จากกรณีหญิงรายหนึ่งในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ร้องเรียนผ่านสื่อฯ ว่ามีปัญหากันกับเพื่อนบ้าน ถูกเพื่อนบ้านยกพวกบุกมารุมด่าหน้าบ้านหลายครั้ง เป็นปัญหาเรื้อรังกันมานาน สาเหตุเกิดจากฝ่ายผู้ร้องทำน้ำเปียกถนน ทำให้เพื่อนบ้านไม่พอใจ โดยผู้ร้องได้ส่งคลิปวงจรปิดมาให้ทีมข่าว
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 65 เวลา 11.22 น. เพื่อนบ้านยกพวกบุกมาหาเรื่องที่หน้าบ้าน มาด่าเรื่องที่จอดรถ เรื่องผู้ร้องจอดรถขวางทางเข้าออก และหาเรื่องจะทำร้ายคนในบ้าน และเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 65 เวลา 10.44 น. เพื่อนบ้านขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าบ้านเเล้วตะโกนด่า
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 65 เวลา 10.00 น. เพื่อนบ้านบุกมายืนด่าหน้าบ้าน ต่อมาเวลา 15.16 น. ในวันเดียวกันเพื่อนบ้านยกพวกบุกมาหาเรื่องที่บ้าน มีการท้าทายคนในบ้านให้ออกมาต่อยกัน โดยเพื่อนบ้านมีการถือไม้มาด้วย และล่าสุดเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 66 เวลา 16.50 น. เพื่อนบ้านบุกมาด่าที่หน้าบ้าน เรื่องทำถนนเปียก โดยในคลิปเพื่อนบ้านมีการตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย
วันที่ 17 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ อยู่ในพื้นที่หมู่ 5 ต.บ่อตาโล่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายอุกฤษณ์ มะมัง อายุ 29 ปี คนในบ้านที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นปัญหาเรื้อรังสะสมกันมานานหลายเรื่อง จุดเริ่มต้นเกิดจากเรื่องที่จอดรถ เนื่องจากบ้านของตนมีอาชีพขับรถตู้ทึบขายของก็จะมีการจอดรถหน้าบ้านเพื่อลงของ ซึ่งจอดไม่นาน ประมาณ 20 นาที แต่ทางเพื่อนบ้านไม่พอใจ มาด่าว่ารถเข้าออกไม่ได้
นายอุกฤษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนั้นตนก็พยายามอธิบายว่าขอจอดแค่เเป๊บเดียว แต่ทางคู่กรณีก็ไม่ฟัง บุกมาด่าหน้าบ้านหลายครั้ง ทางฝ่ายตนเมื่อโดนด่าบ่อย ๆ ก็มีอารมณ์โมโห และด่าสวนกลับไป ทำให้เกิดความบาดหมางกันเรื่อยมา เวลาเพื่อนบ้านขับรถผ่านก็จะตะโกนด่าใส่บ้านตน จากนั้นตนเองจึงได้ติดกล้องวงจรปิดไว้ที่บ้าน เพื่อให้มีหลักฐานเวลาเพื่อนบ้านบุกมาหาเรื่อง
ซึ่งต่อมาผู้ใหญ่บ้านได้เข้ามาแก้ไขปัญหา โดยการเอาเชือกมาขึงเป็นเส้นที่จอดรถ ให้เหลือช่องว่าง 3 เมตร สำหรับให้รถเข้า-ออก ปัญหาเรื่องที่จอดรถจึงจบไป หลังจากนั้นก็มีปัญหาใหม่อีก คือตนเองเอาประป๋องสีไปวางไว้บนถนนหน้าบ้าน เพราะเด็ก ๆ ในบ้านชอบไปวิ่งเล่น จึงวางกระป๋องกั้นเขตไว้ ไม่ให้รถชนเด็ก แต่เพื่อนบ้านก็ขับรถเร็วมาก และบอกว่าเกะกะ ซึ่งคนในบ้านเเค่เตือนไปว่าให้ขับรถเบา ๆ หน่อย เเต่อีกฝ่ายกลับบุกมาหาเรื่องที่บ้านอีก บางครั้งเพื่อนบ้านก็ถือไม้มาด้วย จนกระทั่งครั้งล่าสุดก็มีปัญหาอีกเรื่องที่พ่อของตนล้างรถเเล้วถนนเปียก ทางเพื่อนบ้านก็บุกมาหาเรื่องอีก ซึ่งที่ผ่านมาพ่อของตนก็ล้างรถไม่บ่อย เพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเเก้ปัญหา
จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของเพื่อนบ้านคู่กรณีซึ่งอยู่ติดกัน ได้พูดคุยกับ น.ส.ไลลา โต๊ะฤทธิ์ อายุ 40 ปี บอกว่าจุดเริ่มต้นของปัญหา เกิดจากคู่กรณีจอดรถขวางทาง โดยจอด 2 ฝั่งถนน ในลักษณะสลับฟันปลา โดยตนได้ถ่ายคลิปลักษณะการจอดไว้ด้วย โดยในคลิปจะเห็นว่ารถกระบะตู้ทึบของบ้านคู่กรณี มีการจอดรถลงของอยู่ 2 ฝั่งถนน ทำให้รถไม่สามารถสัญจรเข้า-ออกซอยได้
ซึ่งบ้านของตนอยู่ท้ายซอย ทำให้การเข้า-ออกลำบาก จึงไปขอร้องดี ๆ ว่าให้จอดฝั่งเดียวได้ไหม อย่าจอด 2 ฝั่ง ตอนเเรกก็คุยกันดี ๆ เเต่ช่วงหลังฝั่งคู่กรณีเริ่มพูดจาไม่ดี จึงเริ่มมีอารมณ์ทะเลาะกัน ส่วนอีกคลิปที่เห็นว่าตนเดินถือไม้ไปหน้าบ้านคู่กรณี เนื่องจากก่อนหน้านั้น น้องเขยของตนกำลังขับรถออกไปขายของ เเต่เมื่อผ่านหน้าบ้านคู่กรณี วัยรุ่นที่อยู่ในบ้านได้ตะโกนให้กล้วย เเละท้าทายให้ลงจากรถมาต่อยกัน เเต่คนในรถก็พยายามห้ามน้องเขยไว้ จึงไม่มีเหตุบานปลาย เเต่หลังจากไปขายของเสร็จ ตนเองเเละน้องเขยจึงไปที่บ้านของคู่กรณี เพื่อจะไปเคลียร์ว่าใครเป็นคนตะโกนด่า ซึ่งเรื่องนี้ได้เคลียร์กันจบไปเเล้ว หลังจากนั้นทางฝ่ายคู่กรณีก็มักจะตะโกนให้กล้วยบ้านตนตลอด
จนกระทั่งมามีปัญหาใหม่ คือบ้านคู่กรณีล้างรถทุกวันทำให้ถนนเปียก บางครั้งน้ำไหลมาถึงหน้าบ้านตน เเต่พอตักเตือนไป ผู้ชายในบ้านคู่กรณีก็ตะโกนกลับมาว่า "บ้านกู กูจะทำอะไรก็ได้" ตนเองจึงบุกไปด่าที่หน้าบ้าน ยืนยันว่าครั้งล่าสุดตนเองไปคนเดียว ส่วนคนอื่น ๆ ที่เห็นในคลิป เป็นญาติที่เดินตามมาห้าม ไม่ได้ยกพวกไปหาเรื่องตามที่คู่กรณีกล่าวหา ดังนั้นที่มีปัญหากันอยู่ตอนนี้ 2 เรื่อง คือเรื่องจอดรถกีดขวาง กับเรื่องการล้างรถทำถนนเปียก หากเเก้ไขปัญหา 2 อย่างนี้ได้ทุกอย่างก็จบ เพราะตนไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนบ้าน
ล่าสุดช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทางด้านปลัดอำเภอวังน้อย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อบต.บ่อตาโล่ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ได้ลงพื้นที่มารับฟังปัญหาจากทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหาทางเเก้ไขปัญหาดังกล่าว
นายสุรเดช สำลี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทราบว่าทั้ง 2 ครอบครัว มีปัญหาเรื้อรังกันมานาน 2 ปีเเล้ว ตอนเเรกมีปัญหาเรื่องที่จอดรถ ตนเองก็เข้ามาไกล่เกลี่ย เเล้วขึงเชือกกำหนดเขตจอดรถให้เว้นช่องว่าง 3 เมตร สำหรับรถเข้า-ออก ปัญหาดังกล่าวก็ยุติ แต่หลังจากนั้นก็มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ ต่างฝ่ายก็ต่างไม่ยอมกัน ทำให้กลายเป็นความบาดหมางเรื้อรังกันมา
เบื้องต้น วันนี้ทางผู้นำชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงมารับฟังปัญหาแล้ว หลังจากนี้จะตั้งโต๊ะเจรจา จะเชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน อย่างไรก็ตามขอฝากถึงลูกบ้านทั้ง 2 ฝ่าย อะไรยอมกันได้ก็อยากให้ยอมกัน
Advertisement