เปิดใจไรเดอร์กร่างร้านไก่ ลั่นเป็นสไตล์ฉี่โชว์สื่อไม่ม่วง จ๋อยอ้างซี้ผกก.ดันผิดคน (คลิป)

จากกรณีเพจเฟสบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 5.2” ออกมาโพสต์คลิปไรเดอร์ชายชุดเขียว แสดงพฤติกรรมกร่างกับพนักงานของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. แถมยังไปมีเรื่องกับลูกค้าที่พยายามเข้ามาห้ามปรามจนกลายเป็นปากเสียงกันอีก

พร้อมระบุข้อความว่า “ไรเดอร์ (บางคน) หัวร้อน พี่จะเอะอะโวยวายเพื่ออ?? ไรเดอร์หัวร้อนอาละวาดพนักงาน ด่าลูกค้าแถมอ้าง รู้จัก ผกก.สน.หัวหมาก (จนท.ไม่เกี่ยวโดนแอบอ้าง) เหตุร้านอาหารหน้ารามครับหลังจากนั้นตำรวจมาครับ คือคิวเยอะมาก แต่เขาอาละวาด พนักงานจนพนักงานร้องไห้ครับ พนง เลยโทรแจ้งตำรวจ แต่ก่อนตำรวจมา เขาด่าลค คนอื่น และอ้าง ผกก. สน. หัวหมาก แล้วปาอาหารลงโต๊ะครับ ชุดขาวคิอ เข้ามาช่วย”

วันนี้ 10 ต.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ “นางสาวมีนา” (นามสมมติ) คนที่ถ่ายคลิป ว่าคืนที่เกิดเหตุ ตนกับเพื่อนไปนั่งกินอาหารที่ร้านและนั่งทำงานพอดี ตอนแรกที่เห็น “นายต้า” เดินเข้ามา เหตุการณ์ก็ปกติเหมือนกับไรเดอร์ทั่วไปแต่ตนไม่คุ้นหน้าเขา ต่างจากไรเดอร์คนอื่นที่พอจะคุ้นหน้าบ้าง เพราะที่ผ่านมาตนก็ไปนั่งที่ร้านนี้บ่อย

แต่จู่ ๆ “นายต้า” ก็ลุกขึ้นไปโวยวายกับพนักงานว่าตัวเองได้อาหารช้า แล้วก็โต้เถียงกันจนกระทั่ง “นายทอม” เข้ามา และเหตุการณ์ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน เพราะกลัวว่าจะมีการชกต่อย ทำร้ายร่างกายหรือยิงกัน เหมือนกับข่าวครั้งก่อน ๆ ที่เคยเห็น

เจ้าตัวยอมรับว่าตกใจมาก เพราะ “นายต้า” เอะอะโวยวายดังลั่นทั้งร้าน ขณะที่ทุกคนเงียบสนิท และตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรอไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ทุกคนยังรอได้ จึงอยากให้ทางบริษัทต้นสังกัดตรวจสอบพฤติกรรมของไรเดอร์คนนี้ ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสมไม่ควรจะเกิดขึ้น

“นายทอม” (สงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 45 ปี ลูกค้าเสื้อขาวที่พยายามเข้ามาห้ามปรามระหว่างไรเดอร์กับพนักงานร้านอาหารซึ่งปรากฎในคลิป เจ้าตัวเล่าให้ทีมข่าวฟังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเวลา 21.35 น. ของวันที่ 9 ต.ค. 65 ขณะนั้นตัวเองขับ จยย. เข้าไปสั่งอาหารตามปกติ เห็นว่าภายในร้านตอนนั้นมีลูกค้าประมาณ 20 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็กและผู้สูงอายุ รวมถึงมีพนักงานไรเดอร์อีกประมาณ 9 คน นั่งรออาหารกันอยู่

พอตนเข้าไปสั่งอาหาร พนักงานบอกว่าให้รอประมาณ 20 นาที เหตุการณ์ทุกอย่างยังปกติ จู่ ๆ มีไรเดอร์คนหนึ่งสวมเสื้อบริษัทสีเขียว นุ่งกางเกงขาสั้นประมาณเข่าและสวมรองเท้าแตะ ลุกขึ้นเดินมาที่เคาเตอร์ แล้วก็ตะโกนด่าพนักงานผู้หญิง อายุประมาณ 20 กว่า ๆ บอกว่า “กูรอออเดอร์ประมาณ 40 นาทีแล้ว ทำไมไรเดอร์คนตะกี้มาพร้อมกู แต่ทำไมได้ของไปก่อนทำไมกูยังไม่ได้” จากนั้นพนักงานหญิงก็อธิบายประมาณว่า “ไรเดอร์ที่มารอออเดอร์มีหลายบริษัท ไม่ได้มีของบริษัทพี่อย่างเดียวนะคะ”

