นึกว่าสตูดิโอ! บุกบ้านเสี่ยลวงสาวถ่ายสยิวอ้างแค่ดูเล่น เหยื่อแฉเปิดฮาเร็มล่าแต้ม (คลิป)

จากกรณีวันที่ 25 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนฤมล (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ได้ร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเพชรสยาม เจนหัตถ์นามเสนา หรือ ครูตะวัน คณะทำงานส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริหารราชการ กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ส่วนเครือข่ายป้องกันการเกิดอาชญากรรมคดีพิเศษ จ.อุดรธานี

โดยให้ข้อมูลว่า ลูกสาววัย 15 ปี ได้หนีหายออกจากบ้านตั้งแต่วันออกพรรษาจนถึงขณะนี้ยังไม่เข้าบ้าน แม่เป็นห่วงกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตามหาลูกสาวมาแล้ว 15 วัน ตั้งแต่วันออกพรรษาจนถึงวันนี้ มารู้ข่าวอีกทีจากเพื่อนของลูกบอกว่า ลูกสาวไปนอนที่บ้านเสี่ยใน จ.อุดรธานี โดยขายบริการครั้งละ 500 บาท ตกใจมากอยากวิงวอนให้หน่วยงานราชการเข้าไปช่วยเหลือลูกสาวออกมาด้วย

วันที่ 26 ต.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองอุดรธานี เนื่องจากเช้าวันนี้ นายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือ เฮียเปี๊ยก เจ้าของเพจ เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย ได้พา น.ส.เหมี่ยว (นามสมมติ) อายุ 16 ปี และ น.ส.ชมพู่ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ไปแจ้งความกับตำรวจ เพราะเด็กทั้งสองคนเคยเป็นเหยื่อที่เคยถูก เสี่ยปอ (นามสมมติ) อายุ 55 ปี หลอกล่อให้ไปขายบริการและถูกเสี่ยปอ บังคับแก้ผ้าเพื่อตั้งกล้องถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์

โดย น.ส.เหมี่ยว ได้ส่งคลิปให้ทางทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ซึ่งเป็นคลิปที่เสี่ยปอโทรศัพท์มาหาและชวน น.ส.เหมี่ยว กลับไปมีเพศสัมพันธ์ด้วย โดยในคลิปเสี่ยปอพยายามโน้มน้าวให้ น.ส.เหมี่ยว ไปนอนค้างที่บ้าน แต่ น.ส.เหมี่ยว ก็พยายามบอกไปว่า หากให้หนูกับเพื่อนไปนอนค้างจะนอนกันยังไง เพราะที่บ้านเสี่ยมีเด็กอยู่ตั้งหลายคน กระทั่งเสี่ยปอพูดออกมาว่าถ้าหนูมาเดี๋ยวเสี่ยให้เด็กที่อยู่ในบ้าน 4 คน ออกไปจากบ้านก่อน ส่วนเพื่อนที่จะพามาด้วยเสี่ยจะให้นอนรอที่โซฟาหรือจะเข้าไปนอนด้วยกันก็ได้ ถ้าตกลงจะมาเสี่ยจะได้เคลียร์เด็กคนอื่นที่นัดไว้

ส่วนคลิปที่ 2 และที่ 3 เป็นคลิปที่เสี่ยปอพยายามจะให้ น.ส.เหมี่ยว หาเด็กคนอื่นให้ โดยเสี่ยพูดกับ น.ส.เหมี่ยว ว่าให้ส่งรูปโปรไฟล์ของเด็กที่จะพามาเข้าไปในข้อความเฟซบุ๊กถ้าดูแล้วโอเคก็ให้เดินทางไปพร้อมกับเธอได้เลย นอกจากนี้ยังมีคลิปที่ น.ส.ไอซ์ ผู้เสียหายที่เคยถูกเสี่ยปอใช้ให้ไปหาหยื่อรายใหม่ไปให้ โดย น.ส.ไอซ์ บอกว่าเสี่ยปอ เคยให้ตัวเองไปหาเด็กอายุ 13-15 ปี เพื่อไปเปิดซิง แลกกับเงิน 10,000 บาท ถ้าเด็กดีหน่อยจะให้ชั่วโมงละ 1,000-2,000 บาท แต่ต้องถ่ายคลิป

