จากกรณีเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 65 เวลา 20.00 น. ในพื้นที่ตลาดออมสิน ต.ย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เกิดเหตุทำร้ายร่างกายกันจนได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ “เจ๊วรรณ” เป็นเจ้าแม่เงินกู้ชื่อดังในพื้นที่ แสดงพฤติกรรมกร่างกับสาวชาวบ้านที่เคยขายหอยให้ครั้งหนึ่งเมื่อ 2 เดือนก่อน
ทราบชื่อคือ “น.ส.แอนจิรา แก้วละเอียด” อายุ 37 ปี เป็นหญิงเร่ร่อนย่านตลาด ด้วยการด่าทอด้วยคำหยาบสาระพัด แล้วใช้ปืนลูกโม่ออกมายิงขู่ขึ้นฟ้า 1 นัด กระสุนเฉียดหัว ก่อนจะใช้สันปืนตีหัว “น.ส.แอนจิรา” อีก 3 ครั้ง จนเลือดอาบ แต่ระหว่างที่ตีครั้งที่ 3 ปืนลั่นออกมาอีก 1 นัด โชคดีที่ปลายกระบอกปืนหันไปทางอื่นกระสุนจึงไม่โดนใคร อีกทั้งเมื่อตีเสร็จยังพูดเย้ยให้ไปแจ้งความด้วย โดยผู้บาดเจ็บคาดว่าปมน่าจะมาจากหอยที่ตนนำไปขายให้ไม่สด จึงทำให้ “เจ๊วรรณ” ไม่พอใจ เมื่อเจอหน้าจึงมีการก่อเหตุดังกล่าว
ล่าสุดวันที่ 7 พ.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทางไปยังตลาดดังกล่าวและตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่เนื่องจากกล้องมุมที่สามารถจับภาพจุดเกิดเหตุได้ส่วนใหญ่จะเสีย จึงได้เพียงแค่กล้องที่บันทึกเสียงปืนทั้ง 2 นัดไว้ได้ นัดที่ 1 ในช่วงเวลา 19.39 น. และนัดที่ 2 เวลา 19.40 น. ซึ่งในกล้องจะเห็นว่าเมื่อเสียงปืนดังขึ้น ชาวบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างพากันตกใจและวิ่งหนีเข้าบ้านเพื่อหลบกระสุนกันจ้าละหวั่น โดยจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณหน้าร้านขายข้าวราดแกง
น.ส.แอนจิรา เผยว่าจะไม่ขอแจ้งความดำเนินคดีกับ “เจ๊วรรณ” เพราะไม่อยากมีปัญหาบานปลาย แต่เนื่องจากการทำร้ายร่างกายเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เป็นความผิดอาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้ บวกกับมีการยิงปืนในที่สาธารณะซึ่งเป็นการกระทำที่อุกอาจเกินไป ด้านของผู้บังคับบัญชาจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ตามหาตัว “น.ส.แอนจิรา” มาให้ปากคำที่โรงพัก และนำตัวไปตรวจร่างกายเพื่อนำไปสู่การออกหมายเรียก “เจ๊วรรณ” มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
น.ส.แอนจิรา เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อวานนี้ตนตั้งใจจะไปซื้อข้าวแกงที่ร้านของ “เจ๊ริณ” แล้วบังเอิญเจอกับ “เจ๊วรรณ” เข้าพอดี ซึ่งเมื่อ 2 เดือนก่อน ตนเคยขายหอยขมให้เขาครั้งหนึ่งและไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งเมื่อวานนี้ จู่ ๆ “เจ๊วรรณ” ก็เข้ามาด่าตนว่า “อย่าไปซื้อของมันเลย ซื้อหอยไปก็กินไม่ได้” แล้วก็ด่าแม่ตน ตนก็บอกไปว่า “พูดดี ๆ กันก็ได้ ไม่ต้องด่าแม่หรอก ถ้าจะเอาหอยใหม่ หนูก็จะหามาให้” แต่เขาก็สวนกลับมาว่า “ไม่ กูไม่เอา มึงจะทำไม กูจะด่า” แล้วก็ยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ก่อนจะเอาสันปืนตีหัวตน 3 ครั้ง แต่ครั้งที่ 3 ปืนมันลั่นออกมาอีก 1 นัด เฉี่ยวหัวตนไป