แต่ไรเดอร์คนนี้ดูเหมือนจะไม่พอใจมาก จึงยกเท้าขึ้นมาเสมอเคาเตอร์ ตนก็เริ่มงงว่าทำไมถึงทำแบบนี้ แถมยังตะคอกใส่พนักงานด้วยคำหยาบคายอีกเรื่อย ๆ เหมือนพยายามขู่ให้พนักงานทำออเดอร์ให้เขาเดี๋ยวนั้น ทำให้พนักงานหญิงคนนั้นต้องไปตามผู้จัดการร้านมา ผู้จัดการร้านก็ชี้แจงว่าออเดอร์ของเขาจะได้อีกประมาณ 5 นาที แต่ไรเดอร์คนนี้ก็ไม่จบ โวยวายต่อเนื่องด้วยความไม่พอใจ จนทำให้พนักงานหญิงที่โดนตะวาดรอบแรกตกใจกลัว ต้องวิ่งไปกอดหลังเพื่อนร่วมงานแล้วร้องไห้โฮ ขณะเดียวกันลูกค้าภายในร้านก็แตกตื่น ลุกขึ้นเดินไปนั่งรวมกันที่มุมร้าน วินาทีนั้นด้วยความที่ตนเป็นอาจารย์สอนบุคลากรที่ประกอบอาชีพผู้ช่วยพยาบาลตามโรงเรียนและสถาบันต่าง ๆ อยู่แล้ว จึงพยายามเข้าไปปลอบให้ใจเย็น ๆ

จากนั้นตนก็หันไปคุยกับไรเดอร์รายนี้ แล้วบอกว่า “ผมว่าคุณหยุดดีกว่า เพราะคุณโวยวายอยู่คนเดียว” แต่ตนก็โดนสวนกลับมาว่า “ไม่ต้องมาเสือก” ตนจึงอธิบายไปว่า “ผมไม่ได้เสือก แต่ผมเป็นลูกค้าคนหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการ รอได้ แล้วคุณเป็นไรเดอร์ คนอื่น ๆบางคนที่รอเขาก็เป็นไรเดอร์ ทำไมเขานั่งรอได้ ทั้ง ๆ ที่เขาอาจจะรู้สึกว่าช้าเหมือนกัน แต่เขาไม่พูดแบบคุณนะครับ” ไรเดอร์รายนี้ก็ถามว่าตนจะเอายังไงกับเขา พร้อมกับแสดงตัวว่าตัวเองรู้จักกับผู้กำกับ สน.หัวหมาก

ตนได้ยินแบบนั้นก็เลยบอกให้เขาโทรหาผู้กำกับทันที ไรเดอร์คนนี้ก็โทรจริง ๆ แต่กลายเป็นว่าปลายสายไม่มีใครรับ ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าเบอร์ที่โทรเป็นเบอร์ผู้กำกับจริงไหม แต่หากเป็นเบอร์จริงตนก็มองว่าคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็คงรู้จักผู้กำกับ แต่ผู้กำกับจะรู้จักไรเดอร์คนนี้หรือเปล่าอันนี้ไม่รู้ ไรเดอร์ยังมีการบอกให้ตนไปหาเขาที่บ้านซึ่งอยู่ในซอยรามคำแหง 39 แยก 11 พร้อมบอกบ้านอยู่แถว ๆ อู่รถในซอย แล้วก็โวยวายเรื่อย ๆ หนำซ้ำยังท้าตีท้าต่อยกับตนอีก ตนจึงพูดออกไปว่า “ถ้าคุณรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ระดับนี้จริง คุณก็ไม่ควรจะเอาเขามาพูดแบบนี้ เพราะพฤติกรรมแบบนี้ไม่มีใครช่วยคุณหรอก”

