น้องเมียปืนดุยิงเขยช่วยชีวิตพี่สาว ญาติคาใจอ้างแฉลบร่างพรุน 3 นัด (คลิป)

กรณี สน.คันนายาว รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในบ้านหลังหนึ่ง ซ.จตุโชติ 10 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุอยู่ลึกไปท้ายซอยเป็นบ้านชั้นเดียว

พบศพ นายสุริยา ทองใบ อายุ 39 ปี สภาพสวมเสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ มีรอยถูกยิงด้วยกระสุนไม่ทราบ นอนหมดสติบนพื้นบ้าน เจ้าหน้าที่จึงพยายามปั้มหัวใจแต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายชรินทร์ เนียมปาน อายุ 33 ปี หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200-300 เมตร โดยภาพในกล้องวงจรปิดจะเห็นได้ว่า ช่วงเวลาประมาณ 01.47 น. วันที่ 13 ต.ค. 65 นายชรินทร์ ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีเขียว ไม่สวมหมวกกันน็อกขี่ผ่านไปมุ่งหน้าไปทางออกซอยจตุโชติ 4 หลังก่อเหตุใช้อาวุธยิง นายสุริยา ทองใบ เสียชีวิต

ขณะเดียวทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดร้านค้าแห่งภายในซอยมุ่งหน้าออก ซ.สุขาภิบาล 5 ช่วงเวลา 01.59 ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีเขียวขี่ผ่านไป

ด้าน น.ส.ตาล อายุ 40 ปี อดีตภรรยาผู้ตายและพี่สาวผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้หลังจากที่มีการร่วมรับประทานอาหารเย็นกับเพื่อนรวม 4 คน และดื่มเบียร์กันเล็กน้อย โดยมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งซึ่งบ้านอยู่ที่ จ.นครปฐม ไม่สามารถเดินทางกลับได้เนื่องจากค่อนข้างไกล จึงให้นอนพักผ่อนที่บ้านด้วยกัน

ทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายโทรศัพท์มาหาตนเองจำนวน 34 สาย กระทั่งเวลา 01.35 น. ผู้ก่อเหตุเดินทางมาที่บ้าน โดยเคาะประตูด้านข้างซึ่งลูกสาวคนโตของตนเองยังไม่นอนจึงบอกว่าพ่อมา ตนเองจึงเปิดประตูด้านหน้าบ้าน เพื่อจะถามอดีตสามีว่ามีเรื่องอะไรแต่ทันทีที่เปิดประตูผู้ตายสังเกตเห็นเพื่อนตนเองที่นอนอยู่ลักษณะผมสั้น อาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชายจึงเข้าไปเตะทันที

หลังจากนั้นตนเองจึงเข้าไปห้ามจึงถูกตบและถูกบีบคอ ทำให้น้องชายที่อยู่ห้องข้างกันคว้าปืนมาและยิงขู่ขึ้นฟ้าจำนวนสองนัด แต่ผู้ตายก็ยังไม่ยอมหยุดยังบีบคอตัวเองอยู่ นัดสุดท้ายน้องชายตัดสินใจยิงที่พื้น โดยผู้ตายยังนำตัวเองมาขวาง หลังจากนั้นผู้ตายก็แน่นิ่งไป ยังไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะเสียชีวิตเพราะไม่เห็นร่องรอยบาดแผลหรือเลือด หลังจากนั้นน้องชายก็บอกว่าขอทำใจอีก 3-4 วัน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแน่นอนว่าตนเองและลูกสาวก็อยู่ในอาการเสียใจมาก และยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ โดยยืนยันว่าที่ผ่านมาน้องชายไม่เคยมีปัญหากับใครตั้งแต่เด็กจนโต แต่ก่อนหน้านี้น้องชายเคยลงบันทึกประจำวันเรื่องที่อดีตสามีตัวเองบุกรุกมาที่บ้านแล้ว นอกจากนี้ตนเองยังเคยเดินทางมาลงบันทึกประจำวันเพราะถูกสามีทำร้ายด้วย แต่อดีตสามีก็มีข้อดีคือขยันและตั้งใจทำมาหากิน ตอนนี้ตนเองห่วงที่สุดคือน้องชายเพราะไม่มีใครสามารถติดต่อได้เลยอยากให้เดินทางมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