โดยตนเองกับเพื่อนเคยถูกเสี่ยปอบุกเข้าไปในห้องน้ำมาแล้ว 1 ครั้ง เพื่อจะถ่ายรูป แต่ตนเองไหวตัวทันและวิ่งออกไปจากห้องน้ำทัน จึงไม่ถูกเสี่ยหื่นทำอนาจาร

นอกจากนี้ยังมีแชตที่เสี่ยปอทักไปหา น.ส.เหมี่ยว ถามหลังจากที่คุยว่าจะมาไหม ถ้ามาหนูจะมานอนเล่นโทรศัพท์ทั้งคืนไหม ตอนนี้ยังมีเด็กตลอดเลยเด็กเพิ่งกลับ และพรุ่งนี้อาจะไม่มีเด็กปกติช่วงนี้ไม่มีใครมา น.ส.เหมี่ยว ก็ตอบไปว่าเสี่ยจะให้หนูไปกี่โมง กระทั่งเสี่ยปอตอบกลับมาว่า หนูอยากมากี่โมงคิดเอาแล้วกัน ขอเป็นมาแบบไม่กลับบ้านจนถึงวันพรุ่งนี้

จากนั้นเสี่ยปอก็พยายามติดต่อมาทั้งวัน โดยบอก น.ส.เหมี่ยว อีกว่าถ้าจะไปไปหลัง 20.00 น. นะ และ น.ส.เหมี่ยว ก็ส่งรูปโปรไฟล์เพื่อนให้ดู ตกลงกับเสี่ยว่ามีเพื่อนไปด้วยนะแต่เวลาทำอะไรจะขอให้เพื่อนรอในห้องน้ำ

น.ส.ชมพู่ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ที่มาแจ้งความในวันนี้ เปิดเผยว่า จริง ๆ แล้วตนเอง ยังไม่ทันจะตกเป็นเหยื่อ แต่ก่อนหน้านี้เสี่ยเคยให้ตนเองหาเด็กให้ หากเป็นเด็กที่ยังไม่ผ่านมือผู้ชายมาเสี่ยจะให้ค่าจ้างตอบแทนเป็นเงิน 10,000 บาท แต่เด็กดังกล่าวต้องมีอายุไม่เกิน 15 ปี

ซึ่งเมื่อคืนนี้หลังจากที่ตนเองหาเด็กไม่ได้ เสี่ยก็โทรมาบอกให้ตนเองพาเพื่อนคนอื่นเข้าไปหา แต่ตนเองตัดสินใจไม่ไปเพราะว่าได้ยินจากปาก น.ส.เหมี่ยว ที่เป็นรุ่นน้องว่าหากไปต้องโดนถ่ายคลิปและกลัวว่าเสี่ยจะเอาคลิปไปขาย

ยอมรับว่า ตนเองก็เดือดร้อนเรื่องเงินหากเสี่ยไม่ถ่ายคลิปก็จะไปตามนัด ยืนยันที่ผ่านมายังไม่เคยเสียตัวให้เสี่ย แต่ยอมรับว่าเพื่อนเคยไปบ้านเสี่ยมาหลายครั้ง โดยบ้านของเสี่ยเป็นบ้านปูนชั้นเดียวมีสองห้องนอนและมีรั้วรอบขอบชิด ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนยังเคยเจอกับเด็กลูกครึ่งที่ตกเป็นเหยื่อของเสี่ย เห็นทุกการกระทำของเสี่ย ที่ให้เด็กลูกครึ่งแก้ผ้าและถ่ายคลิปโชว์ร่างกาย และทุกครั้งที่เห็นเด็กลูกครึ่งเต็มใจให้เสี่ยถ่ายคลิป แลกกับเงินจำนวน 500 บาท ต่อครั้ง แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเด็กลูกครึ่งถึงไม่ยอมกลับบ้าน เพราะทุกครั้งที่เพื่อนเห็น เด็กลูกครึ่งใช้ชีวิตงอยู่ในบ้านของเสี่ยเหมือนกับบ้านตัวเอง