เขาก็เดินไปหยิบหมวกกันน็อคมาใส่ แต่ตนสังเกตแววตาและดูทรงของเขาในตอนนั้น ดูเหมือนคนที่มีความเครียดสะสม หรือไม่ก็มีอย่างอื่นที่ตนไม่อยากพูดปรักปรำ ก็เลยใช้จิตวิทยาในฐานะอาจารย์พูดกับเขาอีกรอบว่า “ผมเข้าใจนะ การที่คุณต้องรออาหาร แต่คุณต้องเข้าใจพนักงานด้วย เขาเป็นผู้หญิง พอคุณแสดงพฤติกรรมแบบนี้ออกไป คนอื่นที่มองเข้ามา จะเห็นว่ามันคือการสบถคำหยาบ คุณควรจะหยุดได้แล้ว เพราะทุกคนเขารอ”

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทางไปพื้นที่ ที่ไรเดอร์ในคลิปแจ้งกับ “นายทอม” ว่าให้สามารถไปเจอได้ เจอกับไรเดอร์ที่ปรากฎในคลิปทราบชื่อ “นายสุทันต์ ขุนเณร” หรือ “นายต้า” อายุ 28 ปี เจ้าตัวบอกกับทีมข่าวว่าเพิ่งจะตื่น และยังไม่เห็นข่าวตัวเอง ยังไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัทต้นสังกัดด้วย แต่เท่าที่ดูในแอพพลิเคชันก็ยังไม่ได้ถูกระงับบัญชี พร้อมยืนยันว่าบัญชีที่สมัครเป็นไรเดอร์ เป็นบัญชีตัวเอง สมัครลงทะเบียนเองเมื่อ 9 เม.ย. 64 ปรากฎชื่อรหัสคนขับและหมายเลขโทรศัพท์เป็นของ “นายต้า” จริง ๆ

เจ้าตัวอธิบายเหตุการณ์ในมุมของตัวเองว่า เมื่อคืนนี้ตนรับออเดอร์มา 2 ออเดอร์ ไล่เลี่ยกัน แล้วพอตนเข้าไปที่ร้านเพื่อรับของปรากฎว่าต้องรอประมาณ 40 นาที ถึงจะได้รับออเดอร์ที่ 1 เสร็จ พอได้เสร็จก็นั่งรออีกประมาณ 10 นาที จึงแปลกใจว่าทำไมอีกออเดอร์ยังไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เลขมันต่อกัน ขณะเดียวกันก็มีไรเดอร์บริษัทอื่นเข้ามารับของออกไป ซึ่งเป็นเมนูเดียวกับออเดอร์ที่ 2 ของตน คือนักเก็ตส์ ก็เลยรู้สึกว่าถูกลัดคิวหรือเปล่า จึงเดินไปถามพนักงานว่า “พี่ครับ ของผมเมื่อไหร่จะได้ครับ” พนักงานก็บอกว่า “อีก 5 นาที กำลังทอดนักเก็ตส์อยู่” จากนั้นตนก็เริ่มโวยวายเพราะรอนานแล้วแต่ยังไม่ได้ของเลย แล้วสงสัยว่าทำไมคนอื่นได้ของก่อน

แล้วผู้จัดการสาขาก็เดินมาตะคอกใส่ตนว่า “ถ้าไม่รับออเดอร์ก็ยกเลิกไป” ตนก็เลยบอกว่าถ้าอยากให้ยกเลิก ร้านก็ต้องยกเลิกเอง แล้วไปคุยกับลูกค้าเอา เพราะถ้าตนเป็นฝ่ายยกเลิกก็จะเสียเครดิต ทั้งยังต้องชี้แจงกับลูกค้าอีก จู่ ๆ “นายทอม” ซึ่งไม่ได้รู้จักมาก่อนก็เดินมาหาตน แล้วถามว่า “ทำไม มึงเป็นไง อาการเยอะหรอ พี่ก็รอเหมือนกัน 20 นาทีแล้ว” ตนก็งง จึงตอบไปว่า “พี่มาทีหลังพี่ก็ต้องรอ ถูกแล้ว แต่นี่ผมมาก่อน รอ 40 นาทีแล้ว ผมต้องรอต่อจากพี่หรอ” แถม “นายทอม” ยังกล่าวหาตนว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชอีกต่างหาก ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ตนรู้สึกไม่โอเคก็เลยตอบกลับไปว่า “ผมไม่ได้ป่วย ตรวจปัสสาวะผมได้เลย” เขาก็สวนกลับมาว่า “มึงใหญ่โตเหรอ เดี๋ยวมึงเจอกู” ตนจึงบอกไปว่าเดี๋ยวจะโทรหาผู้กำกับ สน.หัวหมาก ให้ เพราะเคยมีคดีอยู่ที่นั้น แล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามคลิปจริง

ส่วนประเด็นที่ว่าตนไปโยนอาหารลงบนโต๊ะเคาน์เตอร์นั้น เจ้าตัวอธิบายว่าจริง ๆ แล้วพนักงานต่างหากที่เป็นคนโยนอาหารให้ตนก่อน ตนจึงโยนกลับเพราะไม่พอใจ พร้อมบอกว่ากล้าสาบานให้ตายห่าตายโหงเลยถ้าพูดไม่จริง แล้วกรณีที่ว่าตนยกเท้าขึ้นเสมอเคาน์เตอร์นั้น ยืนยันว่าไม่จริงเช่นกัน ท้าให้ทางร้านเปิดกล้องวงจรปิดดูได้เลย ส่วนเหตุการณ์ที่ประตูร้าน ตนก็ยืนยันว่าไม่ได้มีการยื้อกันเลย ตนไม่ได้ด่าพนักงานแต่ที่ด่าคือด่า “นายทอม” เพราะเขาพยายามจะเดินปรี่มาหาตนที่ประตูคล้ายกับจะกวนโมโหตน

ยืนยันว่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ตนไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใครด้วย เพราะถ้าจะทำร้ายจริง ๆ ตนใส่หมัดตรงไปตั้งแต่แรกแล้ว เนื่องจากในอดีตก็เคยเป็นนักมวยมาก่อน พอตนเดินออกจากร้านไป เพื่อนำออเดอร์ไปส่งให้ลูกค้า ไม่นานผู้จัดการสาขาก็โทรกลับมาหาตน บอกว่าให้กลับไปที่ร้านไปคุยกับตำรวจตนก็กลับไป แต่พอไปถึงก็ไม่เห็นว่ามีตำรวจอยู่ ทางผู้จัดการร้านก็ไม่คุยอะไรกับตน จากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็โทรตามให้ตนไปไกล่เกลี่ยกับพนักงานหญิงที่โรงพัก แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ผิด ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้ทำลายข้าวของ จึงไม่จำเป็นต้องไปไกล่เกลี่ยอะไรเพราะที่ตนด่า “นายทอม” ก็เพราะเขามาด่าตนว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชก่อน แถมยังถูกผู้จัดการสาขาตะคอกให้ยกเลิกออเดอร์อีก ที่ผ่านมาก็เคยไปรับออเดอร์ที่ร้านแห่งนี้มาตลอดไม่เคยมีปัญหากับพนักงานคนอื่นเพราะเขาพูดดี ยกเว้นผู้จัดการสาขาที่พูดตะคอกทำให้ตนโมโห

ทั้งนี้ถ้าถามว่าทำไมถึงอ้างว่าตัวเองรู้จักผู้กำกับ สน.หัวหมาก เพราะเมื่อประมาณเดือน พ.ค. 65 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาขอตรวจค้นรถยนต์ของตนในที่เปลี่ยว อ้างว่าตนมียาเสพติดในรถ แต่ด้วยความที่ตอนนั้นตนไม่เห็นหมายค้นจึงไม่ยอมให้ค้น จนกระทั่งตนขับมาที่บ้าน ตำรวจก็ยังตามมาอีก แถมยังพังรถตนเพื่อค้นภายในรถ สุดท้ายพอค้นไปค้นมาก็เจอแต่ไก่สดที่ตนเตรียมเอาไปทำอาหารไม่เจอยาเสพติดอะไรทั้งนั้น ทางผู้กำกับจึงติดต่อมาเคลียร์กับตนว่าเป็นการเข้าใจผิดก็เลยทำให้รู้จักกัน

แล้วถ้าถามว่าที่ผ่านมาเคยมีประวัติเสพยาไหม เจ้าตัวตรวจยืนยันว่าไม่มี แต่อาจจะดื่มน้ำกระท่อมกับดูดกัญชาบ้างนาน ๆ ครั้ง เพราะตนมองว่ามันเปิดเสรีแล้ว แต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุไม่ได้เสพไม่ดื่มและไม่ดูดอะไรทั้งนั้น ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ยอมรับว่าปกติตัวเองเป็นคนอารมณ์ร้อนและอารมณ์ขึ้นง่ายอยู่แล้ว แต่ไม่เคยรังแกใครก่อน จึงมีฉายาว่า “ต้าบ้าฆ่าไม่ตาย”