วันที่ 13 ต.ค. 65 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดที่เกิดเหตุพบว่าจุดที่ผู้เสียชีวิตถูกยิงคือกลางบ้าน โดยบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวอยู่ติดกับคลองออเงินน้อย ทีมข่าวพยายามสังเกตบริเวณพื้น และฝ้าเพดานในที่เกิดเหตุแต่ไม่พบร่องรอยของกระสุนปืนแต่อย่างใด

ทีมข่าวเดินทางสำรวจบริเวณถนนขนาดเล็กลักษณะ ปูทางด้วยหิน ซึ่งสามารถใช้สัญจรได้เพียงรถจักรยานยนต์หรือเดินเท่านั้น บริเวณรอบข้างเป็นป่าทั้งหมด คาดว่าจุดดังกล่าวเป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุจะหลบหนีหลังจากที่ก่อเหตุยิงแล้ว เนื่องจากสามารถออกทาง ซ.จตุโชติ 4 ซึ่งใกล้กว่าที่จะหลบหนีจากที่เกิดเหตุไปยังปาก ซ.จตุโชติ 10

ทีมข่าวสอบถาม นายประหยัด เนียมปาน อายุ 62 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุเล่าเหตุการณ์ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาตนเองไม่ได้อยู่เหตุการณ์ เนื่องจากออกไปนอนที่บ้านอีกหลังหนึ่ง โดยก่อนเกิดเหตุลูกสาวอยู่ภายในบ้านหลังที่เกิดเหตุพร้อมกับ เพื่อนโดยนอนบริเวณห้องโถงกลางบ้าน ส่วนหลานสาวคนอายุ 17 ปี และ 12 ปี นอนอยู่ภายในห้องใกล้กัน นอกจากนี้ยังมีลูกชายของตนเองซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุนอนอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน

ก่อนเกิดเหตุลูกสาวโทรศัพท์มาบอกว่าลูกเขยเข้ามาอาละวาด แล้วตบตีที่บ้านอีกแล้ว ตนเองจึงรีบเข้ามาที่บ้านแต่ไม่ทันการ ช่วงที่เกิดเหตุทราบว่าลูกเขยเข้ามาทำร้ายร่างกายลูกสาว และเพื่อนลูกสาวที่กำลังนอนอยู่เนื่องจากประตูหน้าบ้านไม่สามารถปิดล็อกได้ กระทั่งเข้ามาบีบคอลูกสาวและเพื่อนของลูกสาวเพราะความหึงหวง จนได้รับบาดเจ็บ

ขณะเดียวกันลูกชายที่อยู่บ้านหลังเดียวกันมองผ่านหน้าต่างมาเห็นเหตุการณ์จึงตัดสินใจเข้าทางประตูหน้าบ้าน พร้อมกับคว้าปืนออกมาด้วยและพูดว่า “พี่หาญเข้ามาทำพี่ถึงในบ้านเลยหรอ” จึงยิงปืนใส่พี่เขยจนเสียชีวิต ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นอาวุธปืนมรดกของตาซึ่งคาดว่าคงจะมีทะเบียนปืนแต่อาจจะทำหายไปตามกาลเวลา

ลูกเขยคบหากับลูกสาวมาเป็นโดยที่ผ่านมาช่วงแรกลูกเขย เป็นคนขยันและตั้งใจทำงานแต่อารมณ์ร้อน จึงทำให้ระยะหลังมักจะมีปากเสียงกับลูกสาวอยู่เสมอโ ดยปัญหาส่วนใหญ่คือความหึงหวง ทำให้ทั้งคู่แยกทางกันอยู่มาได้เป็นระยะเวลากว่าเกือบสองปีแล้ว แต่ลูกเขยยังตามมาราวีที่บ้านหลังนี้และทำร้ายร่างกายลูกสาว จนไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลคันนายาวมาแล้วประมาณ 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมาลูกเขยได้ใช้ไม้ทุบตีรถยนต์ของลูกสาวช่วงกลางคืนจนกระจกหน้าแตก พังเสียหาย และได้ไปแจ้งความไว้แล้วเช่นกัน ตนเองไม่ทราบว่าลูกเขยติดยาเสพติดหรือไม่ แต่มีการดื่มเบียร์บ้างเป็นครั้งคราว

