จากกรณี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2, ตำรวจกองกำกับการสืบสวนภาค 2, ตำรวจกองกำกับสืบสวนภูธร จ.ชลบุรี และ ตำรวจ สภ.หนองปรือ สนธิกำลังกว่า 100 นาย ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาอ้างเป็นตำรวจถือหมายค้นบุกปล้นบ้านนักธุรกิจชาวจีนได้ทรัพย์สินไปเป็นทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวม 7 บาท เงินสดจำนวน 700,000 บาท อาวุธปืน 11 มม. จำนวน 1 กระบอก รวมมูลค่า 1.2 ล้านบาท
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 65 เวลาประมาณ 08.14 น. เกิดเหตุอุจอาจคนร้ายจำนวนหลายคน ก่อเหตุปล้นทรัพย์บ้านหลังหนึ่ง ภายในหมู่บ้าน ม.13 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ นายชาง คุณ อายุประมาณ 40 ปี นักธุรกิจชาวจีน โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 9 คน แต่งกายคล้ายตำรวจนอกอกแบบ สวมถุงมือ และมีการวางแผนเป็นอย่างดี ใช้รถเก๋งสีขาว 2 คัน บุกเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าวอ้างเป็นตำรวจแสดงหมายค้น
แล้วจับผู้หญิงที่อยู่ในบ้าน 2 คน ร่วมถึงเด็กหญิงวัย 9 ขวบ จับมัดมือ ซึ่งขณะเกิดเหตุ นายชาง คุณ อายุประมาณ 40 ปี นักธุรกิจชาวจีน ไม่อยู่บ้านเดินทางไปประเทศกัมพูชา หลังจากจับทุกคนที่ถูกในบ้านมัดมือ กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ทำการรื้อค้นทรัพย์ภายในบ้าน
พร้อมทัังบังคับเปิดตู้เชฟ แล้วขนเอาทรัพย์สินมีค่าไป เป็นทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวม 7 บาท เงินสดจำนวน 700,000 บาท อาวุธปืน 11 มม. จำนวน 1 กระบอก รวมมูลค่า 1.2 ล้านบาท ก่อนจะหลบหนีคนร้ายยังยึดเอามือถือของคนในบ้าน ก่อนจะพากันหลบหนีไปทางเส้นทาง ต.โป่ง ออกถนนสาย 331 สัตหีบ-นครราชสีมา หลบหนีมุ่งหน้าไปทาง จ.ฉะเชิงเทรา
ภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจได้สนธิกำลังฝ่ายสืบสวนกว่า 100 นาย ออกแกะรอย ล่าสุดตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมีการวางแผนการก่อเหตุเป็นอย่างดีไม่ทิ้งร่องรอยลายนิ้วมือไว้ในที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงแกะรอยจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี จนสามารถตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 6 คน ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมรถของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุทั้ง 4 คัน ส่วนอีก 1 คน ไปจับได้ที่ จ.สระแก้ว ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผล เพิ่มเติมที่ สภ.หนองปรือ ส่วนที่ยังหลบหนีอีก 2 คน ตำรวจกำลังกดดันอย่างหนักและทราบว่าได้ติดต่อเข้ามอบตัวในบ่ายวันนี้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวนจนทราบว่า มีผู้ต้องหาร่วมกระทำความผิดจำนวน 9 นาย จึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 คน คือ 1.นายสรนันท์ หรือ เก็จ ประเทือง อายุ 40, 2.นายสุเทพ หรือ เล็ก ธูปหอม อายุ 36 ปี, 3.นายเอกชัย หรือ เอ นิ่มอนงค์ อายุ 40 ปี, 4.นายภัทธวัชร หรือ รุจ ธรรมารักษ์ อายุ 52 ปี
5.นายกฤษฎา หรือ โอ๋ มีถม อายุ 45 ปี, 6.นายนฤนาท หรือ ขลุ่ย ชูจิตร อายุ 37 ปี, 7.นายอัครพันธ์ หรือ แฟงค์ ภูผา อายุ 29 ปี
และยังหลบหนีอีก 2 คน คือ 1.นายสมชาย หรือ แขก คงแก้ว อายุ 40 ปี, 2.นายบุญทวี หรือ ยอด คงแก้ว อายุ 29 ปี โดยทั้งหมดทั้ง 9 คน ถูกตั้งข้อหา “ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย”