เมื่อเวลา 11.00 น.พ.ต.ท.สุชัย นันแก้ว สว.สส ภ.จ.อุดรธานี ได้ไปที่บ้าน นางนฤมล เพื่อเชิญมาสอบสวนปากคำ แต่พบว่า น.ส.ริต้า (นามสมมติ) กลับมาบ้านแล้ว โดย น.ส.ริต้า ได้ให้เพื่อนไปรับที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ซึ่ง นางนฤมล มีอาการเครียด ยังไม่ขอพูดอะไร ส่วน น.ส.ริต้า ยังอยู่ในอาการตกใจและไม่ขอให้ข้อมูลอะไรกับทีมข่าว

ซึ่งทางตำรวจสองสวนกลาง (ปคม) และ พมจ.ร่วมสอบสวนปากคำ น.ส.เหมียว, น.ส.ชมพู, น.ส.ริต้า และเด็กคนอื่น ๆ เพื่อรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายค้น เนื่องจากในช่วงที่มีการสอบปากคำเสี่ยปอยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกแฉ และพยายามติดต่อเด็กเข้าไปที่บ้าน ซึ่งผู้เสียหายบันทึกคลิปไว้ระหว่างที่เสี่ยปอติดต่อให้เข้าไปที่บ้าน

นายดำ (นามสมมติ) เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กับบ้านเสี่ยปอบอกว่า ส่วนตัวพึ่งจะรู้ข่าวว่ามีเด็กไปแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์ที่ผู้ปกครองของเด็กไปแจ้งความให้ตำรวจมารับตัวลูกสาวที่บ้านของเสี่ย แต่ตอนนั้นพอแม่ได้ลูกกลับคืนดันไปถอนแจ้งความและไม่ยอมเอาเรื่องเสี่ยปอ เนื่องจากเด็กคนนั้นอ้างกับผู้ปกครองว่าเสี่ยไม่ได้ทำอะไร เสี่ยแค่มารับไปกินข้าวแล้วก็มาเที่ยวเล่นที่บ้านเสี่ยเท่านั้น

ที่เห็นว่ามีรถจักยานยนต์จอดอยู่ที่บ้านก็คือมีเด็กอยู่ข้างใน แต่เด็กไม่สามารถออกมาจากบ้านได้ เพราะหากเสี่ยออกจากบ้านเสี่ยจะล็อกประตูเหล็กเอาไว้

ยืนยันก่อนเรื่องจะแดง เห็นเด็กวัยรุ่นผู้ชายขี่รถมาส่งเด็กผู้หญิงที่บ้านเสี่ยทุกคืน ส่วนตัวไม่เคยเข้าไปถามหรือพูดคุยกับเด็ก เนื่องจากเด็กที่มาบ้านเสี่ยเป็นเด็กนอกพื้นที่ และเสี่ยคนนี้ฉลาดที่ไม่หาเด็กในพื้นที่มาเป็นเหยื่อ มีแต่ติดต่อให้คนนำเด็กนอกพื้นที่มาส่งให้ถึงบ้าน

นายสมจิตร อายุ 51 ปี พ่อของ น.ส.เหมี่ยว บอกว่า ส่วนตัวรู้สึกตกใจ หลังได้ยินจากปากลูกสาวว่าถูกเสี่ยคนดังกล่าวกระทำมิดีมิร้าย ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่ลูกสาวขอออกไปเช่าหอพักอยู่กับเพื่อน ตนเองไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวลูกสาวเลย โทรศัพท์คุยกันทุกครั้งก็บอกว่าอยู่กับเพื่อน ยืนยันจะเอาเรื่องเสี่ยคนดังกล่าวให้ถึงที่สุด เบื้องต้นวันนี้มาแจ้งข้อหาพากผู้เยาว์เอาไว้ก่อน ส่วนตัวจะขยายผลเรื่องอื่นก็ปล่อยให้ตำรวจดำเนินคดีไปตามกฎหมาย