ส่วนลูกเขยกับลูกชายไม่เคยมีปัญหาหรือความขัดแย้งกันมาก่อนพูดจากันด้วยดีเสมอเมื่อคืนคิดว่าเป็นการยิงขู่เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะเอาถึงชีวิต ล่าสุดตนเองยังติดต่อลูกชายไม่ได้ โดยมีเพื่อนบางคนมีโอกาสไปคุยกับลูกชายก่อนที่จะหลบหนี ลูกชายบอกว่าขอเวลาทำใจอีกสองวัน หากลูกชายดูข่าวอยู่ตนเองอยากให้ลูกชายเดินทางมาหา และจะพาไปมอบตัว เพราะเชื่อว่ามีหนทางต่อสู้คดีได้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุบุกรุกมาในเวลากลางคืน ตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น

ขณะที่บรรยากาศที่ศาลาสามวัดหนองใหญ่ แขวงและเขตสายไหม กรุงเทพฯ ญาติรับศพของ นายสุริยา มาบำเพ็ญกุศล และกำลังเตรียมประกอบพิธีรดน้ำศพบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยวันนี้มีลูกสาวคนเล็กของผู้ตายเดินทางมาร่วมรดน้ำศพด้วย 

ทีมข่าวพูดคุยกับ พระปริญญา ทองใบ อายุ 22 ปี พระน้องชายผู้ตายเปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุยืนยันว่าพี่ชายไม่ได้มีอาการมึนเมาและได้ขอเงินพ่อไปไม่ทราบจำนวน เพื่อที่จะนำไปให้ลูกในการใช้จ่ายเป็นค่าเทอม แต่อาตมาคาดว่าเมื่อไปถึงแล้วเห็นเพื่อนที่อยู่ในห้องตัดผมสั้นไม่ทราบว่าเป็นชายหรือหญิง จึงเกิดความหึงหวงแต่การที่นำปืนมายิงแล้วทำให้เสียชีวิต อาตมามองว่าเกินกว่าเหตุ หากจะยิงขึ้นฟ้าสองนัดและเข้ามากันตัวออกจะดีกว่าหรือไม่ และอยากให้ตำรวจตรวจสอบว่าแท้จริงผู้ก่อเหตุตั้งใจจะยิงพี่ชายอาตมาหรือยิงเพื่อขู่ ส่วนผู้ก่อเหตุเองอาตมาก็รู้จักเป็นการส่วนตัว เพราะถือว่าเป็นพี่น้องกันแล้วเคยพูดคุยกันอยู่บ่อยครั้ง

ยืนยันว่าที่ผ่านมาการทะเลาะตบตีกันของพี่ชายและพี่สะใภ้ก็เป็นเรื่องของคนในครอบครัว อาตมาไม่ได้บอกว่าพี่ชายดีก็มีลงมือกับภรรยาบ้าง แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาพี่ชายเป็นคนขยันขับรถหกล้อส่งเงินให้ลูกให้เมียตลอดเวลา และบางครั้งถึงกับกินนอนบนรถหกล้อ ช่วงก่อนที่จะเลิกกันคิดว่าทั้งสองคนคงมีปัญหากันเรื่องเงิน และภรรยาผู้ตายอาจจะคิดว่าพี่ชายตนเองหมดปัญญาเลี้ยง จึงตัดสินใจขอแยกทาง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแน่นอนว่ายังไม่มีใครทำใจได้ เพราะผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัวเป็นเสาหลักของแม่ ยืนยันว่าต้องการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

ทีมข่าวเดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ นายชรินทร์ เนียมปาน อายุ 33 ปี ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี