จับยกแก๊งพ่อลูกโหดฆ่าหนุ่มตามหาเมีย ช็อกถุงมัดหัวจ่อฝังดิน (คลิป)

วันที่ 5 ม.ค. 66 ญาติของผู้เสียชีวิตได้โทรศัพท์เข้ามาแจ้งกับทางอมรินทร์ ทีวี ว่าพบศพผู้เสียชีวิต ภายในป่าสวนยาง บริเวณเขาหูโตน ม.6 ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ญาติผู้เสียชีวิตเกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้าแจ้งให้อมรินทร์ติดต่ามข่าว

โดยสถานีตำรวจภูธรทุ่งลุง เจ้าหน้าที่กู้ภัย พร้อมด้วยแพทย์นิติเวช รพ.มอ หน่วยพิสูจน์หลักฐานตำรวจ 9 เดินทางไปตรวจสอบจุดพบศพ บริเวณบนเขาหูโตน ม.6 ต.พะตง เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าเข้าไปที่เกิดเหตุระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อเข้าไปยังจุดพบศพ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตได้ตกลงไปด้านล่างเขาระยะทาง 40 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องใช้เชือกดึงร่างขึ้นเพื่อที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมา

ผู้เสียชีวิตคือ นายอดิศักดิ์ กฐินทอง หรือ เต้ อายุ 31 ปี สภาพศพขึ้นอืด สวมเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้น นอนหัวลงไปด้านล่างของต้นเขา ศีรษะถูกคลุมด้วยถุงพลาสติก บริเวณลำคอถูกพันด้วยผ้าขุนหนู ใบหน้าถูกตีด้วยของแข็งจนเละ บริเวณหน้าผากถูกยิงด้วยกระสุนปืน 1นัด ตามแขนและลำตัวมีลอยถูกตีและของแข็ง นิ้วก้อยมือซ้ายถูกตัด ศพถูกทิ้งห่างอยู่กลางป่ายาง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เส้นทางเป็นป่าเนินเขา

ทราบผู้ก่อเหตุทั้ง 3 รายคือ นายเสน่ห์ สุกเกลี้ยง หรือ เขียว อายุ 53 ปี, นายสุรพงค์ หัสเรืองศรี หรือ ต้น อายุ 33 ปี และนายประกอบ ทองทวี หรือ นายกอบ อายุ 46 ปี

ศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย และร่วมกันลอบฝัง ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยได้รับอนุญาติ, พกพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาติและไม่มีเหตุอันควร

วันที่ 6 ม.ค. 66 นายฟลุค (นามสมมติ) อายุ 19 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิต เล่าว่า คือวันที่ 31 ธ.ค. 65 เวลา 21.00 น. นายอดิศักดิ์ กฐินทอง ผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาตามตนที่บ้านบอกว่าจะให้ช่วยออกไปตามหาเมียที่หายตัวไปงาน 1 เดือน เพราะทราบเบาะแสว่า เมียได้หนีไปอยู่อาศัยที่บ้านแห่งหนึ่ง บริเวณเขาหูโตน ม.6 ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอดิศักดิ์จึงเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์พาไปส่วนตนนั้น เป็นคนซ้อน

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคือบ้านของนายสุรพงค์ หัสเรืองศรี หรือ ต้น อายุ 33 ปี ผู้ก่อเหตุ นายอดิศักดิ์ ได้จอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่หน้าบ้าน ยืนเรียกคนที่อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวไม่นาน นายสุรพงค์ ก็เปิดประตูบ้านออกมาดู ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง เพื่อโทรตามนายเสน่ห์ สุกเกลี้ยง หรือ เขียว อายุ 53 ปี พ่อตา และนายประกอบ ทองทวี หรือ กอบ อายุ 46 ปี เพื่อนบ้าน เมื่อทั้งคู่ขี่รถจักรยานยนต์มาถึง ก็จอดรถจักรยานยนต์หน้าบ้านที่เกิดเกตุ เมื่อมาถึงก็มายืนล้อมผู้ตายอยู่หน้าบ้าน โดยนายสเน่ห์ ยืนอยู่ด้านขวา ของผู้ตาย ส่วนนายประกอบยืนอยู่ด้านหลัง ส่วนนายสุรพงค์ยืนอยู่ตรงข้ามกับผู้ตาย

