นาทีชีวิต! เมียกัดเชือกหนีตายผัวหึงมัดมืออุ้มฆ่า ผัวลั่นแค่ขู่ลากเข้าไร่เคลียร์ใจ (คลิป)
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 22 ธ.ค. 65 นายวีระพล รักเสมอวงศ์ รองประธานสภาเทศบาลเมืองบ้านและแอดมินเพจบ้านดุงอัพเดต รับแจ้งจากแฟนเพจว่ามีผู้หญิงวิ่งหนีเข้าไปที่โรงน้ำแข็งในพื้ที่หมู่บ้านบ้านสันติสุข ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี โดยผู้หญิงคนนี้เหมือนหนีตายอะไรสักอย่าง โดยกล้องวงจรปิดของโรงน้ำแข็งสามารถบันทึกภาพไว้ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลังรับแจ้งทางคนงานโรงน้ำแข็งได้รีบแจ้ง ตร.สภ.บ้านดุง รีบรุดไปตรวจสอบทันที เมื่อไปถึงพบหญิงสาวทราบชื่อภายหลังคือน.ส.นิภาพร (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ชาวบ้านจันทน์ ต.บ้านจันทน์ ยังอยู่ในอาการตกใจ และรีบวิ่งขึ้นไปรถสายตรวจทันทีก่อนที่ตร.จะพามายัง สภ.บ้านดุง
เบื้องต้นหญิงสาวรายนี้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า วิ่งหนีตายออกมาจากรถหลังจากสามีใช้ผ้าห่มมัดมือและอุ้มขึ้นรถบอกจะเอาไปฆ่าในป่ามันสำปะหลัง จึงอาศัยจังหวะที่สามีจอดรถสูบบุหรี่ถีบประตูรถฝั่งด้านคู่คนขับวิ่งเข้าไปมาในโรงน้ำแข็ง เพื่อความช่วยเหลือ โดยหญิงสาวรายนี้บอกว่ายังไม่อยากตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวมายัง สภ.บ้านดุง เพื่อความปลอดภัย
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ โรงน้ำแข็ง ในพื้นที่บ้านสันติสุข ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ซึ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายอนุวัฒน์ นาคำมินทร์ อายุ 39 ปี ผู้ให้การช่วยเหลือ บอกกับทีมข่าวว่าเมื่อคืนวันที่ 21 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา ลูกน้องที่บริษัทมีการโทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่า มีผู้หญิงวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือภายในโรงน้ำแข็ง ซึ่งตนก็ออกมาดู พบนางสาวนิภาพร หลบอยู่บริเวณที่ล้างกระสอบน้ำแข็งสภาพตัวสั่นและอยู่ในความหวาดกลัว โดยระบุว่าตนเองถูกสามีจับตัวมาบอกว่าจะเอาตัวไปฆ่าทิ้ง ให้รีบโทรแจ้งตำรวจให้หน่อย ซึ่งตอนนั้นไม่ได้พบว่ามีผู้ชายคนไหนเข้ามาในโรงน้ำแข็ง จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดุง ให้เข้ามาที่เกิดเหตุ พอตำรวจเดินทางมาถึง นางสาวนิภาพร ก็วิ่งกระโดดขึ้นรถตำรวจไม่พูดไม่จากับใคร
ส่วนตัวก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่านางสาวนิภาพร วิ่งหนีตายเข้ามาขอความช่วยเหลือกับลูกน้องในโรงงานจริง ซึ่งส่วนตัวก็รู้สึกตกใจ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครวิ่งหนีตายเข้ามาขอความช่วยเหลือภายในโรงงานแบบนี้ มาสอบถามจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภายหลังทราบว่าเป็นเรื่องของสามีภรรยาที่มีปัญหากัน ตนก็อยากให้นึกถึงสถาบันทางครอบครัว ให้ใจเย็นๆและค่อยๆพูดคุยจะดีกว่าการใช้ความรุนแรง
ขณะเดียวกันทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับ นางทองเลียม (สงวนนามสกุล) อายุ 80 ปี แม่ของนางสาวนิภาพร ผู้เสียหาย บอกกับทีมข่าวว่า นายศิลป์ กับนางสาวนิภาพร ลูกสาวของตน อยู่กินฉันสามีภรรยามานานกว่า 20 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตอายุประมาณ 19 ปี ถูกบำบัดเรื่องยาเสพติดอยู่ ส่วนคนเล็กอายุ 13 ปี อาศัยอยู่ร่วมกันสามพ่อแม่ลูกตามปกติ ซึ่งทั้งสองคนชอบมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันเสียงดัง ซึ่งเขาเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่จะเป็นการทะเลาะเรื่องใดนั้นตนไม่อยากยุ่ง เพราะอยู่คนละบ้านกัน เรื่องของการมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับคนอื่นตนก็ไม่ทราบ เพราะไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้
คืนวันที่ 20 ธ.ค.65 เหมือนว่านายศิลป์ จับได้ว่านางสาวนิภาพร ลูกสาวของตน มีความสัมพันธ์กับนายพล ซึ่งมีภรรยา ชื่อว่าอึ่ง อยู่แล้ว ก็เลยมีปากเสียงกันใหญ่โต แต่ถามว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตนไม่แน่ใจเพราะไม่เคยถามลูกสาว จากนั้นมีการฉุดกระชากกันขึ้นรถกระบะไปด้วยกัน ตนก็คิดว่า เขาน่าจะไปปรับความเข้าใจกันเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา
ตกกลางดึกของวันที่ 21 ธ.ค.65 ลูกสาวกลับมาบ้านพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าถูกนายศิลป์ จับมัดแขนกับรถกระบะ ข่มขู่ว่าจะพาไปหมกที่ไร่มัน ซึ่งพอขับมาถึงในพื้นที่บ้านสันติสุข ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี นายศิลป์เกิดอาการเครียดเลยลงไปสูบบุหรี่ นางสาวนิภาพร ลูกสาวของตนจึงใช้จังหวะที่เผลอกัดเชือกที่ผูกมัดไว้ที่ข้อมือขาด จากนั้นเปิดประตูรถวิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือคนในโรงน้ำแข็งจนรอดชีวิตมา ซึ่งเมื่อคืนนี้ลูกสาวบอกว่าจะเก็บเสื้อผ้าอยู่ที่กรุงเทพก่อน ตนก็เลยเห็นด้วย บอกให้ ไปหาที่หลบซ่อนก่อนเพราะกลัวว่าได้ศิลป์จะกลับมาชวนทะเลาะแล้วกลัวจะพากันไปฆ่ากัน
ส่วนความสัมพันธ์ทั้งสองคนจะเลิกกันหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ลูกสาว แต่เขาทั้งสองคนเคยเลิกกันหลายครั้งแล้วก็กลับมาคบกันเหมือนเดิม ซึ่งอยากให้ทั้งสองคนใจเย็นแล้วค่อยค่อยพูดคุยกันจะดีกว่า ตอนนี้ก็ยังติดต่อลูกสาวไม่ได้ก็รู้สึกเป็นห่วง
ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยทางโทรศัพท์ กับนายศิลป์ สามี เปิดใจกับทีมข่าว บอกว่าตนกับนางสาวนิภาพร ภรรยาของตน คบหากันมานานกว่า 25 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาว แต่เพิ่งจะมีมาช่วงหลัง 4 เดือนที่ผ่านมา โดยภรรยา มีสังคมกับเพื่อนบ้าน ชอบไปตั้งวงดื่มเหล้า และชอบไปเที่ยวสังสรรค์ตามงานหมอลำ อีกทั้งยังมีพฤติกรรมติดมือถือโทรศัพท์มาก จึงตั้งข้อสงสัยว่าภรรยาแอบพูดคุยกับใคร
ในตอนแรกตอนคิดว่าเป็นผู้ชายอีกคน ในหมู่บ้าน แต่พอไปจับมือพูดคุยเปิดใจกัน จึงทราบว่า ไม่ใช่คนนี้ ก็ทำการสืบหาความจริงต่อไป เวลาสอบถามกับภรรยาโดยตรงก็จะมีปากเสียงกัน ซึ่งจริงทำให้สงสัยไปกว่าเดิมว่าภรรยามีผู้ชายคนอื่นจริงหรือไม่ / ตนมาทราบความจริง ในตอนสุดท้าย หลังลูกสาวเปิดใจยอมสารภาพความจริงให้ฟัง ว่าเคยเห็นแม่ตัวเอง เดินจับมือถือแขน และมีพฤติกรรมชู้สาว กับนายพล สามีของนางสาวกนิษฐา ตอนแรกก็รู้สึกตกใจ เพราะเขาก็มีครอบครัวแล้วเหมือนกัน ก็น่าจะเข้าใจกันและกัน แต่มีครั้งหนึ่งที่ไปเห็นภาพบาดตาบาดใจ เห็นภรรยานั่งอยู่ในวงเหล้าที่มีนายพลอยู่ด้วย
ตนจึงตัดสินใจไปสอบถามเจ้าตัว ซึ่งตอนแรกก็ปฏิเสธ แต่มารับสารภาพในภายหลัง จึงตัดสินใจกลับไปพูดคุยกับนางสาวนิภาพร ภรรยาของตน ซึ่งตอนนั้นโมโหมาก จึงได้กระชากตัวขึ้นรถกระบะแล้วใช้เชือกมัดมือไว้ หวังว่าจะพาไปปรับความเข้าใจที่รีสอร์ท แต่ในระหว่างทางก็ยิ่งมีปากเสียงทำให้สถานการณ์แย่ลง ตนก็โมโหมาก เลยเผลอปากพูดไปว่าจะเอาไปฆ่าทิ้ง ก่อนภรรยาจะอาศัยจังหวะที่ตนเครียดลงไปสูบบุหรี่ วิ่งไปขอความช่วยเหลือภายในโรงน้ำแข็ง
ตนขอสารภาพจากหัวใจ ว่าตนไม่มีวันฆ่านางสาวนิภาพรได้ เพราะว่ารักเขามาก ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ตอนนี้ก็รู้สึกเครียด เลยออกไปอยู่ตามส่วนตามไร่ ในป่าเพื่อคิดทบทวนตัวเอง และตอนนี้ก็รู้สึกผิด และยอมรับว่าทำกับนางสาวนิภาพรเกินไปจริงๆ อยากจะขอโทษมากๆ ตอนนี้ยอมทุกอย่างแล้ว อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม
ส่วนตัวก็รู้สึกเป็นห่วง ไม่รู้ว่าภรรยาไปอยู่ที่ไหน แม้ว่าภายในใจจะแอบคิดว่าอาจจะไปอยู่กับนายพล แต่ก็ยังคอยอย่างมีความหวังว่าภรรยาจะติดต่อกลับมา เพราะโทรศัพท์ของภรรยาอยู่ที่ตน ตนอยากจะบอกภรรยาว่า ตนรู้สึกผิดแล้ว อยากให้เรากลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นกันเหมือนเดิม อีกไม่นานลูกชายคนโตที่ได้รับการรักษาบำบัดยาเสพติดอยู่ก็จะออกจากการบำบัดแล้ว เชื่อว่าเขาจะกลับมาหาลูกชายคนโตของเขา เพราะเขารักลูกชายคนนี้มาก ก่อนหน้านี้ก็ยังพูดอยู่ด้วกกันเลยว่า เดี๋ยวก็กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน 4 คนพ่อแม่ลูกแล้ว และจะไม่ออกตามหา จะรอรับโทรศัพท์ภรรยาอยู่ที่นี่ และจะอยู่รอรับลูกชายออกจากสถานบำบัดก่อน ส่วนเรื่องราวมี่เกิดขึ้น ตนพร้อมให้อภัย จะทำเป็นหลับหูหลับตาลืมเรื่องชู้สาวนั้นไป และมาเริ่มต้นกันใหม่ ขอแค่เขากลับมาก็พอ
Advertisement
