอีก 16 ล้านบาท รวม 23 ล้านบาท ส่วนของเพื่อนอีก 26 ล้านบาท รวม 49 ล้านบาท จนสุดท้ายก็มารู้ตัวว่าถูกวาวาหลอก เพื่อนตนเครียดมากถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย
ส่วนสาเหตุที่ 3 ปีผ่านมาเเล้วคดีไม่คืบหน้า เพราะพวกตนแยกกันฟ้อง ไม่ได้มารวมตัวกันเหมือนวันนี้ ทำให้วาวาลอยนวลและไปหลอกคนอื่นอยู่เรื่อยมา ซึ่งสำหรับใครที่ยอดเล็ก วาวาจะพยายามเคลียร์ให้จบ แต่ถ้าเป็นยอดใหญ่ ๆ อย่างตน วาวาจะไม่มาเคลียร์ ปล่อยให้ฟ้อง และใช้วิธีการเลื่อนนัดไปเรื่อย ๆ อ้างว่าเดี๋ยวคืน 3 วัน 7 วัน เลื่อนไปแบบนี้ตลอด จนคดีผ่านไป ตนฟ้องหลายคดี ทั้งคดีลักทรัพย์ คดีเช็ค คดีฉ้อโกง
หลังจากเมื่อคืนนี้ตนทราบข่าวว่าดีเจมะตูมจับวาวาได้ ตนยอมยกเลิกประชุม และยกเลิกงานทุกอย่างเพื่อมาออกรายการในวันนี้ เพราะตอนเเรกตนถอดใจเเล้วว่าตนถูกหลอก ไม่สามารถได้เงินคืนเเน่นอน ตอนนี้ตนใจชื้นขึ้น อยากจะออกมาให้ข้อมูลว่าวาวาหลอกคนมาเยอะมากเเล้ว หลอกคนมาก่อน 3 ปีที่เเล้วด้วย ตนอยากจะเชิญชวนคนที่เสียหายจากวาวามารวมตัวกัน เพื่อให้มีมูลค่าความเสียหายมากขึ้น จะกลายเป็นคดีใหญ่ เท่าที่ตนรู้ผู้เสียหายมีมากถึง 30-40 คน รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เพราะเเค่วันนี้ที่มาก็ประมาณ 60-70 ล้านเเล้ว
นางพัชรี ซูซูกิ อายุ 52 ปี ผู้เสียหายจากการถูกหลอกซื้อสลากลอตเตอรี่ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2564 ตนขายลอตเตอรี่มีหน้าร้านแผงลอตเตอรี่อยู่ที่ จ.ระยอง ตอนนั้นวาวาใช้ชื่อว่า “ข้าวปุ้น” สามีก็นั่งรถมาเเละบอกว่าตัวเองมีลอตเตอรี่ ตนก็เริ่มซื้อจากน้อย ๆ เเละค่อยมากขึ้น ซึ่งชื่อในวงการของวาวาที่สนามบินน้ำจะมีทั้ง เเพร เเม่ลูกอ่อน เเละวิ ซึ่งย่อมาจากชื่อจริงเดิม
หลังจากนั้นวาวาก็เริ่มบอกว่าตัวเองมีหวยชุด 5 ใบให้ตนซื้อ ต่อมาก็ลูกค้าเเอดมาซื้อหวยกับตนในไลน์ ตนมารู้ภายหลังว่าคือบัญชีไลน์ปลอม ให้ตนไปจองหวยกับวาวาหรือข้าวปุ้นอีกทีหนึ่ง เป็นแบบนี้บ่อยครั้ง มีการเปลี่ยนเสียงโทรมาหาตนขอซื้อหวย จนตนต้องไปจองหวยกับวาวาหรือข้าวปุ้น
ทั้งนี้ ตนเองยังเคยไปรับลอตเตอรี่ที่บ้านวาวาอยู่เเถวเส้นกาญจนาภิเษก เเต่ความจริงเป็นบ้านเช่า ซึ่งบ้านหลังนี้ก็ดูดีมีฐานะ มีพ่อเเม่วาวา สามี เเละพี่สะใภ้มาช่วยกันขนลอตเตอรี่เข้าบ้านไม่พอวาวายังอ้างว่าพ่อตัวเองเป็นทหารยศใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการเเอบอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ที่เป็นมือขวาของพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีอีกด้วย
นอกจานี้ วาวายังเอาหวยราคาเเพงมาขายให้ตนราคาถูก ทำให้ตนสั่งซื้อมากขึ้น เช่นเขาซื้อมากัน ราคาใบละ 91-92 บาท เเต่วาวาเอามาขายต่อในใบละราคา 76 บาท ซึ่งช่วงเเรกก็ได้ของจริง ทำให้ตนไว้ใจ จนพักหลังตนจึงได้ส่งเงินไปก่อน เเต่ก็ไม่ได้ลอตเตอรี่ซึ่งนอกเหนือจากตนที่โดนเเล้ว ยังมีผู้เสียหายรายอื่นที่ถูกหลอกเช่นกัน จนมาทราบว่าสมัยนี้มีเเอปพลิเคชันเปลี่ยนเสียง จึงทำให้ทราบว่าวาวาเป็นคนจัดฉากทั้งหมด รวมทั้งหมดเเล้วตนเสียหายไป 10 กว่าล้านบาท เเละรวมกับเพื่อนทั้งหมดประมาณ 15 ล้านบาท ตนอยากจะตั้งคำถามว่าผู้หญิงคนนี้มีคดีมากถึง 30 คดี ทำไมถึงยังลอยนวลอยู่ได้ จะต้องรอให้มีผู้เสียหายมากกว่านี้ หรือต้องรอให้ผู้เสียหายฆ่าตัวตายก่อนหรือไม่ ถึงจะสามารถจับได้
ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ กล่าวว่าประเด็นของดีเจมะตูม ในการจะไปควบคุมตัวคนร้ายมันไม่ใช่หน้าที่ของดีเจมะตูม เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายควบคุมผู้ต้องหา ตามหมายจับเท่านั้น ถึงจะไปจับนอกโรงพักหรือนอกสภ. ได้
คำถามก็คือระหว่างการเค้นถามระหว่างตรวจสอบเรื่องราวมีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น มีการคุกคาม ตนมองว่าไปเปิดกำไล EM สร้างความอับอายให้กับเขาอีกมุม ถ้าฝ่ายมะตูมเสียหาย 8 ล้านบาท ให้ไปดำเนินคดีฐานฉ้อโกง ให้ไปใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย แจ้งความดำเนินคดีกับทางตำรวจตามกฎหมาย
ไปแจ้งความตำรวจดำเนินคดีอัยการส่งฟ้องศาล คือขั้นตอนปกติ และเพื่อจะไม่ถูกฟ้อง แต่เมื่อใจเร็วใช้วิธีการนัดมาหลอกมา แล้วบังคับห้ามออกจากร้าน บังคับให้มอบโทรศัพท์มือถือ ด่าทอเขา และหนักที่สุดมีการตบหัวไป 1 ที คนที่ยืนอยู่ในวงจะโดนข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย หรือสนับสนุนให้ทำความผิดเกิดขึ้น
Advertisement