จากนั้น นายสุรพงค์ก็ได้ถามนายอดิศักดิ์ว่า "มึงรู้ได้ยังไงว่าเมียมึงอยู่ที่นี่" นายอดิศักดิ์ผู้ตายจึงบอกว่าได้เบาะแสมาจากชาวพม่า ในพื้นที่ บอกว่าเมียมาที่นี่ จากนั้นนายสุรพงศ์ได้บอกว่าจะไปตามชาวพม่าคนนั้นมา จากนั้นก็ได้ลุกแล้วหยิบไม้เข้ามาตีนายอดิศักดิ์ ผู้เสียชีวิต 1 ครั้งทันที เห็นท่าไม่ดีนายอดิศักดิ์จึงวิ่งหนีผ่านหน้า ตนที่นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ขึ้นไปบนหูโตน

จากนั้นนายเสน่ห์ หรือ เขียว ได้ชักอาวุธปืนสั้น ยิงใส่ผู้ตาย 1 นัด ซึ่งกระสุนไปโดนต้นไม้ จากนั้นนายเสน่ห์หันมาบอกว่าให้ตนกลับบ้านไป ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์ออกจากที่เกิดเหตุ เมื่อหันมาดูก็เห็นว่า นายสุรพงศ์ และนายเสน่ห์ได้วิ่งขึ้นตามนายอดิศักดิ์ ผู้ตายไป
จากนั้นตนจึงขี่รถจักรยานยนต์และได้แจ้งให้กับครอบครัวของนายอดิศักดิ์ทราบว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จากนั้นนายอดิศักดิ์ ผู้เสียชีวิต ก็ได้หายตัวไปจนพ่อของผู้เสียชีวิต และครอบครัวได้ออกตามหาจนมาพบว่าเป็นศพอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ในวันที่ 5 ม.ค. 66 ในสภาพศพที่ถูกฆ่าอำพรางนำไปทิ้งกลางป่า

นายอดิศร กฐิน อายุ 28 ปี น้องชายของผู้เสียชีวิต พาผู้สื่อข่าวดูจุดที่พบศพผู้เสียชีวิต พร้อทเล่าว่าหลังจากที่ผู้เสียหายได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 65 ทางครอบครัวก็ได้ออกตามหาเรื่อยมา ได้มาตามหาบริเวณที่ใกล้เคียงกับจุดที่พบศพหลายครั้ง แต่ว่าก็ไม่พบศพของผู้เสียชีวิต จนคืนวันที่ 4 ม.ค.66 เมียของตนฝันว่านายอดิศักดิ์ผู้เสียชีวิตมายืนเรียกอยู่หน้าบ้าน วันที่ 5 ม.ค. 66 ตนและนายนคร กระฐินทอง ผู้เป็นพ่อได้ นำสุนัขที่เลี้ยงไว้ที่บ้านออกตามหาผู้เสียชีวิต เมื่อเดินทางมาใกล้ถึงกับจุดที่พบศพ นายนครได้ตัดสินใจจุดธูปแล้วกล้าบอกเจ้าที่เจ้าทางว่า "ขอให้พบศพของผู้เสียชีวิต ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม แต่ขอให้พบเจอ"

จากนั้นทำการค้นหาภายในป่าสวนยาง บริเวณเขาหูโตน ห่างจากบ้านผู้ก่อเหตุเพียง 500 เมตร แต่คราวนี้ได้กลิ่นเหม็นเน่าของศพโชยมาแต่ไกล ทำให้สุนัขที่เลี้ยงเอาไว้เห่า และวิ่งนำไปยังจุดที่พบศพของผู้เสียชีวิต โดยจุดที่จะลงไปยังศพของผู้เสียชีวิตตรงนั้นเป็นทางลงเขา เห็นว่ามีรอยลากคล้ายกับคนลากศพ วันที่ตนมาถึงตรงนี้มีรอยเลือดของพี่ชายอยู่บนพื้นดิน เมื่อเดินลงไปตนพบกระเป๋ากางเกงของพี่ชายขาดอยู่บนพื้น ซึ่งคิดว่าเกิดจากการลากศพเอามาทิ้งไว้ในป่า ทำให้กระเป๋ากางเกงด้านหลังขาด