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า นายกฤษฎา หรือ โอ๋ รับงานมาจากลูกพี่ชื่อ ตูน หมึก และ โจ ให้จัดทีมเข้าทำการปล้นบ้านชาวจีนหลังนี้ซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทย เนื่องจากเก็บเงินสดไว้ในบ้านประมาณ 200-400 ล้านบาท หากพวกตนทำงานนี้สำเร็จจะได้ค่าจ้างจำนวน 15 ล้านบาท
จึงได้วางแผนกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อเข้าตรวจสอบทรัพย์สิน จากนั้นก็จะปล้นเอาเงินที่อยู่ในบ้านไปแบ่งกันกับผู้จ้างวาน แต่ปรากฎว่าพวกตนได้เงินมาเพียง 700,000 บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนน้อยได้แบ่งเงินกันไปตามสัดส่วนและแยกย้ายกันหลบหนี
ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ สถานีตำรวจภูธรหนองปรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตัวผู้ต้องมาเพิ่มต่อเนื่อง และหนึ่งในคนร่วมขบวนการมามอบตัวเพิ่ม 1 คน คือ นายต่อ (นามสมมติ) บอกกับทีมข่าวว่าตนถูกชักชวนมาตอนแรก คิดว่าจ้างวานมาขนของ พอขึ้นรถมากับพวกก็เริ่มรู้ตัวแต่ก็ยังคิดว่าถูกจ้างมาให้ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกลุ่มนายทุนจีนฟอกเงิน จนมาถึงจุดเกิดเหตุเริ่มรู้ตัวว่าเป็นการปล้นแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะหลวมตัวมาแล้วยอมรับว่าเลยตามเลย
หลังจากนั้นก็ได้รับเงินส่วนแบ่งหลักหมื่นก็ได้ใช้เงินจนหมดแล้ว พอทราบข่าวว่าคนในกลุ่มถูกจับกุมแล้ว 9 คน จึงนั่งรถจากสระแก้วมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยยังบอกอีกว่าก่อนเดินทางมาถึง สภ.ได้นำเงินที่เหลืออยู่ทำบุญมอบให้วินรถจักรยานยนต์ ให้ขอทานไปหมดเลย
นายต่อ ยังบอกว่า ในวันเกิดเหตุตนไม่ได้สวมใส่ชุดตำรวจ ใส่แค่เสื้อยืดกางเกงขายาว แต่ยอมรับว่าเป็นเสื้อสีดำ ซึ่งก็เป็นเสื้อปกติที่ตนเองสวมใส่ ไม่ได้ปลอมตัวเป็นตำรวจแต่อย่างใด ขณะที่ทีมข่าวสอบถามนายต่อได้ร้องไห้บอกว่าไม่อยากให้แม่รู้ มีแม่แค่คนเดียว โดยปกติมีอาชีพทำนาและรับจ้างทั่วไปใครจ้างไปไหนก็ไปไม่คิดว่าจะมาเข้าตาจนแบบนี้ และกลัวถูกตัดตอน หลังก่อเหตุเสร็จตนก็ไม่ได้หลบหนีไปไหนก็กลับไปอยู่บ้านปกติ ล่าสุดตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา “ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” ก็ยอมรับผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าว
ด้าน นายโอ๋ อายุ 45 ปี ตัวการสำคัญในการปล้นตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่ได้เดินทางเข้ามอบตัว บอกกับทีมข่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นตัวการในการปล้นแต่มีคนสั่งการตนมาอีกทีหนึ่ง แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ว่าใครตนเป็นเพียงผู้ชี้จุดเท่านั้น โดยผู้บงการใหญ่บอกว่าบ้านหลังนี้มีเงิน 400 ล้านบาท ให้เข้าไปชี้จุดให้โดยจะมีทีมงานอีก 7-8 คน เข้าไปดำเนินการ ปรากฏว่าในวันนั้นก็ได้พากลุ่มชายฉกรรณ์เข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ปรากฏว่าเข้าไปแล้วรื้อค้นได้ของมีค่ามาไม่ถึง 400 ล้านบาท
โดยยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนหยิบเงินหรือนำของมีค่าออกจากบ้านหลังดังกล่าว และพอรายงานคนบงการไปผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ปรากฏว่าพอไม่ได้เงินตามคาดเขาจึงไม่จ่ายค่าจ้าง นายโอ๋ยืนยันว่าไม่ได้รับเงินใด ๆ ทั้งนั้น ส่วนคนอื่น ๆ ที่ร่วมลงมือไปเอาทรัพย์สินจากบ้านคนจีนได้นำเงินและของมีค่าที่ได้ไปแบ่งกัน จนล่าสุดของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตามจับที่บ้าน จ.ฉะเชิงเทรา
Advertisement