ล่าสุดเมื่อเวลา 20.50 น. เจ้าหน้าที่ พมจ.ได้เดินทางไปรับเด็กออกจากในบ้านเสี่ยแล้ว ซึ่งจากการสังเกตเด็กที่อยู่ในบ้านไม่มีอาการเครียดอะไร แต่มีอะไรปิดบังเจ้าหน้าที่อยู่ โดยเจ้าหน้าที่ พมจ.ขอรับตัวเด็กไปอยู่ในความดูแลที่บ้านพักเด็กก่อน และจะให้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพร่วมสอบปากคำเด็กพร้อมกับตำรวจในวันพรุ่งนี้

โดยเบื้องต้นของกลางที่ตรวจยึดมาได้จากบ้านเสี่ย มีโน๊ตบุ๊ค 3 ตัว คอมพิวเตอร์PC 1 ตัว กล้อง DSLR 3 ตัว มือถือ 15 เครื่อง เมมกล้อง 20 อัน และเลนส์กล้องอีก 10 ตัว

ซึ่งในขณะนี้ ตัวเสี่ยปอเองอยู่ในช่วงระหว่างการสอบสวนกับตำรวจอยู่ภายในบ้าน โดยระหว่างสอบปากคำเสี่ยปอยอมรับว่าตันเองเป็นคนชอบเด็กอยู่แล้ว หากทางตำรวจสอบสวนเสร็จก็จะนำตัวเสี่ยกลับไปสอบปากคำต่ออย่างละเอียดที่ สภ.เมืองอุดรธานี โดยล่าสุดเมื่อสักครู่ที่ผ่านมามีรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. จะเดินทางมาแถลงข่าวเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

ทีมข่าวได้ไปพบกับ นายแสนดี (นามสมมติ) อายุ 21 ปี เป็นอดีตคนรักของ น.ส.จริงใจ (นามสมมติ) ที่เคยไปอยู่ที่บ้านเสี่ยปอ เปิดใจกับทีมข่าวว่า เมื่อสมัยที่ตนเองเรียนอยู่ ม.1 ก็คือย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ตนเองได้คบหากับ น.ส.จริงใจ ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกัน พอคบหากันได้ประมาณ 1 เดือน น.ส.จริงใจ ก็ให้ตนเองไปรับไปส่งที่บ้านของเสี่ยปอ โดยโกหกว่าเป็นบ้านของพ่อแม่

ซึ่งทุกครั้งที่ไปรับส่งตนเองไม่เคยเจอกับพ่อแม่ของ น.ส.จริงใจ และสังเกตเห็นว่า มีรถจักรยานยนต์จอดอยู่เต็มหน้าบ้าน ทั้งยังเห็นรองเท้าเด็กถอดวางอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าบ้านของแฟนคงจะมีพี่น้องเยอะ

จากนั้นเมื่อตนเองข้องใจก็เลยไปสืบจากเด็กที่เดินเข้าออกบ้านหลังดังกล่าว จนไปรู้ว่าบ้านที่แฟนให้เข้าไปรับส่งเป็นบ้านของเสี่ยปอ และเด็ก ๆ ที่เข้าไปอยู่ในนั้น เป็นเด็กของเสี่ยปอจึงตัดสินใจเลิกกับ น.ส.จริงใจ

ยืนยันที่ผ่านมา น.ส.จริงใจ ไม่เคยปริปากบอกว่าถูกเสี่ยทำอะไรบ้าง หรือทำไมต้องเข้าไปอยู่ในบ้านเสี่ย มีแต่หลอกใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือ เวลาไปไหนมาไหนก็จะใช้ให้ไปรับ ยิ่งไปกว่านั้นตนเองยังรู้มาว่าเสี่ยปอไม่ได้มีแค่บ้านหลังที่ให้เหยื่อเข้าไปอาศัยอยู่ แต่ยังมีคอนโดแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ที่เสี่ยเปิดห้องเอาไว้ให้เด็กเข้าไปอาศัย

ซึ่งพฤติกรรมของเสี่ยรายนี้ทำแบบนี้กับเด็กมา 7-8 ปีแล้ว และปัจจุบัน น.ส.จริงใจ อดีตแฟน ก็ยังวนเวียนไปมาที่บ้านเสี่ยคนดังกล่าว ที่ต้องออกมาแฉก็เพราะไม่อยากให้เด็กรายอื่น ๆ ตกเป็นเหยื่อให้กับเสี่ยหื่นอีก