เมื่อเดินไปยังศพของพี่ชายก็พบว่าสภาพศพเน่าเหม็นขึ้นอืด ศีรษะหันลงเขา ศีรษะของผู้เสียชีวิตถูกคุมด้วยถุงพลาสติก ที่คอถูกพันด้วยผ้า ใบหน้าถูกของแข็งตีจนไม่เหลือสภาพเดิม ลำตัวและแขนถูกตีด้วยของแข็ง นิ้วก้อยมือซ้ายถูกตัด ตนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุนั้นได้ทำการทรมานพี่ชายก่อนที่จะฆ่าทิ้ งแล้วร่วมกันนำศพมาอำพรางไว้ในป่าแห่งนี้ เพื่อเป็นการอำพรางคดี ตนและพ่อเคยไปตายหาผู้ตาย และสอบถามบ้านที่เกิดเหตุแล้วว่าพบเห็นพี่ชายมาที่นี่หรือไม่ แต่ผู้ก่อเหตุกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนตนมาพบศพของผู้เสียชีวิตในที่สุด ตอนนั้นรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะว่าผู้ก่อเหตุทำกับพี่ชายของตนเหมือนหมูเหมือนหมา เอาศพมาทิ้งกลางป่าเพื่ออำพรางคดี ตนนั้นอยากให้บรรดาผู้ก่อเหตุรับโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

โดยในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังสอบถาม นายอดิศร อยู่บริเวณที่พบศพของผู้ตายก็ได้กลิ่นศพเหม็นเน่าลอยขึ้นมา ขณะที่กำลังสัมภาษณ์น้องชายของผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณจุดที่พบศพ ก่อนที่ฝนจะตกลงมา

ต่อมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายเสน่ห์ สุกเกลี้ยง หรือ เขียว และนายสุรพงค์ หัสเรืองศรี ผู้ต้องหา ทั้ง 2 ราย เพื่อที่จะนำตัวไปตรวจค้นยังบ้านที่เกิดเหตุ ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามผู้ต้องหาทั้งสอง 2 ราย โดยนาย เสน่ห์ ได้พูดออกมาว่า "จะไม่ขอให้สัมภาษณ์หรือให้ข่าวใด" ส่วนนายสุรพงศ์บอกว่า "ไม่เคยรู้จักกับผู้เสียชีวิตมาก่อน" เมื่อสอบถามว่าเคยทำร้ายร่างกายผู้เสียชีวิตไหม นายสุรพงศ์เงียบ ถามว่าเคยมีปัญหากับผู้เสียชีวิตมาก่อนหรือไม่ นายสุรพงศ์ตอบว่าไม่ จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าจะต่อสู้คดีหรือไม่ นายสุรพงศ์ก็พยักหน้า แล้วตอบกลับมาว่าจะต่อสู้คดี

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งลุง นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปตรวจค้นบ้านพักก็ได้มีการเดินทางเข้าไปตรวจค้นในห้องนอนแต่ก็ไม่พบสิ่งปกติ หรือหลักฐานใด ๆ หลังจากตรวจค้นเสร็จแล้วผู้สื่อข่าวพยายามที่จะเข้าไปสอบถามอีกครั้ง แต่ผู้ต้องหาทั้งสองรายปิดปากเงียบ หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง2 ราย ไปสอบปากคำที่ สภ.ทุ่งลุง อีกครั้ง เบื้องต้นผู้ต้องหานั้นยังคงให้การภาคเสธ

นายประกอบ ทองทวี หรือ กอบ อายุ 46 ปี ให้การว่าวันเกิดเหตุเห็นผู้ตายได้ขี่รถมากับเพื่อน 2 คน ก่อนจะขึ่รถมาจอดตรงหน้าบ้านของนายเขียว จากนั้นผู้ตายได้ถามหาเมีย และลูกว่าอยู่ไหน ก่อนที่นายเขียวกับลูกเขยจะมีปากเสียงกัน จากนั้นลูกเขยก็ได้ใช้ไม้ทุบไปที่ผู้เสียชีวิต ก่อนที่ผู้เสียชีวิตจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปทางเนินเขา จุดที่พบศพ โดยมีลูกเขยของนายเขียววิ่งไล่ตามหลังไป

ส่วนเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกันกับผู้ตายนายเขียวได้หันมาขู่ สั่งให้เพื่อนของผู้ตายรีบขี่รถกลับบ้านทันที ก่อนที่นายเขียววิ่งตามหลังลูกเขย ขณะที่ลูกเขยวิ่งไล่ตามหลังนายอดิศักดิ์ ส่วนตนก็ได้วิ่งตามหลังเป็นคนสุดท้าย แต่ตนก็ไม่ได้ลงมือทำร่างกายผู้ตาย