ซึ่งตนยอมรับว่าไม่รู้จริง ๆ ว่าหอยที่เคยขายให้ “เจ๊วรรณ” มันไม่สดหรือมันมีปัญหายังไง เพราะหอยถุงนั้นตนไม่ได้เป็นคนหามาเอง เป็นการซื้อต่อมาจากเพื่อนอีกคน แล้วก็ขายให้กับ “เจ๊วรรณ” ไป ซึ่งก่อนที่จะขายก็ตรวจเช็กแล้วว่ามันไม่ได้เน่าเสีย แต่พอเขาไปแกะทำแกงคงพบว่าหอยไม่สดจึงไม่พอใจ ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยรู้จักกับ “เจ๊วรรณ” เป็นการส่วนตัว ไม่เคยมีปัญหากัน รู้แค่ว่าเขาเป็นคนมีเงินคนนึงและปล่อยเงินกู้อยู่ในตลาดที่เกิดเหตุ แต่ตนไม่เคยกู้เงินจากเขาสักครั้ง ดังนั้นเรื่องคดีก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการและหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่ “เจ๊วรรณ” เผยว่าตนเองไม่ได้เป็นคนนิสัยเกเร ใจดี หนำซ้ำยังเป็นคนชอบทำบุญ ชอบบริจาคข้าวของให้สถานที่ต่าง ๆ ประจำ ไม่ว่าสถานการณ์โควิด-19 น้ำท่วม พายุเข้า หรือช่วยเหลือคนพิการ คนแก่ หากหน่วยงานไหนขอมา ก็ไปหมด ให้หมด และใช้เงินส่วนตัวทั้งสิ้น แต่ที่คนส่วนใหญ่คิดว่าตนดุก็เพราะว่าตนเป็นคนหน้านิ่งไม่ค่อยยิ้ม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้น เป็นเพราะเมื่อ 2 เดือนก่อน ขณะที่ตนเดินอยู่ในตลาดเวลาประมาณ 20.00 น. เห็นว่า “น.ส.แอนจิรา” ถือถุงหอยขม 1 ถุง เดินเร่ขายอยู่พอดี ตนก็เลยซื้อมาในราคา 50 บาท เพราะสงสาร รู้ว่าเขาไม่มีญาติในพื้นที่ ก็อยากให้เขาได้กลับบ้านเร็ว ๆ แต่พอเอาหอยมาแกงปรากฎว่ามันกินไม่ได้เนื่องจากหอยมันไม่สดค่อนไปทางเสียก็เลยต้องเททิ้ง
แล้วเมื่อวานนี้บังเอิญเจอ “น.ส.แอนจิรา” ที่ร้านของญาติพอดี ก็เลยถามไปว่า “ทำไมต้องมาหลอกขายหอยให้ฉันด้วย ถ้าขอเงินดี ๆ ฉันก็ให้” แต่เขาดันตอบกลับมาว่า “เย็_แม่ มึงอยากจะโง่ซื้อไปทำไมละ” แถมยังด่าตนอีกว่าเป็นกิ๊กกับตำรวจ ซึ่งไม่เป็นความจริง แล้วด้วยความที่ตนเป็นคนจริงจังในทุก ๆ เรื่องอยู่แล้ว ก็เลยถามไปว่า “มาพูดแบบนี้ได้ยังไง ไม่ได้รู้จักกัน แค่ซื้อหอยครั้งเดียว เพราะสงสาร” บวกกับด้วยความที่ตนโมโห เพราะโดนด่าทั้ง ๆ ที่ไม่ผิด ก็เลยเตะไปที่ปาก 1 ครั้ง ก่อนจะชักปืนออกมาแล้วตีหัวไป แต่จำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง บังเอิญว่าตอนนั้นนิ้วตนเข้าไปเกี่ยวอยู่ที่ไกปืนพอดี จึงทำให้ปืนลั่นออกมา 2 นัด ไม่ได้มีเจตนาจะยิงขึ้นฟ้าหรือยิงขู่เลย เพราะถ้าตนตั้งใจจะยิงคงยิงให้ตายไปแล้ว ดังนั้นที่ “น.ส.แอนจิรา” ให้สัมภาษณ์ ตนยืนยันว่ามีบางส่วนไม่เป็นความจริง และปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้น ตนมีใบอนุญาตครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย ซื้อไว้นานแล้วเพื่อใช้ป้องกันตัว
ส่วนเรื่องที่ว่าตนเป็นเจ้าเงินกู้นั้น “เจ๊วรรณ” ยอมรับว่าเมื่อ 20 ปีก่อน เคยปล่อยกู้จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว เพราะตนหันมาเปิดธุรกิจโรงแรมแทน แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ตอนนี้โรงแรมก็ต้องเอาเข้าจำนำ ติดหนี้อยู่ 2 ล้านบาท หนำซ้ำรถก็จำนำ บ้านก็จำนำ ที่ดินก็จำนำ เพราะฉะนั้นตนพร้อมจะเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากได้รับหมายเรียกหรือตำรวจเรียกก็จะไปทันที เพราะเมื่อเช้าตนแต่งตัวสวยจะเดินทางไปโรงพักแล้ว แต่ตำรวจบอกว่าให้รอสอบคนเจ็บและออกหมายเรียกตามขั้นตอนก่อน ก็เลยรออยู่บ้าน ยืนยันว่าไม่หนีไปไหนแน่นอน และบอกเลยว่าตนไม่มีอิทธิพลใด ๆ ไม่ได้สนิทสนมในเชิงไม่ดีกับตำรวจในพื้นที่ด้วย ทุกวันนี้ทำงานตัวคนเดียว สามีก็ไม่มี ลูกก็ไม่มี มีแต่ลูกน้อง
Advertisement