และยังเล่าให้ทีมข่าวฟังอีกว่าเมื่อปี 56-59 เคยถูกจำคุกคดีพยายามฆ่าผู้อื่น เพราะมีเรื่องกันในสถาบัน พื้นที่ สน.หัวหมาก พร้อมกับโชว์ร่องรอยประวัติศาสตร์ตามร่างกายทั้งรอยสักโลโก้สถาบันที่หน้าอกซ้าย รอยแผลมีดแทงที่แผ่นหลัง รวมถึงรอยรถชนขาหักจนต้องใส่เหล็กดาม สิ่งหนึ่งที่ตนอยากจะบอกกับ “นายทอม” คือ “ผมไม่ได้ป่วย ผมว่าพี่อะแหละป่วย พี่ควรหาหมอนะ เรื่องมันเป็นเรื่องของคนสองคนที่คุยกัน พี่เป็นคนที่สามแบบนี้บ้านผมเรียกว่าเสือก”

ล่าสุดเมื่อเวลา 18.50 น. ที่ สน.หัวหมาก ด้านของ “นายต้า” ก็เดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในขณะที่ไล่เลี่ยกัน เวลา 19.00 น. “นายทอม” ก็เดินทางมาถึงโรงพักด้วย ซึ่งเบื้องต้นทราบว่า “พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร” ผกก.สน.หัวหมาก ได้นัดทั้งคู่มาเจรจาไกล่เกลี่ย ส่วนกับทางพนักงานร้านไม่ได้ติดใจเอาความหรือดำเนินคดีกับ “นายต้า” เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ของคน บวกกับเมื่อคืนออเดอร์เยอะ ประมาณ 87 ออเดอร์มาพร้อมกัน ทั้งออนไลน์และวอร์คอิน จึงอาจจะล่าช้าไปบ้างและสื่อสารกันไม่ถูกต้องระหว่างไรเดอร์กับพนักงาน บวกกับด้วยอารมณ์ของไรเดอร์ที่ยังเป็นวัยรุ่น จึงอาจจะมีช่วงจังหวะที่พูดจาไม่สุภาพออกไป

จากนั้นเวลา 19.10 น. ทั้งคู่ได้เข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยกันภายในห้องประชุมของโรงพัก โดยบรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี “นายต้า” ก็ได้ยกมือไหว้ขอโทษ “นายทอม” ต่อหน้าผู้กำกับและมีทางผู้จัดการร้านอาหารที่เกิดเหตุมาร่วมฟังด้วยแต่ไม่ขอออกสื่อ เนื่องจากเป็นกฎระเบียบขององค์กร ซึ่ง “นายต้า” ก็ฝากขอโทษพนักงานที่ตนพูดจาไม่สุภาพใส่เมื่อคืนผ่านกับทางผู้จัดการร้าน ซึ่งทางผู้จัดการก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะมองว่าในอนาคตยังคงต้องร่วมงานกันต่อ

“นายต้า” บอกกับ “นายทอม” ว่าที่ตนอารมณ์ร้อน เพราะถูกคำพูดบางคำที่ไปกระทบจิตใจ จึงแสดงอาการแบบนั้นออกไป ซี่งทาง “นายทอม” ก็รับคำขอโทษรับไหว้และจบกันด้วยดีด้วยกันจับมือกันโชว์อมรินทร์ทีวี

ส่วนเรื่องของการที่ “นายต้า” มีการเอ่ยชื่อผู้กำกับ สน. หัวหมาก ในเหตุการณ์นั้น “พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร” ผกก.สน.หัวหมาก ก็ได้อธิบายว่าจริง ๆ แล้วอาจจะเป็นการเข้าใจผิด เพราะก่อนหน้านี้ที่ “นายต้า” มีปัญหาตามที่เขาเล่า ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งแล้วเรื่องมันจบด้วยดี ทำให้เขาคิดว่าตำรวจคนนั้นคือผู้กำกับ แต่จริงแล้วไม่ใช่ พอเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ เขาจึงเผลอพูดออกไปว่ารู้จักกับตน

ทั้งนี้หลังจาก "นายต้า" สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเสร็จ เพื่อเป็นการยืนยันว่าเจ้าตัวไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด จึงไปซื้อชุดทดสอบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะมาตรวจพิสูจน์ให้ทีมข่าวดู ปรากฏว่าขึ้นเป็น 2 แถบ นั่นหมายความว่าไม่มีสารเสพติดในปัสสาวะ