วันนี้ (16 กรกฎาคม 2568) ที่ศาลอาญารัชดา ที่มีการนัดพิจารณาสืบพยานจำเลยคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เป็นการสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดแรก ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากสืบพยานฝ่ายจำเลยนานกว่า3ชม. ทันทีที่การสืบพยานเสร็จสิ้น นายทักษิณได้เดินออกมาพร้อมกับนางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรสาวคนกลาง พร้อมด้วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี หรือน้องเขยของนายทักษิณ และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา
โดยบรรยากาศหลังสืบพยานเสร็จสิ้น นายทักษิณนั่งรถยนต์ส่วนตัว ทะเบียน ธษ 267 กทม. ออกจากบริเวณศาลอาญา โดยสื่อมวลชนสังเกตเห็นว่า นายทักษิณโบกมือทักทายสื่อมวลชนที่มาติดตามข่าวจากในรถ เมื่อรถของนายทักษิณเคลื่อนออกไปบนถนนรัชดาภิเษก หน้าศาลอาญา ที่มีมวลชนคนเสื้อแดง มารอติดตามและให้กำลังใจตั้งแต่ช่วงเช้า
พบว่ารถส่วนตัวของนายทักษิณ ขับชิดเลนซ้าย สื่อมวลชนสังเกตที่กระจกรถ เห็นชัดเจนด้วยตาเปล่าว่า นายทักษิณ โบกมือผ่านกระจกรถ แต่ไม่สามารถบันทึกภาพออกมาให้เห็นได้ เนื่องจากรถของนายทักษิณติดฟิล์มทึบ และเป็นรถกันกระสุน โดยการทักทายของนายทักษิณ ทำให้ด้านฝั่งมวลชนคนเสื้อแดงกลุ่มใหฯที่มารอติดตามและให้กำลังใจ ร้องเฮด้วยความดีใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงวันการสืบพยานฝ่ายโจทก์เป็นเวลา 3 วัน รถส่วนตัวของนายทักษิณจะขับชิดเลนขวาตลอด และไม่มีการทักทาย ปรากฎตัวหรือให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของ ทักษิณ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้เตรียมพยานไว้ทั้งหมด 14 ปาก วันนี้มีการสืบพยานทั้งหมด 3 ปาก
ปากแรกคือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี
ปากที่ 2 ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีและอดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ปากที่ 3 คือนายทักษิณ ชินวัตร
หลังจากเบิกความเสร็จสิ้น ก็ได้มีการปรึกษานายทักษิณแล้วว่าไม่ขอสืบพยานที่เหลืออีก ทางเราได้ประเมินรูปคดีแล้ว และคุยกันว่าจะมีการสืบพยานเพียงเท่าที่จำเป็น และเห็นว่าควรจะยุติการสืบพยานเท่านี้เพราะไม่มีประเด็นแล้ว โดยจะขอส่งคำแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษรปิดคดีให้ศาลภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันนี้ ศาลได้อนุญาต และนัดฟังคำพิพากษาอีกทีในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 10:00 น.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทนายมั่นใจหรือไม่ในคดีนี้ ทนายบอกว่า ขอไม่ตอบว่ามั่นใจหรือไม่ เชื่อว่าการพิจารณาคดีนี้จะได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากพยานหลักฐานโจทย์ที่ผ่านมามีหลายส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ และเป็นพยานความเห็นทั้งสิ้น เราก็พยายามหักล้างว่าพยานเหล่านั้นเป็นพยานที่มีอคติ และเป็นพยานที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามจำเลยแทบทั้งสิ้น ซึ่งฝ่ายโจทก์ไม่มีหลักฐานประจักษ์พยานที่สามารถพิสูจน์ได้
การสืบพยานหลังจากนี้ไปคงจะพอแล้ว ศาลจะพิจารณาจากโจทย์เป็นหลักว่ามีหลักฐานเพียงพอหรือไม่ สามารถพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดของฝ่ายจำเลยได้แค่ไหน
ส่วนพยาน 2 ปากแรก เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่นายทักษิณถูกกล่าวหา เป็นช่วงที่จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังเป็น บุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ด้านภาษา ซึ่งรับรู้ถึงการกระทำว่าจำเลยจงรักภักดีอย่างไร เป็นเรื่องที่ศาลต้องชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน ตนของไม่ก้าวร่วง
เมื่อถามว่าหลังจากนี้นายทักษิณจะต้องมาที่ศาลอีกไหม ทนาย บอกว่า ในคดีนี้มาศาลอีกทีในวันรายงานตัวต้นเดือน ส.ค. ก่อนฟังคำพิพากษา
เมื่อถามว่าวันนี้นายทักษิณมีท่าทีอย่างไร ทนาย บอกว่า ท่านดูอารมณ์ดี เมื่อเช้าได้เรียนนายทักษิณไปว่ามีมวลชนมาให้กำลังใจ ท่านรับทราบและขอขอบคุณมวลชนทุกคนมากๆ
Advertisement